“ขึ้นไปข้างบนสิ”
อิ่นหนิงหยู่ไม่ได้ถือเป็นจริงเป็นจัง คิดเอาเองว่ามาออดิชั่นเหมือนตน บางทีเธออาจจะซ้อมร้องไห้จนเกินไปหน่อย ถึงตอนนี้ก็ยังไม่หยุด
น้ำตาไหลอาบแก้ม
“อืม”
ฉินเฟิงก็ต้องการที่จะขึ้นไปดูที่ชั้นบน
เมื่อไปถึงชั้นบนก็มีป้ายใหญ่ที่ประตูเขียนไว้ว่า “บริษัท ดาวสว่าง เอนเตอร์เทนเมนท์ จำกัด”
มองปราดเดียว ชื่อเสียงนั้นค่อนข้างดัง เมื่อเดินเข้าไป ก็พบว่าสภาพแวดล้อมดีและบนพื้นก็สะอาด มีพนักงานต้อนรับอยู่ที่ประตู “สวัสดีค่ะ คุณมาออดิชั่นเหรอคะ?”
“ใช่ค่ะ”
อิ่นหนิงหยู่พยักหน้า
“ถ้าอย่างนั้นมากับฉัน”
เป็นผู้หญิงที่แผนกต้อนรับ ที่พาอิ่นหนิงหยู่มาถึงห้องห้องหนึ่งซึ่งเป็นห้องตรวจ มีนายแพทย์ชายในชุดกาวน์อยู่ข้างใน แผนกต้อนรับกล่าวว่า “คุณจำเป็นต้องตรวจร่างกายก่อน”
“ตรวจร่างกาย?”
อิ่นหนิงหยู่ตกตะลึง
“ใช่ นี่เป็นกฎของบริษัท”
พนักงานต้อนรับพยักหน้าแล้วพูดอย่างแข็งกร้าว “ท่านครับ ขอโทษครับ ตอนนี้ผมต้องการตรวจร่างกาย กรุณาออกไปข้างนอกก่อน รออยู่ด้านนอก”
“ทำไมต้องตรวจร่างกายด้วย ผมต้องออกไปเหรอ?”
ฉินเฟิงเหลือบมองเขา
“เพราะมีบางรายการตรวจที่ค่อนข้างปกปิด” แพทย์ชายที่นั่งอยู่ข้างๆ กล่าว
“ความลับ?”
ร่องรอยของความอาฆาตพยาบาทแวบผ่านดวงตาของฉินเฟิง
“ใช่ ได้โปรดเชื่อผมเถอะ ผมเรียนวิชาชีพเฉพาะ ผมสำเร็จการศึกษาจากวิทยาลัยแพทยศาตสร์เทียนหลาน ได้รับปริญญาเอก มีหน้าที่รับผิดชอบตรวจร่างกายครั้งนี้โดยเฉพาะ”
นายแพทย์ชายพูดอย่างจริงจัง เขาดูอายุราวๆ สี่สิบและดูแก่
“ท่านครับ ได้โปรดอย่าสงสัยนายแพทย์ของเราเลย สำหรับหมอแล้ว การดูเรือนร่างของหญิงสาวก็เหมือนดูโครงกระดูก เห็นมามากแล้ว ไม่มีปัญหาอะไรแน่นอน กรุณารอข้างนอกด้วย” พนักงานต้อนรับพูดอย่างสุภาพ
“ผมปฏิเสธ”
ฉินเฟิงส่ายหัว
“นี่เป็นกฎเกณฑ์ปกติของบริษัทเรา จำเป็นต้องตรวจร่างกายก่อนการออดิชั่น อีกอย่างการตรวจร่างกายนี้ทางบริษัทของเราตั้งใจมอบให้พวกคุณ ไม่มีค่าใช้จ่าย คุณยังต้องการอะไรอีก?”
นายแพทย์หนุ่มทำหน้าหงุดหงิดเล็กน้อย
ถ่วงเวลา เขาจะแต๊ะอั๋งอะไรได้อีก
ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ใช่หมอ เขาเป็นเพียงคนธรรมดาที่อยู่ใกล้เคียง มีคนสอนเขาถึงวิธีการตรวจ ตอนตรวจเขาสามารถแต๊ะอั๋งได้
มีกล้องหลายตัวอยู่ในห้องนี้ หลังจากถ่ายแล้วก็เอาออกไปขาย พอถึงตอนนั้นเขาก็จะได้เงินก้อนใหญ่
ในเมื่อสามารถแต๊ะอั๋งได้ แล้วยังได้เงิน เขาค่อนข้างพอใจกับงานนี้
ผู้หญิงมาที่นี่ด้วยความฝันที่อยากจะมีชื่อเสียง พวกเธอไม่รีรอที่จะไปตรวจร่างกายโดยเร็ว ถึงอย่างไรในหมู่แพทย์ บางครั้งการตรวจร่างกายกับแพทย์ชายก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
แต่ว่าผู้ชายคนนี้ยังถ่วงเวลา
แล้วยังปฏิเสธอีกด้วย
“ถ้าอย่างนั้น หากจะออดิชั่นก็ต้องตรวจร่างกายใช่ไหม?”
ในเวลานี้ อิ่นหนิงหยู่ถามด้วยเสียงแผ่วเบาอยู่ข้างๆ
“แน่นอน”
แพทย์หนุ่มพยักหน้า แสร้งทำเป็นจริงจัง แต่ที่จริงแล้ว เขารู้สึกตื่นเต้นในใจ เพราะโดยพื้นฐานแล้วสาวๆ ที่นี่ล้วนมีความฝันที่จะเป็นคนดัง
พวกเธอสามารถเสียสละบางอย่างได้
ไหนจะเรื่องตรวจร่างกายของเธอ ไม่ใช่การตรวจร่างกายผู้ชายอย่างฉินเฟิง แต่สิทธิ์อยู่ในมืออิ่นหนิงหยู่ ขอเพียงเธอเต็มใจที่จะตรวจร่างกาย ทุกอย่างก็จะง่ายขึ้น
บอกตามตรงว่าเขาอยู่ที่นี่มาเป็นเวลานาน มีไม่ถึงร้อย หรือแค่เจ็ดแปดสิบเท่านั้นที่เข้ารับการตรวจร่างกายที่นี่ และในบรรดาคนเหล่านั้น อิ่นหนิงหยู่เป็นคนที่สวยที่สุด
เธอผิวขาว ขายาว คางแหลม ดวงตาโตหลักแหลม เอวบาง และไว้ผมหางม้า ซึ่งดูเด็กและอ่อนโยน
เธอลืมวางไว้ในหอพัก วันนี้จึงได้หยิบขึ้นมาใช้แบบไม่ทันตั้งตัว
ถึงอย่างไร ในข้อมูลการรับสมัครนักแสดงครั้งนี้ ไม่ได้บอกว่าเมื่อมาแล้วต้องตรวจร่างกายด้วย
หลังจากที่ทั้งสองเข้าไปในห้องแล้ว อิ่นหนิงหยู่ได้เดินนำหน้า มีผู้ชายสามคนนั่งอยู่บนที่นั่งหลัก พวกเขาเป็นผู้ชายวัยกลางคน
“สวัสดีเจ้าหน้าที่ออดิชั่นทุกท่าน ฉันชื่ออิ่นหนิงหยู่ ผู้ออดิชั่นในรอบนี้”
อิ่นหนิงหยู่โค้งคำนับ แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ตรงกลาง
แทนที่ฉินเฟิงจะออกไป เขากลับยืนอยู่ตรงมุมหนึ่ง พิงกำแพงมองดูเหตุการณ์ทุกอย่าง
ผู้หญิงที่แผนกต้อนรับได้เดินเข้ามาและกระซิบอะไรบางอย่างกับผู้ออดิชั่นคนหนึ่งที่อยู่ตรงกลาง จากนั้นเจ้าหน้าที่แผนกต้อนรับก็ถอยออกไป
ครั้งนี้เธอไม่ได้ไล่ฉินเฟิงออกไป
“คุณอิ่น ขอแนะนำตัวสักหน่อย ผมเป็นผู้ออดิชั่นของคุณ ชื่อจางหยุนเฉิง ในเมื่อคุณอยู่ในวงการนี้ คุณก็ควรจะรู้จักผม”
ผู้ออดิชั่นที่อยู่ตรงกลางเป็นชายวัยกลางคนอายุประมาณสามสิบห้าปี
“ใช่ค่ะ ผู้กำกับจางหยุนเฉิง ผู้กำกับจาง ฉันเคยได้ยินมาว่าคุณถ่ายทำผลงานดีๆ เอาไว้มากมาย และส่วนหนึ่งยังได้รับรางวัลมากมายอีกด้วย ตอนที่ฉันยังเรียนอยู่ก็เคยได้ฟังประวัติย่อของคุณมาแล้ว”
อิ่นหนิงหยู่กล่าวอย่างตื่นเต้น
สำหรับคนที่มาจากสถาบันศิลปะอย่างเธอ ผู้กำกับใหญ่คนนี้ค่อนข้างมีชื่อเสียง เธอไม่คิดว่าจะพบผู้กำกับใหญ่เช่นนี้ในสถานที่เล็กๆ แห่งนี้
“ดีมาก”
จางหยุนเฉิงพยักหน้า ท่าทางเขาจริงจังเหมือนผู้กำกับใหญ่ อันที่จริงเขาไม่ใช่ผู้กำกับใหญ่ จางหยุนเฉิงแค่มีหน้าตาเหมือนผู้กำกับที่มีชื่อเสียงเท่านั้น
ก็เท่านี้เอง
ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรอีก
ชื่อเดิมของเขาคือว่านเหริน
ต่อมา เมื่อว่านเหรินเห็นว่าอิ่นหนิงหยู่ติดเบ็ดแล้ว เขาก็รู้สึกมีความสุขในทันที ตัวตนปลอมของเขาสามารถทำให้เขาได้รับความไว้วางใจมากมาย
ถึงอย่างไรเขาก็เป็นผู้กำกับที่มีชื่อเสียง
ต่อมา ช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดก็มาถึง ว่านเหรินเคาะโต๊ะแล้วพูดอย่างจริงจังว่า “คุณอิ่น ในเมื่อคุณบอกว่าคุณมาออดิชั่น งั้นผมจะถามคุณว่า คุณพร้อมที่จะอุทิศตัวให้กับงานศิลปะไหม?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เทพศึกมังกรหวนคืน