"เจ้าดูสิ. แม่ข้าก็จริง ๆเลย ข้าไม่ใช่ว่าไม่สามารถแต่งออกไม่ได้เสียหน่อย ทำไมต้องรีบร้อนขนาดนั้นกัน. นางให้ข้าไปดูตัวตั้งหลายตระกูล ทั้งหมดมีแต่บ้านขุนนางใหญ่โต ทั้งลูกขุนนางทั้งหลาย อีกทั้งรูปร่างยังอ่อนแอ แค่นั้นก็พอแล้ว"หวางจินเหยียนโอดครวญถึงสองครั้งพร้อมทั้งถอนหายใจออกมา แต่ก็อดมิได้ที่จะตัดพ้ออีก "เจ้ารู้หรือไม่ สามตระกูลที่นางชื่นชอบมากที่สุดมีตระกูลไหนบ้าง. มีหนิงเย่ตระกูลซุ่นชิ่งอ๋อง มีหลี่จื้อเหยียนตระกูลหลี่.รวมทั้งบัณฑิตจอหงวนหลิวฉีเหยียน"
หยุนชางพลางขมวดคิ้วลงเล็กน้อย จ้องมองหวังจินเหยียนด้วยความขบขัน "ล้วนแต่เป็นตัวเลือกที่ดีทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นหนิงเย่กับหลี่จื้อเหยียนล้วนเป็นคุณชายทั้งนั้น ฮูหยินหวางยังเป็นห่วงเป็นใยเจ้าอยู่มาก พวกเขาทั้งสองล้วนแต่มีจุดยืนที่เหมือนกัน ล้วนเป็นบุตรที่เกิดจากฮูหยินเอก มิใช่บุตรคนโต ลูกที่เกิดจากฮูหยินเอกล้วนดีกว่าลูกที่เกิดจากฮูหยินรองอยู่แล้ว เจ้าแต่งเข้าไปคงมิได้ยากลำบากอะไรมากนัก อีกทั้งเจ้ายังมิต้องจัดการทุกอย่างในเรือนให้มากมายหากเป็นบัณทิตจอหงวนหลิวฉีเหยียนล่ะก็ไม่ต้องเอ่ย น้องสาวเป็นถึงหย่าผินบุคคลที่วังหลังโปรดปรานแล้ว อนาคตบัณฑิตคงพัฒนาอีกยาวไกล พ่อแม่ล้วนไม่มี แต่งเข้าไปคงโดดเดี่ยว มิต้องไปรับใช้บรรพบุรุษให้มากความ เจ้าคงสบายน่าดู "
ริมฝีปากของหวังจินเหยียนกระตุกลงเล็กน้อย ร่างกายแอ่นลงเบาะนั่งพร้อมกับถอนหายใจอย่างช้า ๆ "ข้าเข้าใจว่าที่ฮูหยินทำแบบนี้ล้วนมีเจตนาที่ดี แต่ข้ามิได้ชอบพวกเขา เหมือนกับหนิงเย่ มีใครไม่รู้บ้างว่าเจ้านั้นเจ้าสำราญรักสนุกขนาดไหน ล่าสุดมิใช่ว่าไปพัวพันกับนางโลมอันดับหนึ่งหรอกหรือ หลี่จื้อชอบดูถูกเหยียดหยามเจ้าหน้าที่ทหาร เสมือนกับเสนาบดีหลี่ แค่เห็นหน้าข้าก็มิถูกชะตาแล้ว เหลือแต่หลิวฉีเหยียน ข้าไม่เคยเห็นหน้าค่าตามาก่อน แต่เป็นถึงบันฑิตจอหงวนแล้วละก็ คงมิพ้นเป็นหนอนหนังสือกระมัง"
หยุนชางอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา พวกเขาทั้งหมดล้วนแต่เป็นบุคคลที่ผู้หญิงทั้งเมืองหลวงล้วนอยากจะได้มาครอบครอง ทว่าเมื่อมันออกมาจากปากของหวางจิ้นเหยียนแล้ว พวกเขาเหล่านั้นล้วนแต่ดูหน้าเกลียดจริง ๆ
เมื่อนิ่งไปสักพัก หวังจิ้นเหยียนพูดขึ้นมาว่า "ถึงกระนั้นไม่แน่ ตอนนี้ข้าอาจจะมีเพียงสองตัวเลือกก็ได้ ฮ่าฮ่า หนิงเย่ก็ไม่ต้องการจะแต่งกับข้าเช่นกัน ข้าได้ยินมากจากพี่ชายว่า วันนั้นตอนที่พี่ชายพาท่านแม่ไปเลือกของใช้ที่ตึกอี้เหริน เผอิญพบกับหนิงเย่ที่พาสาวงามไปเลือกปิ่นปักผม หนิงเย่พยายามทักทายท่านแม่กับพี่ชาย ทว่าหลังจากท่านแม่ลืมของไว้ที่ร้าน เมื่อกลับไปถึงกลับได้ยินหยิงเย่พูดกับหญิงสาวว่า หวังซื่อหลางอยากจะให้ฉันแต่งกับลูกสาวทว่าหวังจินเหยียนเป็นหญิงสาวที่ชื่นชอบการต่อสู้ จะมีความอ่อนโยนเรียบร้อยเสมือนหญิงสาวได้อย่างไร"
เมื่อหยุนชางได้ยินสีหน้าพลางเปลี่ยนไป หนิงเย่ก็เป็นคนที่รู้จักการต่อสู้ อีกทั่งการต่อสู้ยังมิได้อ่อนด้อย ฮูหยินหวางเมื่อกลับมาแล้ว นางต้องรู้สึกได้แต่ทว่าหากรู้สึกได้แล้วนั้นทำไมถึงยังพูดเช่นนั้นเล่า
"ใช่ พี่สาวหวังพูดถูก แต่ทว่า ท่านแม่ของท่านจะกังวลแบบนี้ก็มิแปลกอันใด ปีนี้อายุของท่านก็สมควรที่จะคิดถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตได้แล้ว ท่านบอกข้ามาเถอะ ท่านอย่างแต่งกับคนแบบไหน "หยุนชางพูดพลางยิ้มตอบ
เมื่อหวางจิ้นเหยียนได้ยินดังนั้นอารมณ์โกธรก่อนหน้านี้หายเป็นปลิดทิ้ง พลางพิงกับเบาะนั่งพร้อมบอกว่า "ข้าบอกเจ้าเพียงคนเดียวเล่า ข้าเพียงหวังไว้ว่า ข้าอยากได้แค่บุคคลธรรมดา ข้าเป็นคนขี้เกียจมิชอบการต่อสู้ในเรือยใหญ่ อีกทั้งข้าเป็นคนอารมณ์เสียได้ง่ายข้าหวังเพียงแค่ให้เขามีความอดทนต่อข้าก็พอ "
หยุนชางเงียบไปชั่วครู่ พลางถอนหายใจออกมา บุคคลที่หวางจิ้นเหยียนอยากได้นั้น ล้วนแต่เป็นบุคคลที่หญิงสาวส่วนใหญ่ปราถนาที่อยากจะได้เจอ แต่ทว่าด้วยตระกลูหวางแล้วคงมิอาจทำให้เป็นจริงได้
เมื่อหวางจิ้นเหยียนพูดจบใบหน้าของนางกลับแดงก่ำ พลางหัวเราะตอบว่า "ชางเอ๋อร์ชั่งร้ายกาจเสียจริง รู้ความในใจของข้าเสียแล้ว ไม่ได้ไม่ได้ ทว่าพี่ชายของข้ายังมิแต่งฮูหยิน หากท่านแม่ยังมิวายบังคับข้าละก็ ข้าจะใช้พี่ชายเป็นตัวขัดขวาง หากแต่ยังทำให้ข้าไม่พอใจละก็ ข้าจะแอบหนีออกจากบ้าน ไปเจียงหูเพื่อหาหนุ่มเจียงหูมาตบแต่งเสีย"
หยุนชางพลางส่ายหัวให้กับความคิดนี้ "ท่านกล้าเอาความรักของท่านพ่อท่านแม่ท่านมาเล่นแบบนี้เชียวหรือ"
การคัดเลือกงานบุปผชาติรอบแรกได้ผ่านไปแล้ว งานบุปผชาติก็เริ่มใกล้เข้ามาทุกที หยุนชางได้ขอกับจักรพรรดิหนิงให้ปล่อยตัวองค์หญิงหัวจิ้งออกมา แม้ว่าจักรพรรดิหนิงจะสงสัยเล็กน้อย แต่ก็มิได้ขัดข้องอันใด หากแต่เข้าใจด้วยซ้ำ หากหัวจิ้งไม่ออกมาแล้วนั้น ละครฉากนี้คงยากที่จะเล่นต่อไปได้ เนื่องจากแคว้นเซี่ยกับแคว้นเย้หลางต่างที่จะต้องการแต่งงานเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่าง ทว่าแคว้นหนิงกลับมีองค์เพียงสององค์เท่านั้น อีกทั้งยังมิได้แต่งออกไป แต่ทว่าหากให้เขาไปแย่งกับจิ้งอ๋องก็คงมิมีผู้ใดกล้าท้าทาย ดังนั้นหัวจิ้งจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ถึงแม้หัวจิ้งจะเคยผ่านการออกเรือนมาแล้ว และยังมีเรื่องอื้อฉาวเมื่อไม่นานมานี้ แต่มันมิได้สำคัญอันใด นางเป็นลูกสาวคนโตของจักรพรรดินีหนิง และท่านตาของนางยังมีข้ารับใช้อีกเป็นร้อย
หัวจิ้งถูกปล่อยตัวก่อนหน้างานเลี้ยงบุปผาเพียงสามวัน แม้ภายนอกจะบอกว่าร่างกายเพิ่งจะหายดี แต่หลายคนรู้อยู่แล้วเกี่ยวกับวันล่าสัตว์อยู่แล้ว จึงได้แต่เก็บเรื่องนี้ไว้ในใจ มิได้บอกต่อแต่อย่างใด
วันที่สองหยุนชางจึงไปเข้าเฝ้าฮองเฮาเพียงบอกกล่าวพิธีของงานเลี้ยง อีกทั้งยังสำรวจหัวจิ้งไปพลาง ๆ หัวจิ้งเปลี่ยนไปค่อนข้างมาก อีกทั้งยังสูบผอมจนน่ากลัว อีกทั้งเรื่องที่ผ่านมาคงหนักหนาสาหัสสำหรับนางมากเลยทีเดียว ทำให้เมื่อจ้องมองยังร่างกายของเธอราวกับมีความสงสารแผ่ออกมา เมื่อยืนข้างฮองเฮาแล้วนั้นเหมือนน้ำตาของเธอจะไหลออกมาอยู่รอมร่อ คำพูดอันแผ่วเบาเธอ พูดคุยกับหยุนชางด้วยความน้อบน้อม "น้องหญิง"
เมื่อหยุนชางเห็นเช่นนี้แล้วจึงโน้มตัวลงไปจับมือของหัวจิ้ง พร้อมทั้งถอนหายใจและพูดด้วยความยากลำบากว่า "พี่หญิงป่วยคราวนี้ซูบผอมลงเป็นอย่างมาก พี่หญิงลำบากแล้ว ทำไมบ่าวรับใช้ในตำหนักองค์หญิงมิดูแลให้ดีเลยเล่า ชางเอ๋อร์มองแล้วรู้สึกทุกข์ใจยิ่งนัก พี่หญิงย้ายไปในวังสักวันดีหรือไม่ เสด็จแม่คงคิดถึงเป็นอย่างมาก พี่หญิงป่วยแบบนี้เสด็จแม่ก็สูบผอมตามไปด้วย อีกทั้งเสด็จแม่กับพี่หญิงจะได้พูดคุยกันนาน ๆ ด้วย"
ฮองเฮาพยักหน้าลงเล็กน้อย "ชางเอ๋อร์กล่าวถูกแล้ว อีกชั่วครู่เปิ่นกงจะแจ้งฝ่าบาททีหลัง รบกวนชางเอ๋อร์อยู่พูดคุยกันก่อน"
ขณะที่พูดอยู่นั้นกลับได้ยินเสียงจักรพรรดิหนิงพูดขึ้นมา "เจิ้นได้ยินแล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ให้หัวจิ้งอยู่ในวังนี้เถอะ ใกล้จะงานเลี้ยงบุปผชาติแล้ว หัวจิ้งมิได้มีโอกาสเข้าร่วมงานเลี้ยงเสียนาน อีกประเดี๋ยวจะเรียกให้มามามาช่วยสอนเกี่ยวกับกฎระเบียบให้"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง
ทำไมถึงอ่านบทที่ 18 และอื่นๆต่อไปไม่ได้...