ฟีนิกซ์นิพพาน-จอมนางสะท้านพิภพ นิยาย บท 86

ซูหนานอีอยากจะฟังก็คือคำพูดเมื่อสักครู่ของใต้เท้าจ้าว นางกล่าวขอบคุณอยู่หลายครั้ง จากนั้นก็เดินออกจากศาลจิงจ้าวพร้อมกับหยุนจิ่ง

หยุนจิ่งเม้มปากแน่น ท่าทีลังเล

ซูหนานอีเลยเอ่ยถาม: "มีอะไรหรือ หยุนจิ่งมีอะไรจะพูดหรือ"

"เหนียงจื่อ เจ้าใช้ชีวิตอยู่ที่จวนซูไม่มีความสุขใช่หรือไม่" แววตาลึกซึ้งของหยุนจิ่ง รวมกับหาก้นพื้นไม่เจอ ล้วนเต็มไปด้วยความกังวล

ซูหนานอีอึ้ง คิดไม่ถึงว่าเขาจะถามอย่างนี้

"ไม่นี่ ข้าก็อยู่สุขสบายดี จิ่งเอ้อร์ไม่ต้องเป็นกังวลไป"

หยุนจิ่งที่เชื่อฟังนางมาตลอดแต่วันนี้กลับหันหลังให้นาง: "โกหก! เหนียงจื่อโกหก!"

ซูหนานอีรู้สึกลำบากใจ ลูบหลังหยุนจิ่งเบาๆ "หยุนจิ่งโกรธหรือ"

หยุนจิ่งไม่ตอบ แต่ก็ไม่ได้หันกลับมา เห็นได้ชัดว่ากำลังโกรธนางอยู่

ซูหนานอีใช้นิ้วจั๊กจี้ไปที่เอวของเขา แล้วหัวเราะเบาๆ

หยุนจิ่งถูกนางจี้ก็บิดตัวไปมา พร้อมกับหายใจส่งเสียงหึออกมา

ซูหนานอีเดินอ้อมไปทางด้านหน้าของเขา "เอาล่ะ จิ่งเอ้อรอย่าโกรธเลย ข้าไม่ได้โกหก ถึงแม้ว่าในตระกูลซูจะมีคนไม่ดีพวกนั้น แต่ข้าก็ไม่ได้สนใจพวกเขา ข้าอยู่แต่ในเรือนของข้า อยากทำอะไรก็ทำ ไม่สนใจเรื่องที่ทำให้ไม่ดีที่ทำให้ไม่มีความสุขหรอกนะ"

หยุนจิ่งครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งรู้สึกซูหนานอีพูดก็มีเหตุผล กัดเม้มริมฝีปากแล้วตวัดสายตาหันกลับมา "จริงหรือ"

"จริงสิ" ซูหนานอีพยักหน้า "ข้าจะโกหกหยุนจิ่งได้อย่างไร เอาอย่างนี้เจ้ากลับไปจวนซูพร้อมกับข้า ขทำของอร่อยให้เจ้ากิน จากนั้นก็รอดูว่าข้าจัดการกับพวกเขา ดีหรือไม่"

"ดี" หยุนจิ่งตอบทันทีใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม "กินข้าวกับเหนียงจื่อมีความสุขที่สุด"

"อย่างนั้นต้องกินเยอะ เจ้าอยากกินอะไร ข้าจะให้คนครัวทำให้เจ้า"

"ข้าสั่งได้ด้วยหรือ"

"ได้สิ……"

……

ทั้งสองคุยกันไปพร้อมทั้งเดินทางกลับจวน คนในจวนซูส่วนใหญ่ต่างก็ทราบข่าวตั้งแต่แรกแล้ว รู้ว่าเกิดเรื่องใหญ่แต่ไม่มีใครกล้าปริปาก

ซูหว่านเอ้อร์ได้ส่งแม่บ้านชุยมาดักรอที่หน้าประตูจวน พอเห็นซูซูืออวี้กลับมาก็รีบเดินเข้าไปสอบถาม นางไม่ถามก็ดีอยู่แล้ว แต่พอเอ่ยถามซูซืออวี้ก็แสดงสีหน้าโกรธอยากหาที่ระบาย

เขาผลักแม่บ้านชุยให้หลีกทาง เดินไปทางเรือนซูหว่านเอ้อร์ด้วยท่าทางโกรธ

เดิมทีซูหว่านเอ้อร์นึกว่าเป็นแม่บ้านชุย แต่พอมองผ่านหน้าต่างออกไปดูเห็นว่าเป็นซูหว่านเอ้อร์ ที่เดินมาทางนี้เหมือนกับไปกินรังแตนมา ยังคิดว่าเกิดเรื่องขึ้นไม่ดีกับซูหนานอีแล้ว

นางรีบยกกระโปรงขึ้นแล้วเดินไปที่หน้าประตูพร้อมกับทำหน้าสงสาร "ท่านพ่อ ทำไมท่านพ่อถึงได้ดูอารมณ์ไม่ดีถึงเพียงนี้ พี่ใหญ่เล่า ทำไมถึงไม่กลับมาพร้อมกับท่าน ท่านพ่อไม่ว่าพี่ใหญ่จะทำอะไร นางก็ยังเป็นพี่สาวของข้า บุตรสาวของท่าน ขอให้ท่านเห็นแก่หน้าหว่านเอ้อร์ ยกโทษให้นางด้วย"

นางพูดพร้อมกับคุกเข่าลงพูดออกมาด้วยความจริงใจอย่างสุดซึ้ง"ท่านพ่อ ลูกไม่กลัว แม้จะไม่สามารถกู้ชื่อเสียงของลูกกลับมา แต่จะไม่สนความเป็นความตายของพี่ใหญ่คงไม่ได้! เอาอย่างนี้ดีหรือไม่ ให้พี่ใหญ่ไปอยู่ที่ร้านที่บ้านนอกสักสองปี รอให้ข่าวซาลง ทุกคนลืมเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว หรือไม่ก็……"

พูดยังไม่ทันจบซูซืออวี้ก็ง้างมือตบเข้าที่หน้าของนางดัง "เพี๊ยะ" จนหน้าซูหว่านเอ้อร์หันไปอีกทางพร้อมกับทรุดลงไปกองกับพื้น

"หุบปาก! เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าซูหนานอีทำอะไร แล้วรู้ได้อย่างไรว่านางทำลายชื่อเสียง"

ซูหว่านเอ้อร์รู้สึกชาหน้าไปครึ่งซีก แต่กลับแอบดีใจ ยิ่งซูซืออวี้โมโหโกรธก็แสดงว่าซูหนานอีทำเรื่องผิดร้ายแรงไม่สามารถที่จะขอร้องอ้อนวอนได้!

นางก็ลุกขึ้นมาคุกเข่าอีกครั้ง "ลูกเห็นท่าทางโมโหโกรธของท่านพ่ออย่างนี้ก็รู้แล้วว่าพี่ใหญ่นั้นมีโทษหนัก ทำลายชื่อเสียงตระกูลซู และโยงไปถึงจวนอ๋องเป่ยลี้ด้วย แต่ในเมื่อเป็นเยี่ยงนี้แล้ว ลูกก็ไม่อาจทนเห็นท่านจะทำอันใดกับพี่ใหญ่ได้! นางเป็นลูกสาวในไส้ของท่านนะ หรือว่าท่านอยากจะตีนางให้ตายเลยหรือ ท่านพ่อ……"

"อย่ามาเรียกข้าว่าท่านพ่อ! ข้าไม่มีลูกสาวอย่างเจ้า! วันๆ มีแต่พูดเหลวไหล ถูกกักบริเวณแล้วยังไม่รู้จักสำนึกแก้ไขตัวเอง ก่อเรื่องไม่หยุดหย่อน!"

"อ้อนวอนขอความเห็นใจอย่างนั้นหรือ ข้าทำผิดอะไรทำไมต้องให้เจ้ามาขอความเห็นใจด้วย อีกอย่าง เจ้าขอความเห็นใจหรือซ้ำเติมข้ากันแน่ ก็ยังมิทราบได้"

ซูซืออวี้อ้าปากจะพูด มองเห็นหยุนจิ่งที่อยู่ด้านหลังซูหนานอี ก็รู้สึกกลัวขึ้นมา: "หุบปาก! ซูหว่านเอ้อร์ เจ้านี่เกินเยียวยาแล้วจริงๆ หนานอีนางก็อยู่ดีๆ ของนาง เจ้ายังพูดเหลวไหลไม่หยุด จิตใจเจ้าทำด้วยอะไรห๊ะ!"

ซูหนานอีหันไปมองทางเขา "เอาอย่างนี้ยกชุนหลิงเข้ามา ให้นางเป็นคนพูด ว่าเรื่องมันเป็นมายังไง สาวรับใช้ของซูหว่านเอ้อร์ถูกคนจับตัวไปได้อย่างไร และนางรู้ได้อย่างไรว่าคนที่จับตัวนางไปเป็นข้า"

ซูซืออวี้ก็รู้สึกหวั่นใจขึ้นมาเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ ไม่อยากจะเชื่อหันกลับไปมองซูหว่านเอ้อร์ด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย

ซูหว่านเอ้อร์มีสีหน้าแตกตื่น สมองอื้ออึง อะไรนะ คนที่ถูกคนจับตัวไป……คือชุนหลิงอย่างนั้นหรือ นี่มันเรื่องอะไรกันแน่!

ซูซืออวี้ยังไม่ทันตอบหยุนจิ่งก็เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา: "ยกตัวเข้ามา!"

พอได้ยินเสียงบ่าวสองคนก็ยกเปลเข้ามา บนเปลมีชุนหลิงนอนอยู่ นางสวมชุดหวีผมแล้ว แต่แววตานางยังเหม่อลอย ไร้สติ ใบหน้าและลำคือมีรอยช้ำสีม่วงเขียว คิดว่าบนตัวนั้นจะมีมากแค่ไหน

ซูหนานอีนิ่งไม่ใช่เพราะนางใจร้าย ถ้าหากไม่ใช่เพราะนางรู้ข่าวมาก่อน ถ้าหากไม่ใช่นางเตรียมการป้องกันไว้ งั้น ……คนที่อยู่ในสภาพแบบนี้ก็คงเป็นนางแล้ว

ซูหว่านเอ้อร์พอเห็นดังนั้นก็รู้สึกตกใจอึ้ง เซี่ยเถาที่อยู่ข้างๆ มองท่าทางของนางก็พอจะคาดเดาได้ คิดอยู่ในใจว่าท่าไม่ดีแล้ว คิดว่าไม่ควรสมรู้ร่วมคิดด้วยเลย

ซูซืออวี้ไม่มีความส่งสารแม้แต่น้อย อีกทั้งยังรู้สึกขายหน้า อยากจะรัดคอชุนหลิงให้ตายไปเลย หากไม่ใช่เพราะอยู่ต่อหน้าคนมากมาย เขาคงนำตัวชุนหลิงกลับเรือนไปแล้ว ซ้ำยังรับปากว่าจะรักษานางให้หาย มิเช่นนั้นเขาคงฆ่าชุนหลิงตายไปนานแล้ว

"สาวใช้ชั้นต่ำ! เจ้าพูดมา เรื่องมันเป็นมายังไง"

ได้ยินคำพูดด้วยอารมณ์โกรธของเขา เหมือนชุนหลิงจะได้สติกลับมาแล้วมองดูคนรอบๆ พอมองมาถึงซูหนานอีก็หายใจหอบแรงขึ้น

ซูหนานอีเองก็ยิ้มมองไปมองอยู่ "ชุนหลิง ใครสั่งให้เจ้าออกจากจวนไปตอนกลางคืน แล้วออกไปทำอะไร แล้วเจ้าถูกคนจับตัวไปได้อย่างไร เจ้าลองคิดดูดีๆ แล้วเล่ามาอย่างละเอียด"

ชุนหลิงนึกถึงกลุ่มหมอกสีชมพูในตาของซูหนานอีที่เป็นสีดำวาวใส เหมือนไม่ใช่สลบเพราะยาสลบ แต่ก็ไม่รู้ว่าตัวเองสลบไปได้อย่างไร……

นางหลับตาต่อ กลืนน้ำลาย มือค่อยๆ ยกขึ้นมาแล้วชี้ไป

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-จอมนางสะท้านพิภพ