ใครก็คาดไม่ถึง ว่าบนรถม้าของเซี่ยเถายังมีคนอีกและเป็นหญิงงามเสียด้วย
นางเดินแหวกม่านออกมา แม้แต่ซูหนานอียังต้องชมว่ามีรูปโฉมงาม หญิงสาวผู้นี้อายุน่าจะราวยี่สิบเจ็ดปี แม้ไม่ใช่สาววัยละอ่อน แต่กลับมีเสน่ห์บางอย่างที่หญิงสาวอื่นไม่มี นางสวมชุดกระโปรงสีขาว บนผมมีปิ่นปักสีขาว ตาชั้นเดียว หางตายกขึ้น แววตากลมวาวเป็นประกายมีชีวิตชีวา
นางย่อตัวให้กับซูหนานอี "คุณหนูซู พี่เซี่ยพึ่งเคยมา โปรดอย่าได้ถือสาเลย"
ซูหนานอีได้ยินนางเรียกว่าพี่เซี่ย อีกทั้งยังมาพร้อมกันกับเขา น่าจะเป็นคนคุ้นเคยกัน
"คุณหนูท่านนี้พูดน่าฟัง ข้าเป็นคนของตระกูลซู เขาเป็นแขก ไม่เพียงพูดไม่ให้เกียรติข้าที่เป็นเจ้าของบ้าน ยังคิดจะล่วงเกินทำร้ายอีก ไร้มารยาทจะให้ข้อยอมได้อย่างไร"
เซี่ยเถาที่ลุกขึ้นมากลับหวาดกลัวหยุนจิ่งไม่กล้าที่จะก้าวเข้ามา พูดด้วยน้ำเสียงโมโห: "เจ้าถือเป็นเจ้าของบ้านที่ไหนกัน น้องสาวของข้าต่างหากที่เป็นเจ้าบ้าน!"
"เซี่ยชื่อก็เป็นเพียงภรรยาคนหนึ่ง เหมาะที่จะเป็นเจ้าบ้านอย่างนั้นหรือ ทางที่ดีท่านคิดให้ดีดีกว่า มิเช่นนั้นมาทางไหนก็กลับไปทางนั้นเลย!" :ซูหนานอีเอ่ยอย่างไม่เกรงใจ
"เจ้า……"
เซี่ยเถาเหมือนจะยังพูดอะไรอีก แต่หยางโมโม่ก็เดินออกมาเสียก่อน คารวะซูหนานอี จากนั้นเดินไปหาเซี่ยเถา พร้อมกับหลบตา "นายท่าน อย่าพึ่งพูดอะไรเลย คุณนายกำลังรอท่านอยู่ ไปเถอะเจ้าค่ะ"
ซูหนานอีคร้านที่จะสนใจพวกเขา ก็เดินกลับเรือนของตนพร้อมกับหยุนจิ่ง
"เหนียงจื่อ พวกเขารังแกเจ้า ข้าโมโหมาก" หลังจากที่หยุนจิ่งนั่งลงแล้วแต่ยังคงอารมณ์เสียอยู่
ซุหนานอีพูดปลอบ: "ไม่เป็นไร ล้วนเป็นเรื่องเล็กน้อย จิ่งเอ้อร์ไม่ต้องเป็นห่วง ข้าดูแลตัวเองได้ อีกอย่าง บางทีดูผิวเผินเหมือนถูกรังแก แต่อาจจะไม่ได้ถูกรังแกจริงๆ ข้ารับปากจิ่งเอ้อร์ ถ้าหากถูกรังแกจริงๆ ข้าจะบอกจิ่งเอ้อร์แน่นอน จะให้จิ่งเแอ้อร์ช่วยข้าแก้แค้น อย่างนี้ดีหรือไม่"
หยุนจิ่งที่ได้ยินอย่างนั้น ถึงได้อารมณ์เย็นลง วางกล่องลงบนโต๊ะแล้วเปิดออก ซึ่งพอเปิดออกก็มีไอเย็นลอยพุ่งออกมา
"เหนียงจื่อ เจ้ารีบชิมเร็ว" หยุนจิ่งนำผลองุ่นหนึ่งพวกส่งให้นาง "นี่คือองุ่นที่วังหลวงส่งคนนำมาถวายจวนอ๋อง ข้าแบ่งส่วนหนึ่งมาให้เจ้า เจ้าชิมดูสิอร่อยหรือไม่"
ซูหนานอีรับมา ใช้เล็บแกะเปลือกออก เนื้อฉ่ำแน่น "ทำไมวังหลวงถึงได้ส่งของมาให้จวนอ๋องบ่อยนักล่ะ"
"ใช่แล้ว" หยุนจิ่งพยักหน้า "น้องฮ่องเต้ดีกับเสด็จแม่ของข้า ดีกับข้า มักหาของดีๆ ส่งให้พวกเราบ่อยๆ"
ซูหนานอีโยนผลองุ่นเข้าปาก หยุนจิ่งมองด้วยสายตาลุ้น "เป็นอย่างไรบ้าง อร่อยหรือไม่"
"อร่อย ของที่จิ่งเอ้อร์เอามาล้วนอร่อย" ซูหนานอียิ้มเล็กน้อยแล้วเอ่ยตอบ
หยุนจิ่งก็กินไปหนึ่งลูก ทั้งเย็นทั้งเปรี้ยวทั้งหวาน เขายิ้มตาหยี "เหนียงจื่อชอบก็ดีแล้ว เพียงแค่เหนียงจื่อชอบกิน จิ่งเอ้อร์จะส่งมาให้ทุกวันเลย"
"ไม่ต้องหรอก ข้าไม่อยากให้จิ่งเอ้อร์ลำบาก อากาศร้อนอย่างนี้ เดี๋ยวข้าขอดูว่ากล่องเย็นนี้ทำได้อย่างไร ข้าก็จะทำขึ้นมาอีกอัน"
หยุนจิ่งพยักหน้า "เหนียงจื่อฉลาดที่สุด ทำไมข้าถึงคิดไม่ได้นะ ทว่าข้ามาส่งให้เหนียงจื่อ ไม่ได้รู้สึกลำบากเลย ได้เจอเหนียงจื่อ แม้จะลำบากก็คุ้มค่า"
ซูหนานอีรู้สึกเขิน ปอกเปลือกองุ่นแล้วป้อนให้เขาถึงปาก
เสี่ยวเถาแหวกม่านเข้ามา แล้วเดินเข้ามากระซิบใกล้ซูหนานอี: "คุณหนู นายท่านกลับมาแล้วเจ้าค่ะ ได้ยินว่าตระกูลเซี่ยมา ตอนนี้คุยกันอยู่ที่ห้องหนังสือเจ้าค่ะ"
"ไม่ต้องไปสนใจ" ซูหนานอีไม่อยากจะคิดให้มากความ ตระกูลเซี่ยจะทำยังไงก็ทำอะไรไม่ได้หรอก
ทว่า…… หญิงสาวโฉมงามผู้นั้น มีเป็นใครกันแน่ เซี่ยเฉาพานางมาที่จวนตระกูลซูมีจุดมุ่งหมายอะไรกันแน่ เซี่ยเถาคงไม่ได้เพียงแค่ผ่านทางมาเป็นแน่ พาหญิงสาวผู้นี้มาด้วย ซูหนานอีคิดว่าการมาของหญิงสาวจะต้องมีอะไรแอบแฝงแน่
ในห้องหนังสือซูซืออวี้นั้นพูดคุยกับเซี่ยเถาที่ความเกรงใจ ตระกูลเซี่ยนั้นถือว่าเป็นตระกูลมีเชื่อเสียงและร่ำรวยไม่น้อย อีกทั้งเซี่ยเถานั้นเป็นคนมีหัวคิดการค้า
เซี่ยเถามองเห็นน้องสาวต่างแม่ "ทำไมถึงได้ซูบโทรมอย่างนี้"
เซี่ยชื่อเช็ดน้ำตา "เรื่องมันยาว ในเมื่อพี่ใหญ่มาถึงที่นี่ข้าก็มีที่พึ่งแล้ว ขอให้พี่ใหญ่ให้ความเป็นธรรมกับเราสองแม่ลูกด้วย"
เซี่ยเถานั่งลงที่เก้าอี้หันข้างหลบสายตานาง "เรื่องทั้งหมดของเจ้าก็รู้แล้ว พอได้รับจดหมายของเจ้าข้าก็รีบมาเลย ข้าไปพบกับน้องเขยมาแล้ว ตอนนี้สถานการณ์ของเจ้านั้นไม่ค่อยดี"
เซี่ยชื่อได้ยินอย่างนั้นก็ตกใจ "ท่านพูดอะไรกัน"
เซี่ยเถาชี้ไปที่รอยบาดแผลที่หน้าของตน "เจ้าเห็นหรือยัง แผลของข้า เป็นฝีมือของคนถ่อยของซูหนานอีนั่น ตอนนี้นางมีจวนอ๋องเป่ยลี้คอยสนับสนุนอยู่ แม้แต่ซูซืออวี้ยังต้องยำเกรง"
เซี่ยเถาหยุดไปชั่วครู่แล้วเอ่ยต่อ "นี่ไม่ใช่การแต่งงานของหว่านเอ้อร์หรอกหรือ ทำไมถึงได้กลายเป็นบุตรสาวของซูซืออวี้ได้เล่า"
เซี่ยชื่อกัดริมฝีปากแน่น "เรื่องนี้อย่าพูดถึงเลย หว่านเอ้อร์นั้นรังเกียจอ๋องเป่ยลี้ที่ปัญญาอ่อนนั่น……"
"เหลวไหล!" เซี่ยเถาตบโต๊ะ "ปัญญาอ่อนแล้วยังไง ปัญญาอ่อนแล้วก็ยังเป็นอ๋องเป่ยลี้ ปัญญาอ่อนสิถึงได้ควบคุมได้ง่าย ต่อไปก็ได้เป็นพระชายา มีสิทธเด็ดขาด อยากได้อะไรก็ได้มิใช่หรือ"
"พี่ใหญ่ ท่านอย่าพูดเลย ตอนนี้ข้ารู้สึกโมโหจนควันออกหูแล้ว!"
เซี่ยเถาได้แต่ถอนใจ เรื่องมาถึงตอนนี้ พูดอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์ ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปก็แล้วกัน ช่วยเจ้าจัดการเรื่องที่จวนของเจ้าให้มั่นคงก่อน
เซี่ยชื่อได้ยินอย่างนั้นก็มีแรงขึ้นมา "พี่ใหญ่ ท่านมีวิธีแล้วหรือ"
"อืม" เซี่ยเถาพยักหน้า "พอได้รับจดหมายของเจ้า ข้าก็คิดออกวิธีหนึ่ง คิดมาตลอดทาง วันนี้พอได้คุยกับซูซืออวี้ ก็ยิ่งรู้สึกว่าน่าจะได้ผล"
เซี่ยชื่อตั้งสติให้มั่น และเหมือนมีหวังอีกครั้ง "ห๊ะ วิธีไหนเล่า พี่ใหญ่ ท่านรีบพูดมา!"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-จอมนางสะท้านพิภพ