ตระกูลอิ่น
คนส่วนใหญ่ยังคงรวมตัวกันอยู่ที่ห้องโถงนี้ บนกำแพงยังคงมีสองรูขนาดใหญ่เหมือนเก่า เพราะว่าเวลามีน้อย ตอนนี้ยังไม่มีคนมาซ่อมแซม พวกเขาก็ไม่มีอารมณ์ที่จะเรียกคนมาซ่อมแซม
หรือพูดได้ว่าอารมณ์ ย่ำแย่อย่างมาก
ตระกูล ยังไงก็ตามมีสินทรัพย์นับร้อยล้านขึ้นไป แต่ตอนนี้จู่ๆก็โดนลูกเขยจนๆมาฆ่าถึงบ้านแล้ว และพวกเขาก็ไม่กล้าสู้กลับด้วย
ก็แค่ลูกเขยจนๆคนหนึ่งเท่านั้น
ไร้ความสามารถ
ทุกคนล้วนมีสีหน้าอึมครึม โดยเฉพาะอิ่นป่ายที่นั่งประจำตำแหน่ง ใบหน้าใกล้จะดำปิ๊ดปี๋แล้ว ในเวลานี้คุณท่านอิ่นถึงได้รู้ข่าวเดินเข้ามาแล้ว ขมวดคิ้วพร้อมพูดว่า : “ก็แค่คนๆหนึ่งที่บุกเข้ามา พวกแกไม่มีใครกล้าจัดการเลย?”
เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่า พวกเด็กวัยรุ่นเจเนอเรชั่นนี้ กากขนาดนี้
“……”
ตระกูลอิ่นไม่มีใครพูดจาเลย พวกเด็กวัยรุ่นล้วนแต่ก้มหน้าเงียบกัน
พวกเขาล้วนแต่คิดว่า ตัวเองคนเดียวสามารถจัดการฉินเฟิงได้ห้าถึงหกคน แต่ว่าเมื่อถึงเวลานั้นจริงๆ พวกเขาพบว่า พวกเขาไม่เพียงแค่ไม่กล้าเข้าไปจัดการ แถมยังขาอ่อนปวกเปียกอีกด้วย
บางคน ยังนอนกระจายบนพื้นในที่เกิดเหตุเลย
ฉินเฟิงใช้ความน่าเกรงขามที่มองไม่เห็นทำให้พวกเขาหวาดกลัวแล้ว
“คือว่า คือว่าฉินเฟิงไม่ได้ธรรมดาขนาดนั้นใช่ไหม?” มีคนตระกูลอิ่นคนหนึ่ง เอ่ยถามอย่างขาดความมั่นใจ
แต่ว่า กลับว่าได้รับคำด่าทอของคุณท่านอิ่นกลับมา
“ไอ้สารเลว!ยังจะหาข้ออ้างอีก!”
คุณท่านอิ่นด่าทอออกมาโดยทันที : “ไม่ธรรมดาขนาดนั้น?ประวัติของเขา พวกเราก็รู้กันหมดแล้ว ตอนนั้นก็เป็นแค่ขอทาน ตอนนี้ก็แค่กลับมาเป็นทหาร สิ่งเดียวที่มีก็คือต่อยเป็นบ้างก็เท่านั้น แต่ว่าพวกแกมีมากมายขนาดนี้ จู่ๆล้วนแต่ตกใจกลัวกันหมด ทำให้ตระกูลอิ่นของเราขายหน้าจริงๆ”
เมื่อด่ามาขนาดนี้ ใบหน้าของอิ่นป่ายก็ดำหมดแล้ว
ไอ้แก่ตายยากนี่กำลังด่าเขาอยู่
ตอนนั้นเขา ถูกฉินเฟิงทำให้ตกใจจนน่าอนาถสุดๆ
“พอแล้ว คุณปู่ วันนี้เป็นเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดมาก่อน ยิ่งไปกว่านั้นพวกเราต่างก็เป็นนักธุรกิจ จะชกต่อยเป็นได้ยังไงล่ะ ฉันว่าฉินเฟิงคนนั้นก็ใช้เป็นแค่กำลังแต่ไม่มีมันสมอง ภูมิใจได้ไม่นานเท่าไหร่หรอก”
อิ่นป่ายรีบโบกไม้โบกมือทันที พูดกล่าวต่อ : “พวกเราไม่ต้องไปเจรจากับกองกำลังติดอาวุธของเขาได้ ใช้จุดเด่นของเรา ใช้ธุรกิจ ใช้วิธีการทางธุรกิจจัดการเขาให้อยู่หมัด ฉันได้ติดต่อกับหวงจงประธานของหวงซื่อกรุ๊ปแล้ว ยินยอมที่จะร่วมมือกับพวกเราจัดตั้งกลอุบายให้กับอิ่นซินแล้ว ให้เขาเอาบริษัท กึ่งซานหยวน จำกัดนั่นมาชดใช้จนหมดเกลี้ยง”
“แค่ผู้หญิงคนเดียว ยังคิดอยากจะทำธุรกิจ จะทำธุรกิจอะไรเป็น ฉันจะให้เธอได้ชดใช้จนหมดเกลี้ยง”
“แต่ว่า ข้อสมมุติล่วงหน้าคืออิ่นซินไม่ได้ตายในกำมือของอู๋ห้าว อู๋ห้าวอยู่ที่เมืองเจียงเฉิงก็ถือว่ามีอำนาจในเขตนั้น จัดการฉินเฟิงและอิ่นซินทิ้ง น่าจะเป็นเรื่องที่สบายมาก”
อิ่นป่ายหัวเราะอย่างเยือกเย็น เขาถึงขั้นกับรู้สึกว่าอิ่นซินได้ตายไปแล้ว
เพียงแต่ว่าในเวลานี้ อิ่นเสี้ยงสวี่เดินจากข้างนอกประตูเข้ามาอย่างเร่งรีบแล้ว สีหน้าค่อนข้างร้อนใจเล็กน้อย : “ไม่ได้การแล้ว แผนการล้มเหลวแล้ว ตระกูลอู๋ ตระกูลอู๋ถูกฆ่ายกครัวแล้ว ”
แผนการล้มเหลวแล้ว
พวกสมาชิกของตระกูลอิ่นรวมถึงอิ่นป่าย ล้วนแต่รับได้ ถึงอย่างไรก็อาจจะเป็นอุบัติเหตุ แต่ว่าตระกูลอู๋ถูกฆ่ายกครัวแล้ว นี่ก็ทำให้พวกเขาค่อนข้างที่จะคาดคิดไม่ถึง ไม่อยากที่จะจินตนาการ ไม่อยากที่จะจินตนาการจริงๆ นั่นคืออู๋ห้าวนะ
สามารถนำมาเปรียบเทียบกับการมีอยู่ของตู้ต้วนเทียนได้
ยิ่งไปกว่านั้น ได้ยินมาว่ายังมีบุคคลปริศนาคนหนึ่ง คอยปกป้องเขาอยู่
“ตระกูลตู้ลงมือแล้ว?” อิ่นป่ายถามอย่างค่อนข้างสงสัย
“ไม่ใช่ ได้ยินมาว่าตระกูลตู้ไปหาผู้สนับสนุนคนหนึ่ง ผู้สนับสนุนคนนั้นเป็นคนลงมือจัดการ ตระกูลตู้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของตระกูลอู๋ เพราะงั้นจึงทำได้เพียงให้ผู้สนับสนุนของพวกเขาออกมาจัดการแล้ว”
“ผู้สนับสนุนเหรอ?ใครกัน?”
“คนนี้ชื่อว่า MR.X นี่เป็นชื่อที่ตระกูลตู้ประกาศต่อภายนอก ฐานะ รูปร่างหน้าตาล้วนแต่ลึกลับ แต่ว่าได้ยินมาว่ามาจากกองกำลังทหาร ยอดเยี่ยมมาก”
พวกเขาใช้การพูดเสียดสีอิ่นซิน มาเพื่อปกปิดความอัปยศอดสูที่ก่อนหน้านี้เคยถูกฉินเฟิงทำให้ตกใจจนขาอ่อนแรง
……
และเมื่อถึงตอนกลางคืน อิ่นซินตื่นขึ้นมาอย่างสบายใจแล้ว ลืมตาขึ้น พบว่าอยู่บนเตียงของตัวเอง ลูบๆศีรษะที่ปวดอยู่บ้างแล้ว
‘ตื่นแล้ว?”
ฉินเฟิงเดินเข้ามา ในมือถืออยู่ถ้วยหนึ่ง : “หิวแล้วยัง คุณสลบไปเกือบหนึ่งคืนแล้ว นี่มีโจ๊กอยู่นะ ถ้าหิวล่ะก็ กินโจ๊กสักหน่อยนะ ”
“คุณเป็นใครช่วยฉันไว้อีกแล้ว?”
อิ่นซินกลับว่าไม่กิน และเงยหน้ามองฉินเฟิงด้วยดวงตาเฉี่ยวเช่นนี้
แม้ว่าเธอจะเป็นลมสลบไป แต่ว่าถูกคนอุ้มขึ้นมาในท่ามกลางของการสะลึมสะลือ และมีความรู้สึกที่คุ้นเคยและความรู้สึกปลอดภัยเป็นอย่างมาก ในความฝันเธอก็พอที่รู้ว่าเป็นฉินเฟิง
เพราะงั้นจึงโอบกอดด้วยมือทั้งสองข้างอย่างแน่นๆโดยสัญชาตญาณแล้ว
หลังจากนั้น เธอก็พบสิ่งหนึ่งแล้ว ในใจของเธอ ได้ชอบฉินเฟิงอย่างงุนงงเข้าแล้ว
แต่ว่า นี่ไม่ใช่ลางที่ดีเลย
อิ่นซินหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้ว และก็กดโทรไปหาหลิวลานเมิ่ง : “ลานเมิ่ง ฉันขอถามแกเรื่องหนึ่ง ตอนนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับตระกูลอู๋เหรอ?”
“เกิดเรื่องใหญ่แล้ว ตระกูลอู๋ถูกฆ่าตายยกครัว ได้ยินมาว่าเป็นผู้มีอิทธิพลทางทหาร คนอื่นต่างก็เรียกเขาว่าMR.X……”
สิ่งที่พูดหลังจากนี้ก็คือ รายละเอียดของเรื่องนี้แล้ว
เป็นฉบับที่ตู้ต้วนเทียนเป็นคนปล่อยออกมา
แต่ว่าหลังจากที่อิ่นซินฟังจบแล้ว วางมือถือลง แล้วก็มองฉินเฟิง ด้วยดวงตาเฉี่ยว พูดอย่างซับซ้อนอย่างมากว่า : “ฉินเฟิง เพราะงั้น คุณแย่งเอาความดีความชอบของคนเขามาอีกแล้วใช่ไหม ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เทพศึกมังกรหวนคืน