แม้ว่าจิ้งอ๋องพูดอย่างง่ายดาย แต่หยุนชางกลับไม่คิดว่าเรื่องนี้จัดการง่ายเช่นนั้น แม้ว่าหยุนชางจะไม่รู้ความสามารถทั้งหมดที่จิ้งอ๋องมี แต่อย่างน้อยนางก็ทราบดีว่า เทพเจ้าแห่งสงครามผู้ที่สามารถทำให้คนทั้งแผ่นดินเกรงกลัวนั้น ย่อมมีความสามารถสมกับชื่อเสียงของเขา
คนที่มีความสามารถเช่นนี้กลับถูกกักตัวไว้ และยังบาดเจ็บหนักเช่นนี้ หากว่าคนคนนั้นคือชางเจียชิงซู เช่นนั้นตนคงต้องมองความสามารถของชางเจียชิงซูใหม่แล้วล่ะ หากว่าคนคนนั้นมิใช่ชางเจียชิงซู ฉะนั้นเรื่องก็ยุ่งยากขึ้นแล้วจริงๆ
ศัตรูที่แข็งแกร่งที่อยู่ตรงหน้า ก็ยังดีกว่าการที่ไม่ทราบว่าศัตรูเป็นใคร
มองไปที่หยุนชางที่กำลังขมวดคิ้ว จิ้งอ๋องทราบดีว่านางกำลังคิดกระไรอยู่ ดังนั้นเขาจึงจับมือนางไว้ และกล่าวเบา ๆ ว่า " ปล่อยเรื่องนี้ให้ข้าจัดการเถอะ ในเมื่อเข้าเจาะจงมาที่ข้า ข้าก็จำต้องตอบรับอย่างดี เพียงแต่ว่าช่วงนี้เจ้าก็ต้องระวังด้วย ข้าเกรงว่าข้าจะทำให้เจ้าลำบากไปด้วย ประเดี๋ยวข้าจะนำทหารมาเพิ่มอีกหน่อยเพื่อปกป้องเจ้าแล้วกัน"
หยุนชางส่ายหน้า "ไม่เป็นกระไรเพคะ คงไม่ง่ายนักหากคิดจะลงทำกับหม่อมฉันในพระราชวัง ท่านคอยระวังตัวไว้เถิดเพคะ"
ขณะที่กำลังพูดคุยกัน เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น หยุนชางยืนขึ้นและเปิดประตู มีหญิงชุดดำยืนอยู่หน้าประตู สีหน้าของนางดูแย่เล็กน้อย นางเงยหน้าขึ้นมองหยุนชาง หยุนชางตกตะลึง แล้วจึงนึกขึ้นได้ว่า เมื่อคืนนี้ตนอยู่ที่นี่ทั้งคืน แม้ว่าจิ้งอ๋องได้รับบาดเจ็บ และสลบไปทั้งคืน ไม่ทราบเรื่องราวอะไรทั้งนั้น แต่ก็คงดูไม่ดีนัก ดังนั้นนางจึงรีบกล่าวว่า " เฉี่ยนอินส่งตัวเจ้ามาหรือ? เจ้ากลับไปก่อนเถอะ ข้าจะกลับวังประเดี๋ยวนี้"
หญิงชุดดำส่ายหน้า "องค์หญิงเพคะ เฉี่ยนอิน และฉินยี ถูกหมิงไท่เฟยจับตัวไปเพคะ"
หยุนชางตกตะลึง สีหน้าของนางแย่ลง "เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ?"
หญิงชุดดำขมวดคิ้ว "ข้าน้อยคิดว่า อาจมีคนคอยจับตาดูทุกการเคลื่อนไหวขององค์หญิงอยู่เจ้าค่ะ อาจจะมีคนปล่อยข่าวออกไป หมิงไท่เฟยและฝูเหม่ยเหรินมาที่ที่ตำหนักชิงซินแต่เช้าตรู่ และบุกเข้ามาในตำหนัก เมื่อพบว่าองค์หญิงไม่อยู่ จึงกล่าวว่าเกิดเรื่องขึ้นกับองค์หญิงเจ้าค่ะ และสั่งให้องครักษ์ค้นในตำหนัก แต่ไม่พบองค์หญิง หมิงไท่เฟยจึงจับตัวเฉี่ยนอินและฉินยีไปในข้อหาที่ปกป้ององค์หญิงไม่ได้เจ้าค่ะ"
"จริงหรือ?" แววตาของหยุนชางดูเย็นชาเล็กน้อย "องครักษ์ของตำหนักชิงซินทำงานกันอย่างไร จึงปล่อยให้พวกนางบุกเข้าไปเช่นนั้นได้?"
หญิงชุดดำเงียบไปครู่หนึ่งแล้วจึงกล่าวว่า "คนที่หมิงไท่เฟยพาไปนั้น มีทหารยอดฝีมือเจ้าค่ะ องครักษ์จึงไม่กล้าที่จะห้ามไว้เจ้าค่ะ และหากไม่มีคำสั่งจากองค์หญิงคนของเราก็ไม่กล้าเปิดเผยตัวตนเจ้าค่ะ"
หยุนชางพยักหน้าเพื่อบอกว่าตนทราบแล้ว
"หมิงไท่เฟย? เป็นไปได้หรือไม่หากเรื่องนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับมหาเสนาบดีหลี่? มีหากไม่มีคำสั่งจากมหาเสนาบดีหลี่ หมิงไท่เฟยและฝูเหม่ยเหรินคงมิกล้าทำเช่นนี้หรอก......." เสียงของจิ้งอ๋องดังมาจาก ข้างหลัง หยุนชางตกตะลึง นางทราบดีว่า แม้ว่าจิ้งอ๋องจะได้รับบาดเจ็บ แต่ท่านก็ยังคงมีความสามารถซ่อนอยู่ และเมื่อสักครู่นี้คงได้ยินสิ่งที่คนพูดคุยกับหญิงชุดดำแล้ว
หยุนชางตอบกลับว่า "อืม" อย่างแผ่วเบาว่า "หม่อมฉันขอตัวกลับวังก่อนนะเพคะ ท่านอยู่รักษาตัวให้ดีนะเพคะ"
หลังจากหยุนชางพูดจบ แล้วนางก็กำลังจะเดินจากไป แต่ได้ยินเสียงดัง "ปัง" มาจากด้านในห้อง หยุนชางตกตะลึงและเดินเข้าไปในห้องโถง พบว่าถ้วยพระโอสถที่วางอยู่ข้างพระแม่นบรรทมนั้นร่วงลงกับพื้น แต่โชคดีที่เป็นเพียงถ้วยพระโอสถที่เสวยไปเมื่อคืนนี้ ฉะนั้นจึงไม่เลอเทอะแต่อย่างใด
จิ้งอ๋องมิได้สนใจ เขาเงยหน้ามองไปที่นาง ถอนหายใจและกล่าวว่า "หากเจ้าเข้าวังไปแล้ว เจ้าจะให้เหตุผลว่าอย่างไร?" หยุนชางเงียบไปครู่หนึ่ง จึงกล่าวว่า "หม่อมฉันจะไปเข้าเฝ้าเสด็จพ่อ แล้วทูลว่าท่านได้รับบาดเจ็บ หม่อมฉันจึงมาที่จวนจิ้งอ๋อง"
จิ้งอ๋องส่ายหน้า "ไม่เหมาะสมนัก เจ้ากับข้ายังไม่อภิเษกสมรสกัน แม้ว่าจะเป็นเสด็จพี่ แต่ก็คงยากที่จะรับได้ว่าเจ้าอยู่ที่จวนจิ้งอ๋องทั้งคืน เมื่อถึงเวลานั้นเจ้าคงเสียหายอย่างมาก"
หยุนชางขมวดคิ้ว "แล้วเสด็จอาคิดว่า หม่อมฉันควรทำอย่างไรดีเพคะ?"
"หมิงไท่เฟยทำเช่นนี้ก็เพื่อที่จะทำให้เจ้าเสียชื่อเสียง หากว่าทุกคนทราบว่าเจ้านั้นมิได้กลับตำหนักทั้งคืน ข้าเกรงว่านางก็คงจะมีข้ออ้างในการสร้างปัญหาที่ตามมา หากว่าเราแอบไปมาหาสู่กัน เช่นนั้นเจ้าจะเป็นได้แค่นางสนม หากว่าเราอภิเษกสมรสกันอย่างถูกต้อง เจ้าจึงเป็นพระชายาได้ แม้ว่าเจ้าและข้าจะได้รับพระราชทานสมรสแล้ว แต่เรายังไม่ได้อภิเษกสมรสกัน เมื่อถึงเวลานั้นหากนางไม่ยอมปล่อยเจ้าไป ข้าเกรงว่าเจ้าจะไม่สามารถเป็นพระชายาจิ้งอ๋องได้ ตอนนี้จึงทำได้แค่คิดหาวิธีเพื่อให้คนอื่นทราบว่าเจ้านั้นมิได้ออกจากพระราชวัง อีกทั้งยังต้องหาคนที่กล่าวได้ว่าอยู่กับเจ้าตลอดเพื่อเป็นพยานให้กับเจ้าได้" จิ้งอ๋องกล่าว
หยุนชางพยักหน้า " ขอบพระทัยที่เสด็จอาแนะนำหม่อมฉันเพคะ ชางเอ๋อร์ทราบแล้วว่าควรทำเช่นไร"
"พ่ะย่ะค่ะ" เสียงรับคำสั่งที่เพียบพร้อมดังขึ้น คนที่คุกเข่าอยู่ในตำหนักนั้นไม่มีใครขอร้องอ้อนวอนใดๆทั้งสิ้น
"เกิดอะไรขึ้นกับไท่เฟยเหนียงเหนียงหรือเพคะ? หม่อมฉันไม่ทราบว่านางกำนัลของหม่อมฉันทำเรื่องกระไรผิดหรือเพคะ จึงทำให้ไท่เฟยเหนียงเหนียงทรงพระกริ้วเช่นนี้?" เสียงที่สดใสผุดผ่องดังขึ้น สีหน้าของคนในตำหนักต่างก็เปลี่ยนไป หมิงไท่เฟยและหลี่ฝูยีขมวดคิ้วขึ้น แต่จักรพรรดิหนิงและคนที่คุกเข่าอยู่ในตำหนักนั้นกลับถอนหายใจอย่างโล่งอก คนที่สงบที่สุดนั้นกลับเป็นพระราชินีที่นั่งอยู่ข้างๆด้วยสีหน้าเงียบสงบมาโดยตลอด
หมิงไท่เฟยมองไปที่หญิงชุดสีม่วงที่เดินเข้ามาด้วยสีหน้ามืดมน และด่าทออยู่ในใจว่า ไอ้พวกไม่เอาไหน ข้าสั่งไปแล้วว่าห้ามปล่อยให้ใครเข้ามาเด็ดขาด โดยเฉพาะองค์หญิงหยุนชาง แต่ไม่คาดคิดว่าสุดท้ายก็ห้ามไว้ไม่ได้อยู่ดี
หมิงไท่เฟยยืนขึ้น ดูเหมือนว่าท่านถอนหายใจด้วยความโล่งอก "เมื่อคืนชางเอ๋อร์ไปไหนมาหรือ:black">? วันนี้ข้าเห็นว่าชางเอ๋อร์มิได้อยู่ในตำหนักชิงซิน ข้าคิดว่าเกิดเรื่องขึ้นกับชางเอ๋อร์เสียอีก จึงค้นทั้งวังด้วยความตื่นตระหนก แล้วจึงจับตัวนางกำนัลที่ไม่มีประโยชน์เหล่านี้ไว้ แม้แต่องค์หญิงหายตัวไปพวกนางก็ไม่ทราบ"
หยุนชางอมยิ้มเล็กน้อย แล้วเดินไปด้านหน้าเฉี่ยนอินและฉินยี จากนั้นก็ถวายบังคมต่อทั้งสามที่ประทับอยู่ด้านบน "ไท่เฟยเหนียงเหนียงกล่าวเช่นนี้ไม่ถูกต้องเพคะ ประการแรก หม่อมฉันเป็นเจ้า หากว่าหม่อมฉันอยากไปที่ใดต้องรายงานให้บ่าวทราบด้วยหรือเพคะ? หม่อมฉันเป็นเจ้า หากว่ามิอยากให้บ่าวติดตามหม่อมฉันไป บ่าวจะกล้าตามได้อย่างไรเพคะ?"
หมิงไท่เฟยพูดไม่ออก และมองจ้องไปที่หยุนชางอย่างดุดัน แต่มีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้า " เช่นนั้นมิจำเป็นหรอก เพียงแต่ว่า ชางเอ๋อร์ไปที่ใดมาหรือ? เมื่อสักครู่นั้นข้าตามหาทั่ววังก็มิพบ ข้าก็คิดว่าเกิดเรื่องกับชางเอ๋อร์เสียอีก"
"เช่นนั้นหรือเพคะ? ไท่เฟยเหนียงเหนียงค้นทั้งวังแล้วหรือเพคะ แต่ไม่ทราบเพราะเหตุใด หยุนชางอยู่ในวังหลังนี้มาตลอดแต่กลับไม่พบการค้นวังเลยเพคะ หากหม่อมฉันพบ ก็คงไม่เกิดเรื่องเข้าใจผิดเช่นนี้หรอกเพคะ" หยุนชางเลิกคิ้วและมองไปที่หมิงไท่เฟยด้วยสีหน้าสงสัยเล็กน้อย ราวกับว่าท่านพูดปด
หมิงไท่เฟยยิ้มอย่างเย็นชา "มิทราบว่าเมื่อคืนนี้องค์หญิงอยู่ที่มดหรือ?"
หยุนชางหยิบกระดาษหนังแพะออกจากแขนเสื้อแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย "เมื่อวานนี้หยุนชางได้รับจดหมายจากเสด็จแม่ที่ส่งมาจากตำหนักเฟิ่งไหลเพคะ ในจดหมายนั้นกล่าวว่าท่านสบายดีมาก ทารกในครรภ์ก็สงบดี อีกไม่กี่วันก็คงจะถือกำเนิดแล้วเพคะ ท่านกล่าวว่าคิดถึงชางเอ๋อร์ จึงถามว่าอีกสองสามวันชางเอ๋อร์พอมีเวลาจะเยี่ยมเยียนท่านที่วังเฟิ่งไหลหรือไม่? เช่นนี้เพคะ"
นางยังกล่าวไม่จบ แววตาของจักรพรรดิหนิงที่อยู่ข้างๆนั้นก็เปี่ยมไปด้วยความสุข "ซู่จิ่นเขียนจดหมายถึงชางเอ๋อร์หรือ? ซูจิ่นว่าอย่างไรบ้างหรือ? เจ้านำมาให้เจิ้นชมหน่อย"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง
ทำไมถึงอ่านบทที่ 18 และอื่นๆต่อไปไม่ได้...