ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง นิยาย บท 251

มีบางอย่างเกิดขึ้นที่เมืองหลวงตามคาด หยุนชางยืนอยู่หลังต้นไม้นอกประตูเมืองพลางมองดูประตูเมืองที่ปิดแน่น คิ้วของนางขมวดเล็กน้อย มีทหารหลายสิบนายยืนอยู่ที่ประตูคอยตรวจดูคนเข้าเมืองทีละคน หยุนชางพบว่ามีเพียงคนที่เข้าเมืองเท่านั้น ไม่มีผู้ใดที่ออกจากเมืองมาเลย เกรงว่าคงเป็นตระกูลหลี่จะห้ามผู้คนออกจากเมือง

ความบังอาจของตระกูลหลี่นั้นไม่น้อยเลยจริงๆ

หยุนชางมองดูสักครู่แล้วจึงส่งสัญญาณออกไป ไม่เป็นไร จิ้งอ๋องปิดบังเรื่องเมืองหลวงจากนาง เป็นเพียงเพราะไม่ต้องการให้นางกลับมาเสี่ยง แต่ในเมื่อนางกลับมาแล้ว เขาคงจะไม่ไล่นางไปอีก

หลังจากส่งสัญญาณออกไปแล้ว คนที่นางรอยังไม่ทันปรากฏตัวขึ้น แต่จิ้งอิ่งกลับปรากฏตัวขึ้นตรงหน้านาง "พระชายา ท่านอ๋องให้ข้าน้อยมานำพระชายาไป"

หยุนชางอึ้งไปเล็กน้อยแล้วจึงตระหนักว่าข้างกายของนางมีองครักษ์เงาของจิ้งอ๋องอยู่ ทุกการกระทำของนางย่อมไม่สามารถปิดบังจิ้งอ๋องได้ สายตาของนางทอดลงบนร่างของจิ้งอิ่งอยู่นานก่อนจะพยักหน้า

ตอนนี้จิ้งอ๋องอาศัยอยู่ที่จวนเล็กๆ ในเมืองหลวง หยุนชางรู้จักจวนแห่งนี้ มันเป็นสถานที่ที่ลูกน้องของนางใช้หลบซ่อนตัว สิ่งที่พิเศษคือในจวนนั้นได้ถูกขุดทางเดินใต้ดินให้ขยายออกไปทุกทิศทุกทาง ก่อนหน้านี้เพียงเชื่อมกับสถานที่บางแห่งในเมืองหลวงเท่านั้น เช่นนอกเมืองหรือตำหนักชิงซินของนาง ต่อมาหลังจากที่จวนจิ้งอ๋องได้ถูกซ่อมแซมขึ้นมาใหม่ นางก็ให้คนสร้างทางเชื่อมไปสู่หลายที่ในจวนจิ้งอ๋อง ยามที่นางออกจากเมืองไปก็เกือบจะเสร็จแล้ว

จิ้งอ๋องยืนอยู่ในลาน เมื่อเห็นนางกลิ้งตัวออกมาจากในห้องก็เพียงมองนางอย่างเรียบเฉย ผ่านไปครู่ใหญ่จึงได้เอ่ยขึ้น "จิ่นเฟยเหนียงเหนียงคลอดแล้วหรือ?"

หยุนชางพยักหน้า "เป็นองค์ชายน้อย"

จิ้งอ๋องได้ยินคำพูดนั้นก็ชะงักไปเล็กน้อย แล้วเบนสายตาออกไป "เกรงว่าฮองเฮาและอัครมหาเสนาบดีคงจะได้ทราบข่าวแล้ว"

"สถานการณ์ในเมืองหลวงในตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?" หยุนชางถามเบาๆ และกล่าวเสริมว่า "เสี่ยวหลินจื่อบอกว่าในพระราชวังถูกกักโดยสมบูรณ์ องครักษ์ที่คอยลาดตระเวนก็ได้เพิ่มมาหลายพันคนและพวกเขายังวางกำลังพลธนูไปทั่วทั้งกำแพงวังอีกด้วย เมื่อครู่ข้าเห็นว่าประตูเมืองถูกปิดไว้อย่างแน่นหนาและอนุญาตให้เข้าและไม่อนุญาตให้ออก" หยุนชางเดินตรงหน้าจิ้งอ๋องแล้วเงยหน้าขึ้นมองเขา

จิ้งอ๋องเอื้อมมือไปจับไหล่นาง "เจ้าไม่ควรมาเลย ตอนนี้อัครมหาเสนาบดีเดินทางไปมาระหว่างที่จวนของเหล่าข้าราชบริพารแทบทุกวัน ชักชวนให้ข้าราชบริพารเหล่านั้นมาร่วมกับเขาด้วย หากคนผู้นั้นเห็นด้วยก็ดีไป คงจะได้รับพวกแก้วแหวนเงินทองเป็นของกำนัล แต่หากปฏิเสธก็จะถูกฆ่าล้างตระกูลทันที"

หยุนชางขมวดคิ้วเล็กน้อย นางย่อมรู้ดีว่าทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงภายในวังก็จะเต็มไปด้วยการสังหาร แต่นางคิดไม่ถึงว่ากลิ่นอายสังหารครั้งนี้จะรุนแรงมากถึงเพียงนี้

"มีใครเข้าร่วมบ้าง? และมีใครที่ถูกฆ่าล้างตระกูล?" หยุนชางถามอย่างอึดอัดใจ

จิ้งอ๋องยิ้มเย็น "พวกขุนนางที่ภักดีต่อข้า ข้าแอบบอกให้พวกเขาพาคนในครอบครัวไปซ่อนตัวตั้งแต่แรกแล้ว ช่วงสองสามวันนี้ตาแก่หลี่จิ้งเหยียนนั่นยังไม่พบสิ่งผิดปกติอะไร แต่อีกวันสองวันเกรงว่าคงจะเริ่มรู้เรื่องแล้ว คนในวังส่งจดหมายมาแจ้งว่าในวังและกรมพิธีการเตรียมจัดพระราชพิธีบรมราชาภิเษกไว้แล้ว ไม่รู้ว่าผู้ที่จะขึ้นครองราชย์เป็นหลี่จิ้งเหยียนหรือว่าเซี่ยโหจิ้ง"

หยุนชางกัดฟัน "ท่านอ๋องมีแผนอย่างไรเพคะ? เสด็จพ่อรู้เรื่องในเมืองหลวงแล้วหรือยัง?"

จิ้งอ๋องพยักหน้า "ฝ่าบาทย่อมรู้ดี เขาให้ข้าเป็นคนจัดการเรื่องนี้ หลี่จิ้งเหยียนยังคิดว่าหากได้ครอบครองเมืองหลวงแล้วก็จะสามารถเป็นจักรพรรดิได้ ในเมืองหลวงนี้มีกำลังทหารของแคว้นเซี่ยไม่เกินสี่หมื่นคน ที่ชายแดนแคว้นเซี่ยมีพลทหารนับล้านที่รอให้หลี่จิ้งเหยียนกุมอำนาจในเมืองหลวงได้ แล้วจึงจะนำกำลังพลเข้าโจมตีแคว้นหนิงในคราวเดียว ข้าได้ให้คนโยกย้ายกำลังทหารอย่างลับๆ แล้ว กองทัพหนึ่งล้านนั่นหากต้องการจะบุกโจมตีเข้ามาคงเป็นเพียงเรื่องเพ้อฝันเท่านั้น พอถึงตอนนั้นข้าก็จะปิดประตูตีแมวเสีย"

หยุนชางนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ "หลี่จิ้งเหยียนต้องการบัลลังก์ เขาจะต้องไม่ปล่อยเสด็จพ่อไปอย่างแน่นอน เสด็จพ่อและเสด็จแม่อยู่ที่เมืองเฟิ่งไหลจะเป็นอันตรายหรือไม่?"

ยามที่หยุนชางเข้าไปในห้องและกำลังจะเข้าไปในอุโมงค์ลับ นางก็ได้ยินเสียงคนรายงานมาจากด้านนอกว่า "ท่านอ๋อง อัครมหาเสนาบดีได้พาคนไปที่จวนจอหงวนคนใหม่แล้วพ่ะย่ะค่ะ"

หยุนชางผงะไปเล็กน้อย นางลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิทเลย นางโผล่หัวออกมาแล้วพูดว่า "ท่านจอหงวนเป็นคนที่ข้าให้แฝงตัวเข้ามา ท่านอ๋องคิดวิธีแจ้งเขาหน่อยเถิด บอกให้เขาแสร้งทำเป็นเข้าร่วม ให้เขาขอให้อัครมหาเสนาบดีไว้ชีวิตน้องสาวของเขา"

จิ้งอ๋องชะงักไปเล็กน้อย เขามองมาราวกับจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม "ข้าคิดมาตลอดว่าจอหงวนผู้นี้ภูมิหลังช่างขาวสะอาดเสียเหลือเกิน ที่แท้เป็นคนของเจ้านี่เอง"

หยุนชางพยักหน้าแล้วหันกลับเข้าอุโมงค์ลับไป

การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่น หยุนชางรออยู่ที่อุโมงค์ใต้ดินที่ตำหนักชิงซินอยู่นาน เมื่อไม่ได้ยินเสียงใดๆ มาจากด้านบนนางจึงปรากฏตัวออกมา ท้องฟ้ามืดครึ้มลงเรื่อยๆ หยุนชางไม่อาจรับประกันได้ว่ามีคนของฮองเฮาอยู่ในตำหนักชิงซินแห่งนี้หรือไม่ ดังนั้นนางจึงซ่อนตัวอยู่หลังเตียงและรอจนกระทั่งทุกอย่างเงียบลงและไฟก็ค่อยๆ ถูกดับลงก่อนจะเดินออกไป นางออกไปจากตำหนักชิงซินอย่างเงียบเชียบและตรงไปที่ตำหนักหย่าซินของหย่าผิน ที่ตำหนักหย่าผินนั้นมีสาวงามอีกคนที่ไม่ได้เป็นที่โปรดปรานของจักรพรรดิหนิงนัก หยุนชางระแวงว่านางจะเป็นคนของฮองเฮาจึงได้ซ่อนตัวอยู่ใต้หน้าต่างห้องนอนของนาง เมื่อได้ยินว่าหย่าผินเดินเข้ามาและสั่งให้คนเตรียมน้ำชำระร่างกาย เมื่อผ่านไปราวสิบห้านาทีก็ได้ยินเสียงของหย่าผินดังขึ้นอีกครั้ง "พวกเจ้าออกไปเถอะ"

หยุนชางหรี่ตาลงเล็กน้อยและได้ยินเสียงปิดประตู หยุนชางจึงเคาะที่หน้าต่าง หน้าต่างถูกเปิดออก เมื่อหย่าผินเห็นหยุนชางก็ดูงุนงง นางรีบดึงหยุนชางเข้าไปในห้องนอน เมื่อนางจะพูดอะไรบางอย่าง หยุนชางก็ส่ายหัวและเหลือบมองแสงไฟบนโต๊ะ หย่าผินจึงรีบเป่าไฟและดึงหยุนชางนั่งลงบนเตียง

"องค์หญิง" เสียงหญิงสาวดังขึ้นแผ่วเบา "หม่อมฉันเขียนจดหมายถึงองค์หญิงมากมาย แต่ไม่สามารถส่งออกไปได้ องค์หญิง เวรยามในวังเข้มงวดขึ้นมากในช่วงนี้ วันนี้ฮองเฮาเรียกประชุมนางสนมทั้งหมดในวัง แม้แต่เหล่าสนมชั้นเหม่ยเหรินก็เรียกมาด้วย นางพูดเรื่องประหลาดบางอย่างให้เราฟัง แล้วบอกเราว่าเพียงเชื่อฟังนางแล้วทุกอย่างจะดีเอง จะปฏิบัติอย่างดีต่อเราในอนาคตอย่างแน่นอน"

หยุนชางยิ้มเย็นและพูดเบาๆ "น่าสนุกจริงๆ นางช่วยคนนอกต่อต้านสามีของนางเอง"

หย่าผินตกใจ "ฮองเฮากบฏหรือเพคะ?"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง