นักพรตจินคิดไม่ถึงว่า จะมีคนของจวนหลี่มาหาเขาจริงๆ แถมยังมาอย่างเร็วขนาดนี้ด้วย
เขาไม่รู้หรอกว่า นี่เป็นสิ่งที่ซูหนานอีให้หยุนจิ่งไปทำ หลังจากที่เขากลับจวนก็สั่งให้คนใช้ที่ฉลาดหลายคน ไปแพร่ข่าวข้างๆของจวนหลี่ว่า ตอนนี้จวนซูได้เชิญนักพรตจินมาท่านหนึ่ง ได้ข่าวว่ามีผลจริงๆ
นักพรตจินในฐานะที่ชำนาญในเรื่องการหลอกคน ก็ตระหนักถึงความสำคัญของชื่อเสียงด้วย ต้องมีชื่อเสียงถึงจะมีคนมาหา ดังนั้นเขาก็ถือว่าเป็นคนพอมีชื่อเสียง
คนตระกูลหลี่รีบแจ้งให้กับคุณหญิงหลี่ บังเอิญที่คุณหญิงหลี่ก็เคยได้ยินชื่อเสียงของนักพรตจิน เหมือนได้พบเจอกับความหวัง จึงรีบสั่งคนมาเชิญ บอกถึงเหตุที่มา ความโกรธที่นักพรตจินมีต่อซูหนานอีตอนนี้ก็หายไปหมด เหลือแต่ความกลัว เขาแกล้งทำเป็นลึกลับ ในที่สุดก็รับปากกับตระกูลหลี่ ตามไปพบกับคุณหญิงหลี่
เขาเพิ่งไป ซูหนานอีก็ได้รับข่าวมาตาม
"คุณหนูเจ้าค่ะ บ่าวได้ข่าวว่าคุณหนูรองโวยวายอีกแล้วเจ้าค่ะ"เสี่ยวเถายื่นแก้วน้ำชาให้ กระซิบว่า"วันนี้ยังมีการแสดงผูกคอตายด้วยเจ้าค่ะ"
"อ้อ?นางโวยวายอะไรล่ะ?"ซูหนานอีจิบน้ำชา แล้วถามอย่างไม่มีอารมณ์
"ก่อนหน้านี้บอกว่าจะชวนคนมาชมดอกบัวที่จวนไม่ใช่หรือ?คราวนี้ถูกกักบริเวณ ทำอะไรไม่ได้ทั้งสิ้น นางจะยอมได้ยังไง?"
ซูหนานอีหัวเราะออกมา"นางนี่สมองเสื่อมแล้ว ชื่อเสียงของนางใครๆก็ทราบกันหมดแล้ว แม้ว่าชวนคนอื่นมา ใครจะยอมมาล่ะ?พอถึงเวลาแล้วชวนคนมาแต่ไม่มีใครมา ยิ่งขายหน้าใหญ่เลยไม่ใช่หรือ?"
"ก็ใช่สิ นางยังบอกว่า......ในเรือนเผากระดาษจุดธูปเทียนทุกวัน ยังมี......เลือดหมาด้วย รู้สึกว่าจะอ๊วกแล้ว"
"ซับซ้อนขนาดนี้หรือ?นักพรตจินทำสิ่งพวกนี้ทุกวันหรือ?"ซูหนานอีก็ตกใจเช่นกัน
เสี่ยวเถาพยักหน้า อยากจะหัวเราะแต่ก็ทนเอาไว้"ไม่ใช่ทุกวัน คือวันหนึ่งมีหลายชั่วโมงล้วนทำอยู่ ตอนนี้รอบข้างเรือนของคุณหนูรองปกคลุมไปด้วยหมอกควัน อยู่ไกลๆก็ดมกลิ่นได้"
ซูหนานอีก็หัวเราะออกมา นักพรตจินนี้แกล้งคนเก่งแต่นางก็ไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้ เพราะมันไม่สำคัญ นางต้องใช้เวลาครุ่นคิดหน่อย เพื่อคิดแผนที่รักษาขาให้ลู่ซือหยวน
พอซูหนานอีศึกษาด้านการแพทย์ก็ลืมทุกอย่างรอบข้างไปแล้ว เวลาผ่านไปเร็วมากโดยไม่รู้สึกตัว
เสี่ยวเถาถือจานผลไม้เดินเข้ามา กระซิบว่า"คุณหนู กินผลิตแล้วพักผ่อนสักพักหนึ่งเถอะ บ่าวจะพัดให้คุณหนู"
ซูหนานอีฟื้นสติกลับมาแล้วพยักหน้า"รู้สึกเหนื่อยแล้วจริงๆ"
เสี่ยวเถาพัดเบาๆให้นาง และพูดเรื่องตลกไปด้วย นายกับบ่าวสองคนนี้กำลังพูดคุยอย่างสนุกอยู่ ในเรือนก็มีหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งมาทำความเคารพและพูดว่า"คุณหนูใหญ่เจ้าคะ คนขายทาสมาแล้วเจ้าค่ะ ครั้งนี้มีหญิงน้อยที่ฉลาดอยู่หลายคน ไม่ทราบว่าท่านเอาหรือเปล่าเจ้าคะ?"เดิมทีซูหนานอีคิดจะปฏิเสธ แต่คิดดูแล้ว ปกติเสี่ยวเถาคนเดียวก็เหนื่อยเกินไป บางทีออกเรือนไปก็ต้องมีคนไว้วางใจคอยเฝ้าเรือนให้ อนาคตเรื่องพวกนี้จะมากขึ้นเรื่อยๆ เลือกคนใช้อีกดีกว่า ในเรือนก็มีคนใช้อยู่ แต่หลายปีนี้เซี่ยซื่อเป็นคนครอบครองจวนซู ใครจะรู้ว่าพวกคนใช้ในเรือนจะมีใจเอียงไปฝั่งใดเล่า ยังต้องแยกแยะอีก มันใช้เวลานานไป ไปหาซื้อคนที่มีจิตใจดีจากข้างนอกมาสั่งสอนยังดีกว่าเลย
เมื่อนึกถึงตอนนี้นางก็พยักหน้า"ไปพาคนมาที่เรือนเถอะ"
ไม่นาน คนก็มาแล้ว คนขายทาสอายุสี่สิบกว่า ใส่เครื่องประดับมากมาย ได้กำไรจากด้านนี้มามากมาย พอเห็นซูกนานอีแล้วก็ยิ้อยู่ตลอด พูดแต่คำพูดที่มันน่าฟัง
ซูหนานอีพยักหน้า สายตามองไปที่คนพวกนี้
มีสาวน้อยคนหนึ่งดึงดูดความสนใจของนาง อายุประมาณสิบสามสิบสี่ ร่างกายผอมแตามีชีวิตชีวา เอวยืดตรง ตาสว่างมาก มีความใจเย็นอยู่ในตัว ดูแล้วสนุกดี
ฝั่งของซูหนานอีเพิ่มคนใช้อีกคน ส่วนฝั่งของซูหว่านเอ้อร์ฆ่าไปคนหนึ่ง
หลายวันนี้ซูหว่านเอ้อร์ทุกข์ทรมารมาก ป่วยหนักไปเที่ยวหนึ่ง ใบหน้าเกือบจะเสีย ถ้าไม่ใช่หมอหูลงมือมารักษา นางจะต้องคันมากๆแน่นอน แต่ค่าใช้จ่ายในการรักษาก็ใหญ่มาก ร้านยาของแม่นางถูกแย่งไป เดิมทีอยากจะถ่วงเวลา แต่ไม่คาดคิดว่าคนพวกนั้นในร้านขายยาถูกนางจัดการได้แล้ว
นางรู้สึกโกรธมาก อยากออกก็ออกไม่ได้ อยู่แต่ในเรือนก็น่าเบื่อมาก เต็มไปด้วยหมอกควัน เปียกหมดทั้งตัว
นางโกรธจนปาทิ้งถ้วยน้ำชา พอดีมีสาวใช้ที่เพิ่งโยกย้ายมาคอยรับใช้ที่ห้องนางไปกวาดพื้น แต่ไม่ระวัง ทำให้เศษถ้วยชิ้นหนึ่งลื่นไปถึงข้างๆกระโปรงของซูหว่านเอ้อร์ เดิมทีไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย แต่ซูหว่านเอ้อร์กลับโมโหอย่างหนัก อ้างว่าสาวใช้ตั้งใจจะทำให้นางบาดเจ็บ เลยสั่งคนลากออกไปตีก้มห้าสิบที สาวใช้ตัวเล็กและอ่อนแอ แป๊บเดียวเองก็ไม่มีลมหายใจแล้ว
ปกติซูหว่านเอ้อร์ก็เคยตบตีสาวใช้จนบาดเจ็บหริอถึงขั้นเสียชีวิต แต่ตอนนั้นยังไม่ได้มายังเมืองซินเยว่ และตอนนั้นเซายซื่อเป็นคนดูแลที่บ้านก็เลยซ่อนเรื่องพวกนี้ให้นาง
แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อน เมื่อซูหนานอีได้ยินข่าวนี้ก็ขมวดคิ้ว รู้สึกโกรธ ซูหว่านเอ้อร์คนนี้ช่างไม่รู้จักบังคับตัวเองเลย ถึงสถานการณ์แบบนี้แล้ว ยังโหดร้ายขนาดนี้อีก
"ไป ไปดูกัน"
นางพาเสี่ยวเถาและเสี่ยวชีไปยังเรือนของซูหว่านเอ้อร์
ตอนนี้ท้องฟ้ามืดแล้ว มีเสียงแมลงดังขึ้นในบริเวณพื้นหญ้า ลมพัดมาต่อหน้า มีกลิ่นหมอกควันจริงด้วย ในเรือนได้จุดเทียนกันแล้ว ซูหนานอีมองไปจากที่ไกล ข้างบนของเรือนซูหว่านเอ้อร์ถูกปกคลุมด้วยหมอกควันจริงๆ เห็นได้เลยว่าปกตินักพรตจินคนนี้เผาไปเยอะเท่าไหร่
เพิ่งเดินมาถึงหน้าประตูเรือน ก็ได้ยินข้างในมีเสียงตวาดส่งออกมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-จอมนางสะท้านพิภพ