“ตู้ต้วนเทียน ใครน่ะ?”
มีคนมาใหม่อยู่ข้างๆ อิ่นป่ายซึ่งไม่รู้จักตู้ซื่อกรุ๊ป แต่เขาคิดว่าคนที่สามารถอยู่กับฉินเฟิงได้น่าจะเป็นบริษัทเล็กๆ เพื่อให้ได้งานที่ดีจากอิ่นป่าย เขาจึงก้าวไปข้างหน้าทันทีแล้วพูดว่า “ตู้ซื่อกรุ๊ป ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน มันคืออะ...”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ
ผัวะ
อิ่นป่ายตบหน้าเขา “ไอ้สารเลว นายมีสิทธิ์พูดตรงนี้เหรอ? นายรู้ไหมว่านี่ใคร? ประธานตู้ซื่อกรุ๊ป ลูกชายคนโตของตระกูลตู้ เป็นหนึ่งในบริษัทห้าอันดับแรกของเมืองเจียงเฉิง”
อิ่นป่ายพูดไปพลาง รูม่านตาของเขาก็หดลงอย่างฉับพลัน ใบหน้าซีดเผือด เกรงกลัวตู้ต้วนเทียนมากจริงๆ
คนประเภทนี้ที่ควบคุมทุกอย่างในเมืองเจียงเฉิงได้ มาที่บริษัทซานหยวนกรุ๊ปโดยไม่คาดคิด แล้วยังเรียกฉินเฟิงว่า ‘คุณ’ อีก ไม่น่าเชื่อเลย ไม่อยากจะเชื่อ ปาฏิหาริย์ชัดๆ แต่ความจริงก็เกิดขึ้นต่อหน้าเขาแล้ว
เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร
ฉินเฟิงเป็นเพียงขอทานกระจอกคนหนึ่ง
“คุณชายตู้”
สิ่งที่เหนือความคาดหมายยิ่งกว่านั้นก็คือ ฟางเย้นคนรุ่นลูกผู้หยิ่งยโสโอหังจนถึงที่สุด ตกใจจนตกจากเก้าอี้ในทันใด เขาล้มลุกคลุนคลานมาอยู่ตรงหน้าตู้ต้วนเทียน โค้งตัวลง แล้วพูดประจบประแจง “คุณชายตู้ พวกเราจะกล้าแก้แค้นตู้ซื่อกรุ๊ปได้ยังไง?”
ผัวะ
ตู้ต้วนเทียนตบหน้าฟางเย้น ดวงตาทั้งคู่เย็นชาอย่างยิ่ง เขาพูดว่า “ฟางเย้น คุณมีเพียงบริษัทฟางซื่อกรุ๊ปเล็กๆ แต่หยิ่งผยองถึงขนาดนี้”
การตบครั้งนี้ เขาทำในนามของฉินเฟิง
เนื้อหาของบทสนทนาในวันนั้นคือการที่ฉินเฟิงขอให้เขามาเซ็นสัญญาในวันนี้ เพื่อให้เป็นช่องทางใหม่ของบริษัทซานหยวนกรุ๊ป
ตู้ต้วนเทียนมีกำลังมาก แค่ตบก็ทำให้ฟางเย้นล้มลงกับพื้น รอยฝ่ามือปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาอย่างรวดเร็ว แต่ฟางเย้นไม่กล้าโกรธ เขาลุกขึ้นทันที โค้งตัวลง แล้วรีบพยักหน้าให้ตู้ต้วนเทียน
“ครับๆๆ”
ช่างไร้ค่า
คนที่อยู่ในนี้มีความรู้สึกเดียวกัน เมื่อครู่ฟางเย้นผู้ยโสโอหังที่ประกาศว่าจะให้ฉินเฟิงคุกเข่าลง เหมือนไม่ปรากฏตัวขึ้นอีกเลย ซึ่งทำให้ทุกคนตกตะลึง
จากนั้น ตู้ต้วนเทียนก็หยิบสัญญาส่งให้อิ่นซิน “คุณอิ่น นี่เป็นสัญญาระหว่างตู้ซื่อกรุ๊ปของเรากับบริษัทซานหยวนกรุ๊ปของคุณ เราจะเป็นพันธมิตรกับพวกคุณ ผมได้ลงนามเสร็จแล้ว”
“อ้อ…ค่ะ”
อิ่นซินยังไม่เข้าใจ แต่ก็รับมันไว้ก่อน จากนั้นตู้ต้วนเทียนก็จากไป อิ่นซินรู้สึกสับสนเล็กน้อย เกิดอะไรขึ้น? ทำไมจู่ๆ ลูกชายคนโตของตระกูลตู้ก็มาที่นี่
เขามาที่นี่เพื่อเซ็นสัญญา
ไม่ชอบมาพากล
เธอทอดสายตาไปทางฉินเฟิงด้วยความสงสัย แต่ฉินเฟิงกลับยักไหล่ เธอจึงไม่ได้ถามในตอนนี้
“อิ่นป่าย อิ่นเสี้ยงสวี่ ฟางเย้น ผมได้สัญญามาแล้ว จากนี้ไปบริษัทซานหยวนกรุ๊ปของเราจะร่วมมือกับตู้ซื่อกรุ๊ป ไม่ใช่บริษัทฟางซื่อกรุ๊ปอีกต่อไป”
อิ่นซินรับสัญญาฉบับนั้นมา แล้วแสดงให้ทุกคนด้านล่างดู
“…”
ในห้องเงียบเป็นเป่าสาก คนส่วนใหญ่ล้วนเคยตำหนิติเตียนอิ่นซินมาก่อน แต่ตอนนี้พอเห็นสัญญาฉบับนั้นแล้วก็นิ่งเงียบไป หรือพูดอีกอย่างก็คือ พวกเขาไม่มีสิทธิ์พูดอะไรอีกแล้ว
ครึ่งชั่วโมงต่อมา อิ่นเสี้ยงสวี่ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แล้วบอกกับอิ่นป่ายว่า “ไม่ต้องห่วง ฉินเฟิงนั่นแค่ใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ตู้ต้วนเทียนได้ส่งของขวัญจำนวนหนึ่งไปที่บ้านอิ่นซิน มอบให้กับอิ่นหนิงหยู่ ลูกสาวของตระกูลอิ่น สงสัยว่าอิ่นหนิงหยู่กับตู้ต้วนเทียนน่าจะสมคบกัน ถึงได้มีเหตุการณ์อย่างวันนี้”
ผัวะ
อิ่นป่ายทุบโต๊ะ กัดฟันพูดว่า “อิ่นหนิงหยู่ ผู้หญิงไร้ยางอายคนนั้นยังเรียนมหาวิทยาลัยอยู่เลย แต่ก็ออกมาหาผู้ชายแล้ว แถมยังยอมขึ้นเตียงกับคุณชายตู้อีก หน้าไม่อายจริงๆ”
จากนั้น เขาก็ถอนหายใจออกมา แล้วเอนหลังพิงเก้าอี้ “แต่ตอนนี้คุณวางใจได้แล้ว เศรษฐีรุ่นลูกอย่างตู้ต้วนเทียนมีผู้หญิงไม่เคยขาดมือ เหตุผลที่เขาทำสิ่งเหล่านี้เพื่ออิ่นหนิงหยู่ก็แค่ความรู้สึกแปลกใหม่เท่านั้น พอหมดความแปลกใหม่แล้ว คุณคิดว่าเขาจะยังสนใจอิ่นหนิงหยู่อีกเหรอ? เขาจะเขี่ยเธอทิ้งแน่”
“เมื่อก่อนฉันกลัวลนลานมาก ยังคิดว่าเศรษฐีรุ่นลูกอย่างตู้ต้วนเทียนมีความสัมพันธ์กับฉินเฟิงจริงๆ ตอนนี้พอมาคิดดู ฉันนี่มันโง่จริงๆ ก็แค่ขอทานกระจอกคนหนึ่ง ถ้าไม่ใช่เพราะอิ่นหนิงหยู่ เขาคงไม่มีโอกาสได้คุยกับ คุณชายตู้หรอก แต่เหตุการณ์วันนี้ทำให้พวกเราตกอยู่ในสภาวะลำบาก”
“จริงสิ พี่สาว ทำไมคุณไม่ไปพบตู้ต้วนเทียนนั่นดูล่ะ? คุณดูสิ คุณมีรูปร่างที่ดีกว่าอิ่นหนิงหยู่ อยากได้อะไรก็ได้อย่างนั้น มีความสง่างามกว่าเธอ รู้จักแต่งตัวมากกว่าเธอเสียอีก พอถึงตอนนั้นแค่หย่อนเบ็ดก็ได้มาอยู่ในมือแล้ว”
อิ่นป่ายมองมาที่อิ่นเสี้ยงสวี่อีกครั้ง
“ฉันมีคู่หมั้นแล้ว”
อิ่นเสี้ยงสวี่คิดทบทวนเกี่ยวกับคู่หมั้นของตนเองพลางส่ายหน้า
แต่อิ่นป่ายก็พูดต่อว่า “เรื่องพวกนี้ที่คุณทำอยู่ตอนนี้ ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของคุณกับคู่หมั้นของคุณเลย เขาอยู่ในกองทัพอันไกลโพ้น ใครจะรู้ว่าคุณทำอะไรลงไป พี่สาว คุณต้องคิดให้ดี ถ้าคุณไม่ลงมือ แล้วนังโสเภณีอิ่นซินได้ตำแหน่งประธานไป คุณจะยอมได้เหรอ?”
“ฉัน!”
เมื่อนึกถึงอิ่นซิน ไฟในดวงตาของอิ่นเสี้ยงสวี่ก็ลุกโชนด้วยความโกรธ สุดท้ายก็กัดฟันพูดว่า “ฉันตกลง”
“ทำถูกแล้ว”
อิ่นป่ายยิ้ม หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทรหาฟางเย้น บอกเขาว่าพวกเขาตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว ตู้ต้วนเทียน เศรษฐีรุ่นลูกไม่มีความสัมพันธ์อะไรกับฉินเฟิง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เทพศึกมังกรหวนคืน