นั่นคือใบหู เป็นใบหูที่ยังมีเลือดสดๆติดอยู่
เหวินสี่ตกใจกรีดร้องเสียงแหลม
สายพระเนตรของฮองเฮาจ้องมองไปที่หูใบนั้น แล้วสะบัดเสียงถามว่า "เจ้าคิดว่าเจ้าใช้ให้คนไปตัดหูของใครที่ไหนก็ไม่รู้ แล้วเอามาให้ข้าดู จะทำให้ข้าเชื่อว่านั่นเป็นหูของหัวจิ้งงั้นหรือ? หนิงหยุนชาง เมื่อครู่ข้ายังชื่นชมฝีมืออันเก่งกาจของเจ้าอยู่เลย แต่ชมได้ไม่นานก็เหลวเสียแล้ว วิธีที่สิ้นคิดของเจ้า ช่างไม่เอาไหนเลยจริงๆ"
หยุนชางยิ้มออกมาเล็กน้อย แววตาหนักแน่น "ไยเสด็จแม่ไม่ทรงทอดพระเนตรให้ละเอียดอีกนิดล่ะเพคะ? หรือว่าทรงกลัว? ชางเอ๋อร์เคยได้ยินว่า พระกรรณของเสด็จพี่นั้น มีปานสี…..." หยุนชางพูดเพียงเท่านี้แล้วก็เงียบไป
ฮองเฮาทรงขมวดคิ้วเล็กน้อย นางรีบหันกลับไปทอดพระเนตรใบหูที่อยู่บนพื้น ด้านหลังใบหู ดูคล้ายๆว่าจะมีส่วนสีแดงบางๆ รูปร่างคล้ายดอกเหมย ฮองเฮารีบหันพระพักตร์หนี พระหัตถ์กำแขนเสื้อเอาไว้แน่น ปลอกเล็บยาวเฟื้อยกดเข้าไปในฝ่าพระหัตถ์ เป็นความปวดร้าวที่ยากที่จะลืม
"ก็แค่ปาน นางกำนัลแก่ๆในวังหลายคนรู้ดีว่านี่เป็นลักษณะเฉพาะของจิ้งเอ๋อร์ ใครจะเขียนลายปลอมขึ้นมาตบตาก็ไม่ใช่เรื่องแปลก หนิงหยุนชาง เจ้าเลิกพยายามได้แล้ว ก็แค่หูใบหนึ่งเท่านั้น หากเจ้าแน่จริง ก็จงไปนำตัวหัวจิ้งมาให้ข้าดู ข้าจึงจะเชื่อเจ้า" ฮองเฮาตรัสดังนั้นแล้วก็เงียบไป แล้วเดินไปประทับที่เก้าอี้ที่ตั้งอยู่อีกมุมหนึ่งของตำหนัก
หยุนชางแสยะยิ้ม "เด็กๆ เอาไปให้สุนัขกิน"
สายลับเก็บใบหูใส่เข้าไปในกล่อง แล้วถือกล่องออกไป หยุนชางยิ้มแล้วเดินเข้าไปหาฮองเฮา "หม่อมฉันลืมไปว่า เสด็จแม่ของหม่อมฉันทรงถนัดเรื่องการสร้างเรื่องตบตาผู้คน เช่นนี้แล้ว หม่อมฉันคงไม่จำเป็นที่จะต้องพูดสิ่งใดให้มากความ เด็กๆ นำฮองเฮาไปขังไว้ในห้องลับ"
ห้องลับอยู่ภายในห้องบรรทมของฮองเฮา ที่ผนังหลังพระแท่นบรรทมมีห้องลับห้องหนึ่งซ่อนอยู่ เดิมทีเป็นสถานที่ที่ฮองเฮาเอาไว้ใช้จัดการคนอย่างลับๆ จะเรียกว่าห้องทรมานนักโทษก็คงจะไม่ผิดนัก เมื่อชาติที่แล้ว หยุนชางเองก็เคยเข้ามาในห้องนี้โดยไม่ตั้งใจ นางจึงรู้เรื่องห้องลับ แต่พอได้มามองดูในตอนนี้ ที่นี่นับว่าเป็นที่ที่วิเศษมาก
หยุนชางเรียกหนิงเชียนเข้ามา จัดการแปลงโฉมให้เป็นฮองเฮา เมื่อมอบหมายสั่งงานทุกอย่างครบถ้วนแล้ว หยุนชางก็เดินจากไป
หลังจากที่หยุนชางออกไปข้างนอกแล้ว หลี่ฝูยีก็เร่งฝีเท้าเดินเข้ามา แววตาแฝงไปด้วยความร้อนใจ "สนมและนางในชั้นสูงในวังหายตัวกันไปหมดเลยเพคะ ฮองเฮาทรงทราบหรือไม่ว่าเป็นฝีมือของผู้ใด?"
หนิงเชียนในคราบฮองเฮาจำแลงกำลังนั่งอยู่หน้ากระจก นางมองหน้าคนในกระจก เมื่อได้ยินสิ่งที่หลี่ฝูยีถาม นางก็ขมวดคิ้ว "นี่มันอะไรกันน้องหญิง? เจ้าคิดว่าวังชีอู๋แห่งนี้เป็นสถานที่ที่เจ้าจะเข้านอกออกในได้ตามสบายอย่างนั้นหรือ?"
หลี่ฝูยีชะงัก เห็นนางยังคงสวมหัวโขนฮองเฮาอยู่ในช่วงเวลาคับขันเช่นนี้ก็อดมองค้อนไม่ได้ "ท่านพี่เพคะ เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นในเวลานี้ พระองค์ยังจะทรงสวมหัวโขนฮองเฮาอยู่อีกหรือเพคะ นี่ยังไม่รู้เลยนะเพคะว่าหัวโขนอันนี้พระองค์จะยังมีโอกาสได้สวมใส่มันต่อได้อีกนานแค่ไหน พระองค์ก็ทรงทราบว่าท่านพ่อต้องเสียเวลาไปมากเพียงใดกับการวางแผนทุกสิ่งทุกอย่าง หากว่าพระองค์ทรงทำเสียแผน เกรงว่าจะตายไม่รู้ตัวเอาได้นะเพคะ"
ฮองเฮาได้ยินเช่นนั้นก็แสยะยิ้มออกมา "นั่นน่ะสิ ฮองเฮาเช่นข้าจะยังเป็นฮองเฮาต่อไปได้อีกนานสักแค่ไหน? แล้วเจ้าคิดว่าเจ้าจะสามารถมีชีวิตที่ดีได้งั้นหรือ ถึงแม้ท่านพ่อจะได้ครองบัลลังก์ แล้วอย่างไรเล่า? เจ้าก็เป็นได้แค่เพียงนางในถวายตัวของอดีตฮ่องเต้ที่ไม่มีผู้ใดเหลียวแล ไม่รู้ว่าจะสูงส่งไปถึงไหนกัน?"
"หม่อมฉันจะขอถามท่านพี่อีกครั้ง เหล่าสนมและนางในชั้นสูงในวังหลัง พวกนางไปอยู่ที่ไหนกันแน่เพคะ?" หลี่ฝูยีถามด้วยอาการโมโห นางจ้องมองฮองเฮาด้วยความไม่พอใจ
ฮองเฮาหัวเราะชอบใจ นางหยิบหวีบนโต๊ะเครื่องแป้งขึ้นมา บรรจงแปรงผมส่วนที่ไม่ค่อยเรียบร้อย "จะไปอยู่ที่ไหนเสียได้เล่า น้องหญิงเองมิใช่หรือที่บอกข้าให้นำตัวพวกนางมาขังไว้ที่ตำหนักจินหลวน?"
ฮองเฮาถูกทิ้งไว้ในห้องลับเพียงลำพัง ในใจกำลังครุ่นคิดบางสิ่งบางอย่าง เมื่อครู่นี้นางพูดว่า นางเคยแปลงโฉมเป็นหัวจิ้ง? แปลงโฉมเป็นหัวจิ้งเพื่ออะไรกันนะ?
ในใจของนางมีความกังวลซ่อนอยู่ เมื่อตอนที่นางเห็นใบหูนั้น นางหาได้คิดสิ่งใดไม่ คิดแต่เพียงว่านั่นเป็นคำโกหกของหยุนชาง เรื่องที่หัวจิ้งถูกชางเจียชิงซูจับตัวไป ไม่รู้ว่าจะมีคนไปกราบทูลฮ่องเต้แล้วหรือยัง
ในเวลานี้ นางยังคงไม่ค่อยแน่ใจเท่าใดนัก หรือว่าหัวจิ้งที่ถูกจับตัวไปจะเป็นหัวจิ้งตัวปลอม ส่วนหัวจิ้งตัวจริงก็คงจะอยู่ในมือของหนิงหยุนชางเป็นแน่
เมื่อนึกถึงภาพใบหูอาบเลือดนั่น ฮองเฮาก็รู้สึกสั่นสะท้านไปทั่วตัว
ม้าศึกของจิ้งอ๋องยังมาไม่ถึงวังหลวง ก็เกิดเรื่องขึ้นที่จวนของมหาเสนาบดี ชางยางอวี้เอ๋อร์ที่ถูกมหาเสนาบดีหลี่จับตัวมาโทษฐานดูหมิ่นท่านอ๋องเจ็ดแห่งแคว้นเซี่ยตอนนี้ไม่รู้ว่าหายไปไหนเสียแล้ว นางหาทางหนีออกมาจากด่านคนเฝ้าประตู แล้วลอบเข้ามาในห้องนอนของมหาเสนาบดีหลี่ เมื่อได้เห็นมหาเสนาบดีหลี่กำลังนอนหลับไม่รู้เรื่อง ก็เกิดความคลุ้มคลั่ง นางตะโกนออกมาดังลั่น "เอาลูกของข้าคืนมา" แล้วนำมีดสั้นแทงเข้าไปที่มหาเสนาบดีหลี่ ทำให้มหาเสนาบดีหลี่ได้รับบาดเจ็บบริเวณช่องท้อง เกือบจะเอาชีวิตไม่รอด
ในช่วงที่ชางยางอวี้เอ๋อร์เงื้อมือจะแทงมหาเสนาบดีหลี่อีกครั้ง บริวารที่ได้ยินเสียงร้องก็รีบกรูเข้ามาแย่งมีดออกจากมือของนาง แล้วทุบตีนางเป็นการลงโทษ จากนั้นจึงนำตัวนางกลับไปขัง
ในส่วนของหลี่จิ้งเหยียนนั้น อาการบาดเจ็บของเขาสาหัสพอสมควร เขาหมดสติไปในที่สุด
เมื่อหยุนชางได้ฟังรายงานจากสายลับแล้ว นางมองไปยังจิ้งอ๋อง "ท่านอ๋องคงจะทรงเชื่อแล้วว่า ผู้หญิงคนนี้ เมื่อคลุ้มคลั่งขึ้นมาคราใด ก็มักจะทำเรื่องที่ไม่คาดคิดออกมา ช่วงเวลาที่ชางยางอวี้เอ๋อร์ใช้ชีวิตอยู่ที่แคว้นเย้หลาง นางสุขสบายราวกับว่าเป็นองค์หญิงองค์หนึ่ง หลังจากแต่งงานมาอยู่แคว้นหนิงแล้ว นางต้องใช้ชีวิตร่วมกับชายแก่ที่เอาตัวเองเป็นใหญ่ ไหนจะคนในจวนไม่ยอมรับนาง นางสู้ยอมมีลูกเพื่อให้คนในจวนของมหาเสนาบดีเกรงใจนางบ้าง นางจึงพออยู่มาได้ แต่ก็ไม่คิดเลยว่า ลูกของนางต้องมาโดนมหาเสนาบดีหลี่กำจัด การที่ชางยางอวี้เอ๋อร์บันดาลโทสะเช่นนี้ คงจะเป็นเพราะนางนั้นสุดจะทนแล้วล่ะเพคะ"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง
ทำไมถึงอ่านบทที่ 18 และอื่นๆต่อไปไม่ได้...