ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง นิยาย บท 102

หัวจิ้งเห็นว่าหยุนชางดูเหมือนจะหมดความอดทนกับตนเล็กน้อย นางจึงรู้สึกไม่พอใจ และคิดในใจว่า เขาเป็นเพียงลูกน้องของท่านอ๋อง ยังจะกล้าที่จะทำตัวเช่นนี้ต่อหน้าข้า แต่เมื่อต่อหน้าเขานางก็พูดอย่างสุภาพว่า " ช่วงนี้ข้าเดินทางจนเหนื่อยแล้ว อยากจะพักผ่อนสักพักหนึ่ง คุณชายเซียวเชิญตามสบายได้เลยเจ้าค่ะ"

หยุนชางพยักหน้าและยืนขึ้น "เช่นนั้นกระหม่อมขอตัวก่อนขอรับ" หลังจากพูดจบก็เห็นหัวจิ้ง พยักหน้าเล็กน้อยจากนั้นเขาก็ถอยออกไป

ห้องของหยุนชางอยู่ข้างๆ นาง เมื่อหยุนชางกลับไปที่ห้องของตน นางก็เดินไปด้านหลังและเปิดหน้าต่างไว้ ทั้งสองห้องอยู่ติดกัน และหน้าต่างทั้งสองก็เปิดอยู่เช่นกัน หากมีการเคลื่อนไหวใดๆ ที่ห้องนาง ตนก็คงจะได้ยินเสียงอยู่บ้าง แต่ว่าห้องข้างๆ นั้นเงียบสงบอยู่ทั้งเช้า

เสี่ยวเอ้อร์นำอาหารกลางวันมาส่งแต่ละห้อง หยุนชางได้ยินเสียงของเสี่ยวเอ้อร์ที่นำอาหารไปส่งให้หัวจิ้ง แต่เมื่อผ่านไปครู่หนึ่ง ห้องข้างๆ ก็เงียบลงอีกครั้ง

จนกระทั่งตกค่ำ หยุนชางก็ไม่เห็นหัวจิ้งออกมาจากห้องมา และไม่ได้ยินเสียงพูดของนาง

เมื่อถึงมื้อเย็น หยุนชางตั้งใจไปคารวะหัวจิ้งที่ห้องข้างๆ ตอนที่เข้าไป หัวจิ้งนั่งเหม่อลอยอยู่บนเตียง เมื่อเห็นหยุนชางเข้ามา นางก็ยิ้มและพูดว่า " คุณชายเซียวมาแล้วหรือ?"

หยุนชางพยักหน้าและกล่าวว่า "แม้ว่ากองทัพแย่หลางจะถอนกำลังพลออกจากเมืองซียีแล้ว แต่กระหม่อมกลัวว่าจะมีสายลับของแย่หลางปะปนอยู่ในกลุ่มประชาชน องค์หญิงอย่าลืมปิดหน้าต่างให้ดีตอนนอนหลับนะข้อรับ และสั่งการองครักษ์ทั้งสองไว้ว่าอย่าเผลอหลับไป"

หัวจิ้งตอบด้วยรอยยิ้มว่า "คุณชายเซียวก็อยู่ห้องข้างๆ นี่เอง ข้าไม่กลัวหรอก แม้แต่เสด็จลุงยังชมท่าน แน่นอนว่าต้องมีทักษะการต่อสู้ที่ดีมาก"

หยุนชางยิ้มออกมา นางไม่ถ่อมตน แล้วเตือนไปอีกเล็กน้อย จึงออกจากห้องไป ทันทีที่เปิดประตู ก็พบว่ามีองครักษ์ที่ใส่ชุดสีดำยืนอยู่ที่ประตู หยุนชางตกใจอย่างมาก และนานกว่าจะมีสติกลับมา นางมองดูองครักษ์ผู้นั้นแล้วก็ไม่ได้พูดอะไร แล้วจึงกลับห้องของตนไป

คืนหนึ่ง หยุนชางกำลังจับจ้องการเคลื่อนไหวของห้องข้างๆ แต่ไม่มีอะไรผิดปกติเลยทั้งคืน

เช้าตรู่ของวันที่สอง ทันทีที่หยุนชางออกจากห้องมา ก็พบว่าหัวจิ้งก็ออกมาเช่นกัน " คุณชายเซียว เราลงไปกินข้าวเช้าพร้อมกันเถอะ"

หยุนชางตอบกลับ ทันทีที่เดินลงไป ก็เห็นทหารสองคนเดินเข้ามาและโค้งคำนับหยุนชางพร้อมกล่าว " คุณชายเซียวขอรับ กองทัพแย่หลางดูเหมือนจะมีการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติขอรับ ท่านอ๋องขอให้คุณชายกลับไปที่ค่าย เพื่อหารือเกี่ยวกับมาตรการรับมือขอรับ"

เมื่อหัวจิ้งได้ยินเช่นนี้ ดวงตาของนางก็เป็นประกาย นางยิ้มและพูดว่า "ถ้าเป็นอย่างนั้น คุณชายเซียวกลับไปก่อนได้เลยเจ้าค่ะ ตอนนี้กลางวันแสกๆ คงไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรอกเจ้าค่ะ"

หยุนชางพยักหน้าอย่างเร่งรีบ "ทหารสองคนนี้ก็ให้เจ้าหญิงสั่งการได้เลยขอรับ กระหม่อมขอตัวก่อนขอรับ" แล้วนางก็จากโรงเตี๊ยมไป และกลับไปที่ค่ายทหารอย่างเร่งรีบ เมื่อกลับไปถึงที่ค่ายก็พบว่ามีทหารเหลืออยู่ไม่มาก มีเสียงตะโกนดังมาจากที่ไกลๆ คาดว่ากองทัพแย่หลางกำลังตะโกนเริ่มรบกัน นางจึงรีบขี่ม้าไปยังสถานที่ที่กองทัพทั้งสองเผชิญหน้ากัน

เมื่อจิ้งอ๋องเห็นว่าหยุนชางกลับมา ก็รีบขี่ม้าเข้ามาหานาง "กลับไปที่ค่ายเถิด ชางเจียชิงซูดูเหมือนจะไม่อยากต่อสู้ในวันนี้ เราเสียเวลาอยู่อย่างนี้มันก็ไร้ประโยชน์"

หยุนชางยืดคอไปมองดู เห็นชุดเกราะเงินที่ส่องแสงอยู่บนรถรบในระยะไกล หยุนชางยิ้มมุมปาก "เหตุใดเสด็จลุงไม่สั่งกองทัพเข้ารบเจ้าคะ ฉวยโอกาสโจมตีเขาโดยที่เขาไม่ทันระวัง?"

จิ้งอ๋องยิ้มและกล่าวว่า "ข้างหลังเขาคือเมืองชางหลาน เป็นเมืองที่ตั้งฐานป้องกันง่ายและโจมตียาก ถ้าหากข้ารีบเข้าโจมตีตั้งแต่แรก พวกเขาจะต้องหันหลังและวิ่งหนีกลับไปที่เมืองชางหลานอย่างแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้นคนที่จะเสียคือข้าเอง" หลังจากพูดคุยไปเล็กน้อย เขาก็ถามหยุนชางว่า "เป็นอย่างไรบ้าง เมื่อคืนนี้มีอะไรผิดปกติรึเปล่า?"

หยุนชางส่ายหัว "หัวจิ้งเงียบเกินไป เงียบจนผิดปกติเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม หนึ่งในสององครักษ์ที่นางพามา หนึ่งในนั้นมีศิลปะการต่อสู้ที่เยี่ยมยอด"

"โอ้?" จิ้งอ๋องหันหน้าไปมองหยุนชาง "เจ้าจำได้หรือไม่ว่า องครักษ์ที่มีศิลปะการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมนั้นหน้าตาเป็นอย่างไร?"

หยุนชางขมวดคิ้ว "เมื่อเจ้าบอกข้าก็นึกขึ้นได้ว่า ข้ามั่นใจอย่างมากว่าความจำของข้าค่อนข้างดี แต่ข้าจำไม่ค่อยได้ว่าองครักษ์นั้นหน้าตาเป็นอย่างไร จำได้เพียงว่าดวงตาของเขาเป็นสีน้ำตาลและสว่างมาก"

หยุนชางเหล่ตา ตั้งแต่เริ่มโจมตีของมือสังหาร จนมือสังหารหนีไปใช้เวลาเพียงไม่นาน แต่จากค่ายทหารถึงโรงเตี๊ยมไม่ว่ายังไงก็ต้องใช้เวลานาน จิ้งอ๋องมาเร็วเช่นนี้ แสดงว่าคงมีคนไปแจ้งเรื่องแล้ว

"องค์หญิงคงจะไม่เป็นอะไรมากเจ้าค่ะ" หยุนชางหันไปมองดูหัวจิ้งที่กำลังสั่นเทาอยู่บนเตียง เดินไปแล้วเอื้อมมือออกไปตรวจสอบลมหายใจขององครักษ์ทั้งสอง จึงกล่าวว่า "องครักษ์เสียชีวิตไปหนึ่งคน อีกคนหนึ่งน่าจะยังช่วยชีวิตไว้ทัน พาเขากลับไปที่ค่ายให้หมอทหารตรวจดูเถิด"

จิ้งอ๋องพยักหน้าและสั่งให้ทหารพาองครักษ์ที่ได้รับบาดเจ็บออกไปก่อน แล้วจึงเดินไปที่เตียงของหัวจิ้ง "องค์หญิงยังเดินได้หรือไม่ขอรับ? กองทหารของข้าไม่มีผู้หญิง และไม่มีขันที ชายหญิงไม่เหมาะสมที่จะแตกเนื้อต้องตัวกัน องค์หญิงอาจจะต้องเดินไปเองขอรับ โรงเตี๊ยมแห่งนี้ไม่ปลอดภัยแล้ว ดังนั้นตามกระหม่อมกลับไปที่ค่ายทหารกันเถอะ"

ท่าทีของหัวจิ้งดูตกใจอย่างมาก นางพึมพำและพยักหน้า ใช้เวลานานกว่าจะเรียกสติกลับมาได้ นางยืนขึ้นอย่างระมัดระวังและเดินลงบันไดไป หยุนชางมองดูอย่างละเอียด แต่กลับพบว่าก่อนหน้านี้นางตัวสั่นหนักมาก แต่กลับไม่มีเหงื่อออกบนหน้าผากของนางเลย

หลังจากกลับไปที่ค่าย จิ้งอ๋องก็ตั้งรกรากให้หัวจิ้ง แล้วจึงกลับมาที่ค่ายพร้อมกับหยุนชาง เฉี่ยนอินรีบเข้ามาทักทายเขาและพูดว่า " คุณชายเจ้าคะ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?"

หยุนชางส่ายหัวและหันไปหาจิ้งอ๋องพร้อมพูดว่า " ข้าสวมหน้ากากไว้ก็ไม่เป็นอะไร แต่เกรงว่าเฉี่ยนอินคงไม่สะดวกที่จะสวมหน้ากาก อีกสักครู่เจ้าส่งเฉี่ยนอินออกไปเถิด เฉี่ยนอินเจ้าไปบอกหนิงเชียนให้เปลี่ยนคนมาดูแล อีกเรื่องหนึ่ง หัวจิ้งอยู่ในกองทัพ หากไม่มีสาวใช้ก็คงดูไม่เหมาะสมเท่าไหร่ ถ้าอย่างนั้นพาสาวใช้ที่เชื่อฟังมาเพิ่มอีกสองคนเถอะ"

จิ้งอ๋องพยักหน้า " เจ้าสั่งได้เลย" ขณะที่เขาพูด เขาเรียกองครักษ์เข้ามาหนึ่งนาย และให้เขาไปเตรียมตามคำขอของหยุนชาง

หยุนชางกระซิบ "ที่แท้แล้วจุดประสงค์ของพวกเขาคือต้องการเข้ามาในค่ายนี่เอง ก่อนหน้านี้คงคิดว่าหากพูดตรงๆ เจ้าจะปฏิเสธอย่างแน่นอน ดังนั้นหัวจิ้งจึงกล่าวเพียงเล็กน้อยและไม่ได้บังคับ แต่กลับจัดฉากที่พิเศษเช่นนี้ขึ้นมา ในที่สุดก็สำเร็จตามประสงค์ของพวกเขาสินะ"

จิ้งอ๋องยิ้มมุมปากอย่างเย็นชา "เข้ามาในค่ายนี้แล้วก็ทำงานง่ายกว่าเดิม พอดีอย่างมาก ใช้โอกาสนี้ ข้าก็อยากเคลียร์หนอนบ่อนไส้ในกองทัพด้วย" พูดจบ สายตาก็จับจ้องไปที่หยุนชาง หยุดไปสักพักจึงพูดขึ้นมาว่า "ชางเจียชิงซูได้วางไส้ศึกจำนวนมากในกองทัพหนิงด้วย คงมีหลายคนทราบว่าทุกวันนี้เจ้าอาศัยอยู่ในค่ายของข้า พวกเขาต้องคาดเดาตัวตนของเจ้าอย่างแน่นอน ก่อนหน้านี้ข้าบอกกับผู้อื่นตลอดว่าข้ามีรสนิยมชายรักชาย เจ้ากับข้า......." เมื่อพูดถึงตรงนี้เขาก็หยุดลงอีกครั้ง แต่หยุนชางเข้าใจแล้วว่าเขาหมายถึงอะไร นางรู้สึกร้อนหูเล็กน้อย จึงก้มหน้าลง

จิ้งอ๋องเห็นเช่นนี้ ดวงตาของเขาก็สั่นเล็กน้อย "แต่ว่า ตอนนี้หัวจิ้งเข้ามาอาศัยอยู่ที่นี่แล้ว บวกกับนางพาบุคคลที่ไม่ทราบตัวตนเข้ามาด้วย ต่อไปนี้คงต้องลำบากเจ้าแล้วล่ะ ข้าคงต้องอาศัยอยู่เต็นท์เดียวกับเจ้า แล้วปล่อยให้เรื่องชายรักชายนั้นเป็นจริง มิเช่นนั้น อาจทำให้ผู้อื่นสงสัยได้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง