ฟีนิกซ์นิพพาน-จอมนางสะท้านพิภพ นิยาย บท 73

ซูหนานอีมองดูหลี่จิ้งหว่านที่อยู่ข้างกายตอนนี้ จู่ๆนางก็รู้สึกเสียใจ มิควรพานางมาพบกับฉากเหล่านี้ นางเหม่อมองไปเพียงชั่วครู่ ไม่นานชุ่ยจือที่อยู่ในเรือนก็ทำท่าทางเสแสร้งออกมาอีกครั้ง นางนำมือขึ้นกุมหน้าผากจากนั้นกล่าวว่าตนเวียนศีรษะ ก่อนจะทำท่าทางอ่อนระทวยซุกลงภายในอ้อมอกของหลิวลี่ซง หลิวลี่ซงจึงได้เอื้อมมือเข้าไปกอดเอาไว้ มือไม้ซุกซนลูบไล้ไปทั่ว จนทำให้ชุ่ยจือยิ้มอย่างเขินอาย

"พี่ซง" น้ำเสียงของชุ่ยจืออ่อนโยน "ข้าน้อยหรือหลี่จิ้งหว่านดีกว่ากัน?"

หลิวลี่ซงไม่แม้แต่จะครุ่นคิด "แน่นอนว่าเป็นเจ้าดีกว่า"

มือทั้งสองข้างของชุ่ยจือโอบคอของเขาเอาไว้ "จริงหรือ? แต่ข้าน้อยไม่เชื่อ อย่างไรเสียนางก็เป็นถึงคุณหนู ส่วนข้าน้อยเป็นเพียงแค่บ่าว"

"คุณหนูหรือบ่าวอะไรกัน ข้าเป็นผู้เรียนหนังสือหาได้เห็นความสำคัญกับเรื่องเหล่านี้ไม่" นิ้วมือของหลิวลี่ซงลูบคลำไปที่ใบหน้าของนาง "นางเป็นคุณหนูก็จริงอยู่ แต่ทำอะไรไม่เป็นไม่สามารถช่วยเหลือข้าเรื่องใดๆก็ตาม อย่างไรเสียเจ้าก็ดีกว่านัก ทั้งทำงานเป็นและอดทนอดกลั้น"

"เพียงแค่เท่านี้หรือ?" ชุ่ยจือถามอย่างยั่วยวน

หลิวลี่ซงก้มตัวลงไปกระซิบบางอย่างข้างหูนาง จากนั้นชุ่ยจือก็ได้ยิ้มออกมาอย่างเขินอาย นางเอามือทุบไปที่หน้าอกของเขา "ช่างเจ้าเล่ห์เหลือเกิน"

"เช่นนั้นข้าจะทำสิ่งที่ยิ่งกว่าให้เจ้าดู……"

ชุ่ยจือยิ้มออกมาพลางกล่าวอย่างเหนื่อยหอบว่า "สิ่งที่คุณหญิงให้ท่านทำนั้นคิดดีแล้วหรือไม่? คุณหญิงได้กล่าวออกมาแล้วเพียงท่านหานางนั่นเจอ ก็จะจ่ายเงินเพื่อช่วยให้ท่านได้รับรายชื่อเข้าร่วมสอบชิวเหว่ยในครั้งนี้ เพียงแค่ได้รับคัดเลือก ก็…… ก็จะ ยกข้าให้แก่ท่าน"

"วางใจเถิด ข้านั้นคิดดีแล้วแหละเขียนไว้เสร็จสรรพ วันพรุ่งก็นำไปติดประกาศได้"

ส่วนประโยคต่อจากนั้นฟังมิชัดเจน เห็นเพียงหลิวลี่ซงอุ้มชุ่ยจือเกลือกกลิ้งไปบนเตียง

หลี่จิ้งหว่านหลับตาลงเบาๆ น้ำตาไหลนองบนใบหน้าสองแก้ม

ซูหนานอีพานางไปยังลานบ้าน เนื่องจากกลัวว่านางจะทนมิไหวและพุ่งเข้าไปด้านใน คิดไม่ถึงว่าหลี่จิ้งหว่านได้แต่เดินตรงไปทางด้านนอกไม่แม้จะหันศีรษะกลับมามอง

นางเดินกลับไปยังทางที่เดินมา ซูหนานอีไม่รู้ว่าจะปลอบใจอย่างไร เนื่องจากรสชาติของความเจ็บปวดที่บีบคั้นหัวใจเช่นนี้นางเองก็เคยได้ลิ้มรสมันมาก่อน

"คุณหนูหลี่มิต้องเศร้าโศกใจไป เราเห็นทุกอย่างกระจ่างแจ้งในบัดนี้ก็ดีแล้ว ดีกว่าแต่งงานกันไปในอนาคตจึงพบว่าเขามิใช่คนดี"

ซูหนานอีรู้สึกว่าประโยคนี้ช่างดูเยือกเย็นจนเกินไป แต่นางก็คิดประโยคอื่นไม่ออกเช่นกัน

หลี่จิ้งหว่านเช็ดน้ำตาของตน จากนั้นคุกเข่าลงต่อหน้าซูหนานอี

ซูหนานอีรีบใช้มือทั้งสองข้างของนางเข้าพยุงไว้ "คุณหนูหลี่ทำอะไรกัน?"

"คุณหนูซู ในวันนี้หากมิใช่เพราะคุณหนูยื่นมือเข้ามาช่วย ข้าคง…… บัดนี้ข้าหมดสิ้นความคิดถึงเขาไปแล้ว และก็ไม่มีที่ไป ขอร้องให้คุณหนูซูโปรดรับข้าไว้ด้วยเถิด!"

เมื่อกล่าวจบนางก็ก้มศีรษะคารวะ ซูหนานอีถอนหายใจออกมาแล้วกล่าวว่า "จงลุกขึ้นเถิด ข้ามิได้กล่าวเลยว่าจะไล่เจ้าไปที่ใด เจ้าจงอาศัยอยู่ที่นี่ไปก่อนเรื่องหลังจากนี้ข้าจะจัดการให้เอง"

หลี่จิ้งหว่านกล่าวขอบคุณนาง จากนั้นก็หันหลังเดินกลับห้องไป

ซูหนานอีถอนหายใจออกมาเล็กน้อยและหันกลับไปย้อนมองดูที่ห้องของลู่ซือหยวน หน้าต่างถูกเปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง เขานั่งอยู่ตรงข้างและกำลังมองออกมา

นางเดินเข้าไปอย่างช้าๆ ใช้มือข้างหนึ่งจับไปที่ขอบหน้าต่าง "เรื่องราววุ่นวายนิดหน่อย"

"เขาเป็นคนไม่ดีหรือ?"

ซูหนานอีพยักหน้าจากนั้นยิ้มออกมาอย่างขมขื่น "เหตุใดถึง……"

น้ำเสียงของลู่ซือหยวนเบาบาง "คงไม่มีอะไรมากไปกว่าชื่อเสียงและผลประโยชน์ เพื่อทั้งสองสิ่งนี้อย่าว่าแต่ความรักเลย แม้ชีวิตก็สามารถนำเข้าแลกได้"

ซูหนานอีชะงักลง "จะกล่าวเช่นนั้นก็ถูก"

นางมองไปยังทิศทางที่หลี่จิ้งหว่านเดินจากไป "นางแข็งแกร่งกว่าที่ข้าคิดเอาไว้มากนัก พลังของหุบเขาเทวดานั้นมิอาจใช้ได้ในตอนนี้ ข้าคงต้องเริ่มฝึกฝนคนของตนเอง นางอยู่ที่นี่คงต้องรบกวนให้เจ้าเอาใจใส่สักหน่อย"

ดวงตาของลู่ซือหยวนลึกล้ำเขาพยักหน้าเล็กน้อย

ซูหนานอีกลับมายังตระกูลซู เสี่ยวชีก็กลับมาแล้วเช่นกัน "คุณหนูเจ้าคะ ซิ่วเหนียงนางนั้นบ่าวได้หาพบแล้วและนำตัวมาส่งที่เรือนแล้วเจ้าค่ะ"

"ดีมาก วันพรุ่งนี้เราจะเดินทางไปดู วันนี้พักผ่อนก่อนเถิด"

ซูหนานอีไม่ได้นำเรื่องนี้มาใส่ใจมากนัก ก็เพียงแค่ซ่องโสเภณี นางจะนำมาเห็นความสำคัญได้อย่างไร นางเดินออกจากเรือนไปโดยมิได้ใช้รถม้า เพียงสวมหมวกใบหนึ่งแล้วเดินไปบนถนนผ่านตลาดไปยังจวนท่านอ๋อง

ขณะที่กำลังเดินไปนั้น จู่ๆก็เห็นกลุ่มคนกำลังล้อมดูบางสิ่ง นางก็มิได้ใส่ใจมันมากนักเพียงแต่ได้ยินใครบางคนในฝูงชนกล่าวขึ้นว่า "คุณหนูตระกูลหลี่นี่!" นางจึงได้หยุดฝีเท้าลงแล้วยื่นหน้าเข้าไปดู พบว่าที่กำแพงนั้นมีประกาศติดพร้อมกับประโยคสั้นๆ เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกอันลึกซึ้ง แต่ละประโยคบรรยายออกมาถึงการรอคอยซึ่งเขียนโดยหลิวลี่ซง มอบให้แก่หลี่จิ้งหว่าน

แน่นอนว่าเขามิอาจเอ่ยชื่อถึงหลี่จิ้งหว่านออกมาได้โดยตรง เนื่องจากตอนนี้ที่ว่าการนครหลวงได้ป่าวประกาศ ทุกคนในเมืองรู้ดีว่าคุณหนูตระกูลหลี่หายตัวไป และหลี่จิ้งหมิ่นได้ปลอมตัวเป็นหลี่จิ้งหว่าน สิ่งเหล่านี้เดิมทีก็มิใช่เพื่อให้คนสัญจรไปมาได้พบเห็น เพียงเพราะเป็นข้ออ้างต้องการให้คนสัญจรไปมาได้กล่าวเผยแพร่ออกไปว่ามีชายหนุ่มคนหนึ่ง ได้แต่นั่งเฝ้ารอให้คนรักของเขากลับมาเร็ววัน เพื่อต้องการให้หลี่จิ้งหว่านปรากฏตัวขึ้นเท่านั้นเอง

ซูหนานอีถอยออกมาจากฝูงชน ในใจนางรู้สึกโมโหยิ่งนัก มองดูแล้วนี่ก็คือสิ่งที่ชุ่ยจือกล่าวเมื่อคืน เป็นสิ่งที่คุณหญิงหลี่สั่งให้หลิวลี่ซงไปจัดการแน่ๆ นางเดินมุ่งหน้าต่อไปจนกระทั่งถึงทางแยกและพบว่าหลิวลี่ซงกำลังอยู่กับคนกลุ่มหนึ่งแจกจ่ายใบปลิวเหล่านี้ เขากล่าวพลางดวงตาแดงเรื่อทำท่าทางดูเหมือนตกอยู่ในทะเลแห่งความรักอย่างไรอย่างนั้น

ริมฝีปากของซูหนานอีเผยอขึ้นเล็กน้อย จากนั้นเดินอ้อมไปทางจวนท่านอ๋อง

คนในจวนเมื่อเห็นนางก็ได้เข้าไปรายงานทันที หยุนจิ่งที่รอนางอยู่ตั้งนานแล้วเมื่อได้ยินข่าวนั้นก็วิ่งออกมาข้างนอกด้วยความเร็วไว

ในขณะที่ซูหนานอีกำลังรออยู่นั้น จู่ๆก็ได้ยินใครบางคนเอ่ยขึ้นด้วยความประหลาดใจว่า "คุณหนูซู? เหตุใดจึงมาอยู่ที่นี่?"

ซูหนานอีฟังเสียงนั้นก็รู้ดีว่าคือผู้ใด แต่ไม่อยากจะไปสนใจถึงแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน

หยุนหลิ่วไม่ปล่อยนางไป แต่กลับเดินหน้าเข้าไปกล่าวกับผู้เฝ้าประตูเหล่านั้น "แม้ว่าคุณหนูซูจะยังไม่ได้แต่งเข้ามา แต่ก็มี หนังสือออกมาแล้วมิใช่หรือ ไท่เฟยตรัสแล้วว่ามิต้องมีกฎเกณฑ์ใดมากนัก แม้ว่าคุณหนูซูจะเดินทางมาค่อนข้างบ่อย แต่สิ่งเหล่านี้ก็ล้วนทำเพื่อท่านอ๋อง เหตุใดพวกเจ้าซึ่งได้ละเลยและปล่อยให้นางรออยู่ที่นี่?"

ที่ผ่านมานางเป็นคนว่าง่ายและสดใส น้อยครั้งนักที่จะกล่าวด้วยใบหน้าจริงจังเช่นนี้ พวกคนรับใช้ต่างพากันตื่นตระหนกและกำลังรีบร้อนอธิบาย

"อย่าหาโทษพวกเขาเลย ข้าต้องการรออยู่ที่นี่ด้วยตนเอง แม้ว่าข้าจะยังมิได้แต่งเข้ามาแต่ก็มีประกาศออกแล้ว พวกเขากล้าดีอย่างไรที่จะละเลย เพียงแต่ข้านั้นได้นัดแนะกับท่านอ๋องไว้เรียบร้อยแล้ว อีกประเดี๋ยวเขาก็จะเดินทางออกมา แม่นางหยุนหลิ่วช่างกังวลใจแทนจวนท่านอ๋องและตัวท่านอ๋องมากเหลือเกิน"

ด้านของซูหนานอีเองก็ไม่เบา นางตอบกลับมาขัดขวางคำกล่าวอื่นๆเอาไว้ หยุนหลิ่วยิ้มออกมาอย่างไม่พอใจ ในขณะที่กำลังจะกล่าวอะไรออกมาอีกนั้น หยุนจิ่งก็ได้วิ่งออกมาจากด้านใน

"เหนียงจื่อ เหนียงจื่อ! ข้ามาแล้ว"

ใบหน้าของหยุนจิ่งเต็มไปด้วยความปีติยินดี ดวงตาของเขานั้นไม่อาจซ่อนความคิดถึงของซูหนานอีไว้ได้เลย ซูหนานอีช่วยเขาจัดแต่งทรงผมที่ด้านหลัง จากนั้นกล่าวว่า "ไปเถิด ข้าจะพาเจ้าไปเที่ยว"

หยุนจิ่งพยักหน้าด้วยความดีใจ โดยมิได้สนใจหยุนหลิ่วแม้แต่น้อย

หยุนหลิ่วกำมือของนางเอาไว้แน่น และอดไม่ได้ที่จะก้าวขาออกไปสกัดกั้นเอาไว้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-จอมนางสะท้านพิภพ