ฟีนิกซ์นิพพาน-จอมนางสะท้านพิภพ นิยาย บท 66

ซูหนานอีไม่รู้ว่าซูซืออวี้กำลังคิดจะทำอะไร แม้แม่นางหลิ่วเข้ามาในจวนมีจุดมุ่งหมายอันใดทุกคนล้วนรู้อยู่เต็มอก แต่ก็ไม่ควรที่จะผลีผลามอย่างนี้

หล่อนอมยิ้มมองไปที่ชุนหลิง "เป้าหมายของเจ้าเปลี่ยนได้เร็วมาก ต้องพยายามมากแค่ไหน ก็เปลี่ยนเจ้านายแล้วหรอ"

ชุนหลิงไม่ได้โกรธแม้แต่น้อย แถมยังพูดอย่างอารมณ์ดีว่า: "บ่าวมิกล้า นี่คือคำสั่งของนายท่านตั้งแต่แรกอยู่แล้ว บ่าวไม่มีสิทธิ์ออกเสียงใยจะกล้าขัดคำสั่งได้"

ซูหนานอีพยักหน้า "เพียงแค่เจ้าตอบมา ข้าก็จะไป"

"เจ้าค่ะ"

หลังจากชุนหลิงไปแล้ว เสี่ยวเถาทำแก้มป่องด้วยความโกรธ "คุณหนูเจ้าคะ ท่านดูนางทำสิท่าทางได้ใจขนาดไหน!"

"เจ้าก็น่าจะรู้ว่านั่นเป็นท่าทางของคนร้ายที่ได้ใจ แต่ก็ได้ใจได้ไม่กี่วัน ก็ปล่อยนางไป" ซูหนานอีส่งสายตาเจ้าเล่ห์ไปให้เสี่ยวเถา "เจ้านำเรื่องนี้ไปแจ้งให้กับแม่บ้านชุย"

แววตาของเสี่ยวเถาก็วาวขึ้น "เจ้าค่ะ บ่าวจะไปจัดการเดี๋ยวนี้"

ซูหนานอีกลับเข้าไปในห้องแล้วบอกกับหยุนจิ่ง ให้เขารออยู่อย่างว่าง่าย และบอกว่าอีกประเดี๋ยวจะกลับมาหาเขาแล้วพาเขาออกไปเที่ยวข้างนอก หยุนจิ่งก็ตอบตกลงด้วยความดีใจ

จากนั้นก็เดินไปคิดไปที่ห้องหนังสือของซูซืออวี้ อยากรู้ว่ามันจะออกมาแบบไหน ที่เซี่ยเถามาที่นี่ก็เพราะเซี่ยชื่อส่งจดหมายไปหาเขาแน่ ไม่อย่างนั้นคงไม่บังเอิญอย่างนี้หรอก แต่ที่เซี่ยเถามา คงไม่ใช่เพราะว่าได้รับการสนับสนุนของเซี่ยชื่อหรอกนะ

เรื่องนี้ดูแปลก พอซูหนานอีเดินเข้าไปในเรือน ก็ตัดสินใจรู้ช่วงจังหวะในการปฏิบัติการ พูดไม่ได้ก็ไม่พูด ดูหน่อยว่าพวกเขาจะมาไม้ไหน

ในห้องหนังสือซูหนานอีนั่งอยู่บนเก้าอี้ แม่นางแซ่หลิ่วก็ยืนอยู่ข้างๆ เขา นางก้มหน้าลงปอยผมหลุดลงมาจากข้างหูที่มีต่างหูย้อยลงมาดูมีเสน่ห์

พวกเขาสองคนเหมือนกำลังกระซิบอะไรกันอยู่ และเหมือนแม่นางแซ่หลิ่วจะกำลังดูสึกน้อยเนื้อต่ำใจ ซึ่งซูซืออวี้กำลังพูดปลอบนางเสียงเบาอยู่

ซูหนานอีเหล่มองพวกเขาสองคน ทำเป็นมองไม่เห็น ท่าทางเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น "ท่านพ่อ ไม่ทราบว่าท่านเรียกลูกมามีเรื่องอันใด"

ซูหนานอีกระแอมลำคอแล้วยืดตัวตรง "หนานอี เจ้ามาแล้ว มาๆ นั่ง"

ซูหนานอีพึ่งนั่งลงเก้าอี้ แม่นางหลิ่วก็ก้าวเดินไปแล้วนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆ ในมือมีผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตา "คุณหนูใหญ่ ข้าตุ๋นซุปพวกนี้ไว้ รอสักครู่คุณหนูเอากลับไปกิน ช่วยคลายร้อนได้"

ซูหนานอีไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่พยักหน้าพร้อมกับระบายยิ้มเล็กน้อย

ท่าทางของนางทำให้ซูซืออวี้รู้สึกโล่งใจขึ้นมาบ้าง เขาที่เหมือนกับจะพูดอะไร ซูหนานอีก็พูดขึ้นมาเสียก่อน: "ท่านพ่อมีธุระอันใดกับลูกหรือ"

เวลานี้ซูซืออวี้ได้แต่กลืนคำพูดที่จะพูดลงคอ จากนั้นก็พูดเข้าเรื่องทันที: "เจ้าก็ใกล้จะแต่งงานแล้ว ในบ้านก็ควรจะมีแต่ความสงบร่มเย็นถึงจะถูก ในอนาคตเจ้าไปอยู่บ้านสามีก็คงใช้ชีวิตอย่างดี มิเช่นนั้นจะทำให้คนคิดว่าลูกสาวตระกูลซูไร้วาสนามักมีเรื่องร้ายมาวนเวียนรอบตัว"

เขาพูดมาถึงตอนนี้ก็ถอนหายใจออกมา มองนางด้วยความรักเอ็นดู "เรื่องอภิเษกกับท่านอ๋อจวนเป่ยลี้ สำหรับบ้านเราแล้วถือว่าเป็นการแต่งเข้าสู่ตระกูลสูงส่ง ประตูของจวนอ๋องนั่งสูงกว่าบ้านเรานั้นมากเพียงใด ข้าในฐานะพ่อก็กลัวว่าต่อไปในภายภาคหน้าจะถูกคนดูถูกเอาได้"

ซูหนานอียังคงมีสีหน้าเรียบเฉย แต่ในใจพูดว่าเขาช่างพูดเหลวไหลจริงๆ ที่นำเรื่องเสียหายอย่างนี้มาโยงเข้ากับเรื่องแต่งงานของนางได้

ซูซืออวี้พูดจบก็รอคำพูดซึ้งใจจากนาง แต่คาดไม่ถึงว่านางไม่พูดอะไรออกมาแม้ประโยคเดียว ตนก็ทำได้เพียงพูดต่อไปอย่างประหม่า "ช่วงนี้เรื่องหลังบ้านไม่ค่อยสงบ เซี่ยชื่อก็ถือเป็นผู้บงการกระทำความผิด ดังนั้น พ่อคิดว่าจะทำโทษให้นางออกไปที่ร้านต่างๆ ประการแรกคือเพื่อให้นางได้ออกไปสำรวจร้านเหล่านี้ ประการที่สองเพื่อที่จะให้นางได้รู้จักความลำบากและให้นางได้รู้จักสำนึก"

เขาทั้งพูดทั้งมองสีหน้าของซูหนานอี "รอให้เจ้าแต่งงานแล้วถึงให้นางกลับมา ถึงอย่างไรนางก็เป็นเมียรอง เรื่องอย่างนี้นางเข้ามาร่วมงานด้วยก็คงจะไม่ดี ช่วยอะไรไม่ได้ ถ้าหากมีอันใดมีหลิ่วเอ้อร์ที่สามารถช่วยอะไรได้บ้าง ไม่มากก็น้อย"

"หลิ่วเอ้อร์" ซูหนานอีหัวเราะในใจ ในที่สุดก็เอ่ยออกมาแล้วจนได้ ไม่กลัวลิ้นจะพันกันเอาเสียเลย

ซูหนานอีหลับตาลงพร้อมกับดื่มชา ในที่สุดก็มาแล้ว

ซูซืออวี้ได้ยินเสียงก็หน้านิ่งไปทันที และกำลังคิดให้แม่นางหลิ่วเข้าไปหลบ ก็มีคนเปิดประตูห้องหนังสือเข้ามาเสียก่อน

ซูหว่านเอ้อร์บุกเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง "ท่านพ่อ! ทำไมท่านถึงได้ใจร้ายอย่างนี้! หลายปีมานี้ท่านแม่จัดการธุระในบ้าน ทำงานหนักแค่ไหน แล้วไยท่านถึงทำกับนางอย่างนี้"

ซูซืออวี้ทุบโต๊ะดังปั้ง "สามหาว! ถึงคราวเจ้าเข้ามาถามข้าแล้วหรือ เจ้าดูเจ้าสิว่าเจ้าเหมือนอะไร ออกไปให้พ้นหน้าข้าเดี๋ยวนี้นะ"

ซูหว่านเอ้อร์มองเห็นแม่นางหลิ่วนั่งหน้าซีดอยู่เก้าอี้ข้างๆ แววตาลุกโชนด้วยโกรธ "ล้วนเป็นเพราะเจ้า นางผู้หญิงแพศยา ทำให้แม่ของข้าถูกไล่ออกไป ข้าจะตีเจ้าให้ตายไปเลย!"

นางพูดพร้อมกับพุ่งเข้ามาตอนที่พุ่งผ่านร่างของซูหนานอีนั้น ก็ไม่รู้ทำไมตัวถึงได้ล้มไปข้างหน้า มือก็ยกขึ้นคว้าไปทั่วแล้วก็คว้าเข้าที่ตัวของแม่นางหลิ่วพอดี จนเป็นรอยข่วนที่แก้มข้างขวาและลำคอ

"โอ๊ย!" แม่นางหลิ่วร้องเจ็บปวดลูบตรงแผลพร้อมกับน้ำตาไหลอาบแก้ม

ซูหว่านเอ้อร์ไม่จบแค่นั้น ยังคิดจะเข้าไปทำร้ายนางอีก ซูซืออวี้จับเข้าที่แขนของนาง ใช้แรงสะบัดนางจนถอยหลัง "เจ้าก่อเรื่องพอหรือยัง หากยังจะก่อเรื่องวุ่นวายอีก เจ้ากับแม่ของเจ้าก็ไสหัวไปด้วยกันเสีย!"

ซูหว่านเอ้อร์คุกเข่าลงกับพื้น มองซูซืออวี้อย่างคาดไม่ถึง แววตาเต็มไปด้วยความโกรธเคือง

เซี่ยเถาได้ยินข่าวก็รีบมาทันที มาเจอสถานการณ์อย่างนี้ก็รู้สึกคาดไม่ถึงเล็กน้อย รีบเข้าไปพยุงซูหว่านเอ้อร์ลุกขึ้น แล้วถามอย่างโกรธไม่ลง: "เจ้าไปยังไงบ้าง ทำไมเจ้าถึงเข้ามาก่อเรื่องอีกแล้ว"

ซูหว่านเอ้อร์มองเห็นของก็ยิ่งโมโห "ทุกอย่างล้วนเป็นเพราะท่าน! "

เซี่ยเถาโกรธแทบจะระเบิดออกมา เมื่อวานหลังจากก่อเรื่องวุ่นวายแล้ว เขาได้ให้เซี่ยชื่ออธิบายว่าทำไมถึงทำอย่างนี้ แต่ว่าทำไมวันนี้ถึงกลับกลายเป็นเยี่ยงนี้ไปได้ แววตาเขาเต็มไปด้วยความตกใจ เมื่อมองซูหนานอีที่นั่งอยู่ข้างๆ นางนั่งอยู่ไม่ขยับตัวไปไหน สีหน้ายิ้มแย้มเหมือนไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ทำให้เขารู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-จอมนางสะท้านพิภพ