ตั้งแต่คืนนั้น ในวังก็กลับคืนสู่ความสงบ สงบจนออกจะผิดปกติไปเล็กน้อย แต่หยุนชางกลับไม่ได้ใส่ใจนัก นางเอนกายนอนบนเบาะนุ่มๆ ทั้งวันอย่างเกียจคร้าน ผ่านไปเพียงชั่วพริบตาก็ถึงวันที่ยี่สิบเก้าเดือนสิบสอง พรุ่งนี้ก็จะเป็นวันส่งท้ายปีเก่าแล้ว วันส่งท้ายปีเก่าเป็นวันสำคัญที่มีเพียงปีละครั้ง กล่าวให้ถูกก็คือ เพื่อที่จะฉลองปีใหม่แล้วคนในพระราชวังต่างก็เริ่มเตรียมตัวตั้งแต่ วันที่ยี่สิบเดือนสิบสองและจะยุ่งไปจนถึงเมื่อเทศกาลโคมไฟจบลง หยุนชางเป็นองค์หญิง เรื่องต่างๆ นางจึงไม่ต้องทำด้วยตนเอง นางจึงอยู่ว่างๆ อย่างมีความสุข แต่พรุ่งนี้เป็นวันส่งท้ายปีเก่า ไม่ว่าอย่างไรนางก็ต้องไปร่วมงานเลี้ยงในวัง
เพียงแต่ไม่รู้ว่าหัวจิ้งจะกลับมาไหม? หยุนชางกระตุกยิ้มบางๆ ตั้งแต่หัวจิ้งกลับมายังเมืองหลวง นางไม่เคยปรากฏตัวในวังอีกเลยโดยอ้างว่านางโศกเศร้าเกินไป แต่หยุนชางรู้ดีว่านางกลัวว่าหากนางออกมาปรากฏตัวแล้วถูกพบว่านางท้องเกรงว่าจะถูกสงสัยเรื่องความจงรักภักดีของนาง
"องค์หญิง..." เฉี่ยนอินแหวกม่านเดินเข้ามา ใบหน้าของนางแดงระเรื่อ "องค์หญิง ข้างนอกหิมะตกอีกแล้วเพคะ หม่อมฉันสั่งให้คนต้มน้ำแกงมาให้องค์หญิงอบอุ่นร่างกาย องค์หญิงรีบมาชิมเถิดเพคะ"
หยุนชางวางหนังสือในมือลง "อืม ก็ดี" นางยืนขึ้นสวมรองเท้าแล้วเดินไปที่นั่งลงโต๊ะ
"ช่วงนี้อากาศเริ่มหนาวขึ้นแล้ว พรุ่งนี้เป็นวันส่งท้ายปีเก่าคงต้องมีเรื่องมากมายเกิดขึ้น อีกเดี๋ยวเจ้าสั่งลงไปว่าคืนนี้เป็นเจ้าเข้าเวร ส่วนคนอื่นให้พักผ่อนเถอะ" หยุนชางพูดเบาๆ
เฉี่ยนอินได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มและพยักหน้า "เพคะ อีกเดี๋ยวหม่อมฉันจะไปบอกทุกคน ทุกคนจะต้องบอกว่าองค์หญิงมีคุณธรรมเป็นแน่ ฮิฮิ..." ที่ตำหนักนี้มีทหารองครักษ์บวกกับฝีมือการต่อสู้ของนางเองก็ไม่ด้อย หากนางเข้าเวรกลางคืน องค์หญิงย่อมไม่เป็นไรอย่างแน่นอน นอกจากนี้ในวังวุ่นวายอยู่กับงานฉลองปีใหม่ ทุกวังทุกตำหนักแทบจะบ้าไปแล้ว ควรจะให้ทุกคนได้พักผ่อน
หลังจากที่หยุนชางดื่มน้ำแกงไปสองถ้วยก็ให้เฉี่ยนอินเก็บไป อากาศหนาวเย็น กลางวันสั้นลงเรื่อยๆ ยังไม่พ้นยามโหย่วท้องฟ้าก็มืดแล้ว หลังจากรับประทานอาหารเย็นแล้ว หยุนชางก็หยุดพักผ่อนแต่หัวค่ำ นางไม่ได้ฉลองส่งท้ายปีเก่าในวังมาหลายปีแล้ว แต่นางก็ยังมีความทรงจำของชาติก่อนอยู่บ้าง พิธีการที่ซับซ้อนเหล่านั้นค่อนข้างน่าเบื่อ เนื่องจากหยุนชางอนุญาตเป็นพิเศษ ตำหนักชิงซินจึงค่อยๆ สงบลง
หยุนชางหลับไปด้วยความง่วงงุน แต่ก็รู้สึกโดยตลอดว่ามีคนกำลังมองนางอยู่ในความมืด นางจึงตื่นขึ้นมาทันทีและพบว่านางไม่ได้คิดไปเอง มีคนยืนอยู่หน้าเตียงจริงๆ หยุนชางตกตะลึง นางเอามือกุมกริชที่อยู่ใต้หมอนอย่างเงียบเชียบ เมื่อสบโอกาสก็รีบแทงคนที่อยู่หน้าเตียงอย่างรวดเร็ว
คนที่อยู่หน้าเตียงนั้นดูเหมือนจะกระโดดหลบไปด้านข้างอย่างตกใจ เมื่อรู้สึกตัวกริชก็ฟันเข้าที่แขนของเขาแล้ว "เป็นข้าเอง"
หยุนชางประหลาดใจอยู่ครู่หนึ่ง เสียงนี้...
"เสด็จอา?"
คนที่อยู่ด้านหน้าเตียงราวกับจะถอนหายใจเบาๆ "ดูแล้วข้าจะกังวลไปเปล่าๆ มานานขนาดนี้ ไม่เคยคิดเลยว่าเจ้าก็มีฝีมือเช่นนี้"
หยุนชางรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและเดินไปที่โต๊ะเพื่อจุดโคมไฟแล้ว เมื่อหันกลับมาก็พบจิ้งอ๋องสวมชุดสีดำนั่งอยู่ข้างเตียงมองดูนางอย่างเงียบๆ
หยุนชางตกตะลึง ประเมินเขาอยู่ครู่หนึ่งกลับเห็นว่าเขาดูเลอะฝุ่นและมีเลือดไหลที่แขนซึ่งน่าจะเป็นผลงานชิ้นเอกของนางเอง
"โดนท่านหรือไม่?" หยุนชางเดินไปที่ข้างกายจิ้งอ๋อง เปิดเสื้อผ้าที่นางทำขาดและสำรวจดูใกล้ๆ นางรู้ฝีมือของนางดี และนอกจากนี้เมื่อครู่เขายังไม่ได้ทันระวังตัว กริชของหยุนชางคมมาก แผลนั้นเป็นรอยเสมอกัน ปากแผลเป็นเพียงรอยเล็กๆ เท่านั้น แต่หยุนชางรู้ว่ามันไม่ตื้นอย่างแน่นอน
หยุนชางเดินไปด้านข้างและหยิบขวดหยกขาวเล็กๆ ออกมา "เสด็จอาเพิ่งกลับมาถึงเมืองหลวง? ทำไมถึงได้รีบร้อนเสด็จมาที่ห้องนอนของชางเอ๋อร์ โชคดีที่เสด็จอาส่งเสียงออกมาทันเวลา แต่ข้าก็ยังทำร้ายเสด็จอาเข้าให้แล้ว"
จิ้งอ๋องก้มหน้ามองหยุนชางที่กำลังช่วยเขาทำแผล ดวงตาฉายแววอ่อนโยน แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่ได้สังเกต "ว่าข้าหรือ? เจ้าจากมาโดยไม่ลาก็แล้ว ถึงเมืองหลวงแล้วยังไม่รู้จักส่งจดหมายมารายงานข้า พอจากไปก็หายไปเลยแล้วจะให้ข้าโล่งใจได้อย่างไร?"
"หือ?" หยุนชางเงยศีรษะขึ้นด้วยความประหลาดใจ นางไม่ได้คิดเลยว่าเมื่อกลับมาถึงวังแล้วต้องรายงานต่อจิ้งอ๋อง นางคิดว่าความสัมพันธ์กับจิ้งอ๋องไม่ได้ดีขนาดนั้น
จิ้งอ๋องยืนอยู่ใต้ชายคาของตำหนัก เมื่อครู่กลางคืนอันเงียบสงบจู่ๆ กลับมีหิมะก็ตก จิ้งอ๋องถอนหายใจอย่างเงียบๆ รอยยิ้มประหลาดปรากฏขึ้นที่มุมปาก มีเสียง "เอี๊ยดอ๊าด" ดังมาจากด้านหลัง จิ้งอ๋องหันศีรษะไปและเห็นขันทีเจิ้งเดินออกมา "ท่านอ๋อง ฝ่าบาทเชิญด้านในพ่ะย่ะค่ะ"
จิ้งอ๋องพยักหน้าเบาๆ และเดินเข้าไปในตำหนักฉินเจิ้ง ภายในตำหนักอบอุ่นมาก ที่โต๊ะที่อยู่ด้านในสุด ฮ่องเต้เงยหน้าขึ้นแล้วมองไปที่ชายที่เดินเข้ามาหาเขาทีละก้าว
จิ้งอ๋องหยุดอยู่ห่างจากฮ่องเต้ห้าก้าวและคุกเข่าลง "กระหม่อมเข้าวังมาโดยพลการ ขอให้ฝ่าบาททรงประทานอภัย"
ฮ่องเต้มองไปยังชายที่คุกเข่าอยู่บนพื้นอย่างประเมิน สายตาของเขาหยุดอยู่ที่แขนของเขา ได้รับบาดเจ็บหรือ??
"ลุกขึ้นเถอะ เกิดอะไรขึ้น? เจ้าบาดเจ็บหรือ? เจ้าโดนลอบสังหาร?" ฮ่องเต้ยืนขึ้นและเดินเข้าไปหาจิ้งอ๋อง ดวงตาของเขาตกลงบนบาดแผลที่แขนของเขาซึ่งน่าจะได้รับบาดเจ็บจากอาวุธมีคม เพียงแต่มันดูเหมือนว่าเขาจะใส่ยาแล้ว? ยิ่งกว่านั้น ยานี้... ฮ่องเต้ได้กลิ่นยาจางๆ ซึ่งดูเหมือนจะเป็นครีมหนิงเซียงจากในวัง? ยานี้เป็นยาที่ทำขึ้นเป็นพิเศษโดยสำนักหมอหลวงและแจกจ่ายเพียงเหล่าคนในวังเท่านั้น
จิ้งอ๋องเห็นว่าฮ่องเต้จ้องมองบาดแผลที่แขนของเขาอยู่ตลอดเวลาด้วยสีหน้าแปลกๆ เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะคุกเข่าลงอีกครั้ง "พ่ะย่ะค่ะ แผลนี้ไม่ได้เกิดจากมือสังหาร แต่มาจากองค์หญิงหยุนชาง เมื่อครู่กระหม่อมไปที่ตำหนักชิงซินมา องค์หญิงหยุนชางคิดว่าข้าเป็นมือสังหาร... จึง..."
ชางเอ๋อร์? ฮ่องเต้ขมวดคิ้วเล็กน้อย "เหลวไหล! ชางเอ๋อร์คือองค์หญิงแห่งแคว้นหนิงและยังไม่ได้แต่งงาน แม้ว่าเจ้าจะเป็นอาของนาง แต่เจ้าบุกรุกเข้าไปในห้องนอนของนางตอนกลางดึกเช่นนี้ เจ้าคิดจะทำลายความบริสุทธิ์ของนางหรืออย่างไร?"
จิ้งอ๋องยืนตัวตรง ก้มศีรษะลงแล้วพูดว่า "วันนี้ที่กระหม่อมมาเข้าเฝ้าก็ด้วยเรื่ององค์หญิงหยุนชางพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมได้ยินว่าเสด็จพี่ได้รับจดหมายที่ชางเจียชิงซูขอแต่งงานแล้ว?"
"ฮ่องเต้ตกใจอีกครั้ง คนที่รู้เรื่องนี้มีไม่มาก ในงานเลี้ยงวันนั้นเขาเพียงกล่าวถึงเล็กน้อย จิ้งอ๋องรู้ได้อย่างไร? หรือว่าชางเอ๋อร์กับจิ้งอ๋อง...
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง
ทำไมถึงอ่านบทที่ 18 และอื่นๆต่อไปไม่ได้...