ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง นิยาย บท 268

หยุนชางเงยหน้าขึ้นก็เห็นว่าเสี้ยวเล็กๆ ของดวงจันทร์หายไป เพราะเดิมทีเป็นพระจันทร์เต็มดวง แม้ว่าจะเป็นเพียงเสี้ยวเล็กๆ แต่ก็สามารถเห็นได้อย่างชัดเจน

หยุนชางยกมุมปากขึ้นยิ้มและหัวเราะเบาๆ โชคดีที่นางไม่ได้จำเหตุการณ์ในชาติก่อนผิดไป

อย่างไรก็ตาม หยุนชางไม่รู้ว่าจิ้งอ๋องเฝ้ามองนางอยู่ตลอดเวลา หยุนชางในตอนนี้ช่างงดงามยิ่งนัก เพียงแต่ความข้องใจในใจของเขากลับยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เขาไม่ได้เชื่อในคำทำนายหรืออะไรเหล่านั้น เหตุใดหยุนชางจึงรู้ว่าวันนี้จะมีจันทรุปราคาได้

ดวงจันทร์ถูกเงามืดกลืนกินไปทีละเล็กละน้อยและค่อยๆ หายไปในท้องฟ้ายามค่ำคืน

หยุนชางเงยหน้าขึ้นมองจักรพรรดิหนิงและกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า "น้องชายก็เกือบจะหายเป็นปกติแล้ว พรุ่งนี้ให้คนเอาของในตำหนักออกมาเผาเสียแล้วเราจะได้ออกไปเสียที"

จักรพรรดิหนิงพยักหน้า "ถึงเวลาแล้ว"

เมื่อจิ่นเฟยกลับออกมาอีกครั้ง พระจันทร์ก็กลับมาปรากฏอยู่บนท้องฟ้าแล้ว นางให้คนนำเหล้ามา พวกเขาทั้งสี่คุยกันพลางดื่มเหล้าจนถึงยามจื่อจึงได้แยกย้ายกลับตำหนักของตนเอง

หยุนชางเมาเล็กน้อย นางยิ้มอยู่ตลอดเวลา แต่ดวงตาของนางเริ่มมัวลง จิ้งอ๋องมองท่าทางของนางแล้วก็รู้สึกว่าตลกเป็นที่สุด เขาช่วยพยุงนางไปที่เตียงและประคองให้นางพิงหัวเตียงแล้วจึงสั่งให้คนไปทำน้ำแกงสร่างเมามา เมื่อกลับเข้ามาก็เห็นว่าหยุนชางนอนหลับไปแล้ว

จิ้งอ๋องหัวเราะออกมา เขานั่งบนขอบเตียงและมองร่างคนบนเตียงอยู่นานด้วยแววตาเสน่หาโดยไม่รู้ตัว

"ท่านอ๋อง น้ำแกงสร่างเมามาแล้วเพคะ" เสียงเคาะประตูปลุกให้จิ้งอ๋องตื่นจากภวังค์ จิ้งอ๋องรีบลุกขึ้นยืนและเดินไปที่ประตู "เอามาให้ข้าเถอะ"

เขายกน้ำแกงสร่างเมาเข้ามา คนที่ควรจะดื่มกลับหลับไปเสียแล้ว เขายิ้มพลางถอนหายใจแล้วเงยหน้าขึ้นดื่มมัน

เมื่อหยุนชางตื่นขึ้น นางก็รู้สึกปวดหัวเล็กน้อย นางพลิกตัวไปบนเตียงและรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ มีคนอยู่ข้างนาง หยุนชางลืมตาขึ้นทันที แล้วจึงเห็นดวงตาที่แฝงรอยยิ้มคู่หนึ่งปรากฏอยู่ตรงหน้านาง

หยุนชางตกตะลึงอยู่นานก่อนจะนึกได้ว่าคนผู้นี้เป็นใคร หลังจากได้สติแล้วนางก็ลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว แต่ก็อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดออกมาและหลับตาลงช้าๆ นางรู้สึกได้ว่าคนข้างกายผู้นั้นก็ลุกขึ้นนั่งเช่นกัน ก่อนที่หยุนชางจะลืมตาขึ้น นางก็ได้ยินเสียงแหบพร่าเสียงหนึ่งดังขึ้น "เป็นอะไรไป? ปวดหัวหรือ?"

หยุนชางพยักหน้าและถอนหายใจ "ข้าคอไม่แข็ง ไม่ควรดื่มมากเกินไป"

คนข้างนางหัวเราะเบาๆ หยุนชางรู้สึกว่ามีมือหนึ่งกดลงที่ขมับของนาง นางตกใจจนเกือบสะดุ้ง แต่ก็รู้ว่าเขาไม่ได้มีเจตนาร้ายอันใด เมื่อนางกำลังจะเอ่ยปากถามก็รับรู้ได้ว่ามือนั้นกำลังนวดให้นางเบาๆ

หยุนชางอึ้งไป หรือว่าเขาต้องการช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะของนาง ในขณะที่กำลังคิดเช่นนี้นางก็ได้ยินเสียงของจิ้งอ๋องกล่าวว่า "เดิมเมื่อวานข้าอยากจะให้เจ้าดื่มน้ำแกงสร่างเมาแล้วค่อยนอน เช่นนั้นก็คงไม่ตื่นมาแล้วปวดหัวมากเช่นนี้ แต่เมื่อน้ำแกงมาถึงเจ้าก็หลับไปเสียแล้ว ข้าเห็นว่าเจ้าหลับลึกจึงไม่ได้ปลุกเจ้า"

หยุนชางเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะหัวเราะคิกคัก "ท่าทางตอนเมาของหม่อมฉันคงไม่แย่นัก เมาแล้วก็ห่มผ้านอน"

"ข้าจะจำไว้ว่าเจ้าดื่มไม่เป็น หากคออ่อนเช่นนี้คราวหน้าก็ควรดื่มให้น้อยลงหน่อย อย่างไรมันก็ไม่ใช่ของดีนัก" จิ้งอ๋องพูดเบาๆ และนวดให้นางอยู่ชั่วครู่แล้วจึงถามว่า "ดีขึ้นไหม?"

เมื่อหยุนชางลืมตาขึ้นก็รู้สึกว่าไม่ได้เห็นทั้งห้องส่ายไปส่ายมาเหมือนเมื่อครู่จึงพยักหน้า กำลังจะบอกให้จิ้งอ๋องหยุดมือ แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงร่าเริงของเฉี่ยนอินก็ดังแว่วมาจากด้านนอก "องค์หญิง เจ้าหญิง หม่อมฉันมาแล้ว!"

จากนั้นใบหน้าของเฉี่ยนอินก็ปรากฏขึ้นที่ประตูตำหนักด้านใน เมื่อนางเห็นสถานการณ์บนเตียงแล้วก็หน้าแดงแล้วจึงรีบก้มศีรษะลงและพูดว่า "หม่อมฉันไม่เห็นอะไรสักนิดเลยเพคะ" พูดจบนางก็เดินออกไปอีกครั้ง

หยุนชางตกตะลึงแล้วจึงพบว่านางสวมเพียงแค่เสื้อคลุมชั้นในพิงอยู่ในอ้อมอกของจิ้งอ๋อง แม้ว่าจะไม่ได้พิงลงทั้งตัว แต่มือของเขาวางอยู่บนหน้าผากนางก็ดูเหมือนราวกับว่าเขากำลังกอดนางอยู่... ช่างล่อแหลมยิ่งนัก...

หยุนชางตกใจมาก นางรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว "ชางเอ๋อร์ไม่เป็นไรแล้ว ชางเอ๋อร์จะไปล้างหน้าก่อน" จากนั้นนางก็รีบตะโกนเรียกเฉี่ยนอินแล้วเดินเข้าห้องสรงไป...

จิ้งอ๋องมองไปที่มือเปล่าของเขาและรอยยิ้มจางๆ ก็ปรากฏขึ้นที่มุมปาก หลังจากนั้นไม่นานเขาก็วางมือลงและสวมเสื้อผ้าอย่างช้าๆ

จนกระทั่งถึงเวลาอาหารเช้า หยุนชางยังคงหน้าแดงเล็กน้อย นางแอบบ่นกับตนเองว่าใช้ไม่ได้เลย ชาติก่อนก็เคยแต่งงานแล้วยังจะเขินอายเช่นนี้อีก

หลังอาหารเช้านางก็ให้ข้ารับใช้ในวังรวบรวมสิ่งของทั้งหมดในตำหนักทั้งหมดออกมาเผา ทุกคนอาบน้ำแต่งตัวอีกครั้งก่อนจะออกจากตำหนักไป จิ่นเฟยย้ายไปที่ตำหนักกานฉวนที่อยู่อีกด้านหนึ่ง ส่วนหยุนชางก็ย้ายไปที่ตำหนักเซวียนรั่ว

ทันทีที่จัดของเสร็จ หยุนชางก็อดใจรอที่จะออกจากวังไม่ไหว นางจากออกไปดูในเมือง เมื่อวานนางวางแผนการใหญ่ไว้ อย่างไรเสียตอนนี้ก็ต้องไปดูผลที่นางหว่านเมล็ดไว้เสียหน่อย

หยุนชางเหลือบมองเฉี่ยนอิน เฉี่ยนอินจึงก้าวเข้าไปเคาะประตู

ประตูเปิดออกและชายคนหนึ่งที่แต่งตัวเหมือนข้ารับใช้ก็ออกมา เขามองไปที่หยุนชางและจิ้งอ๋องอยู่นานก่อนที่จะถามอย่างลังเลว่า "พวกท่านเป็นใคร?"

เฉี่ยนอินรีบย่อกายทักทายข้ารับใช้คนนั้นพร้อมยิ้มแย้มและกล่าวว่า "น้องชาย ข้างหลังของข้าคือจิ้งอ๋องและพระชายา ได้ยินมาว่าแม่นางจิ่งและคุณชายจิ่งต่างก็ไม่สบายจึงได้มาเยี่ยม"

เสียงผู้คนรอบด้านดังยิ่งขึ้นไปอีก ดูเหมือนว่าพวกเขาจะรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยเพราะคาดเดาได้ถึงบานะของคนทั้งสองแล้ว

ข้ารับใช้ยังคงลังเล ผ่านไปครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า "ท่านอ๋องและพระชายาโปรดรอสักครู่ ข้าน้อยขอไปรายงานก่อน" เขาพูดแล้วก็ปิดประตูอีกครั้ง

ดวงตาของเฉี่ยนอินเบิกกว้าง นางดูมึนงงเล็กน้อย นางหันมาและถามว่า "พระชายา ทำไมเขาวิ่งหนีไปอย่างนั้น? เหตุใดจึงไม่เชิญท่านอ๋องและพระชายาไปรอที่ห้องรับรองแขกเสียก่อน?"

หยุนชางก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย นางกระแอมสองสามครั้ง หน้าซีดลงเล็กน้อย จิ้งอ๋องก้มลงมองนางด้วยท่าทางเป็นห่วงเป็นใยแล้วจึงลูบหลังหยุนชางพร้อมกล่าวเสียงเบา "เจ้าอดหลับอดนอนคอยดูแลองค์ชายน้อยมาหลายวัน ไม่ได้นอนหลับพักผ่อนให้ดีเลย องค์ชายเพิ่งจะดีขึ้นก็ได้รับจดหมายว่าแม่นางจิ่งไม่สบาย เจ้ายังไม่ได้พักผ่อนก็รีบมาเสียแล้ว ร่างกายเจ้าไม่สบายหรือไม่?"

หัวใจของหยุนชางสั่นสะท้าน เดิมทีนี่ควรจะเป็นสิ่งที่เฉี่ยนอินพูด ก่อนหน้านี้นางเตี๊ยมกับเฉี่ยนอินไว้แล้ว ทำไมมันถึงได้ออกมาจากปากเขาได้ แม้ว่ามันจะดูน่าเชื่อถือกว่าเล็กน้อย เพียงแต่นางไม่เคยบอกเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย?

เฉี่ยนอินก็อึ้งไปเล็กน้อยผ่านไปครู่หนึ่งจึงจะได้สติ นางรีบพูดอย่างรวดเร็วว่า "ยาของพระชายาอยู่บนรถม้า หม่อมฉันจะไปเอามาเดี๋ยวนี้เพคะ"

หยุนชางสั่นศีรษะแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า "ข้าสบายดี แม่นางจิ่งเข้าไปเยี่ยมเสด็จแม่ในวังได้เพียงสองวัน น้องชายของข้าก็เป็นอีสุกอีใส แม่นางจิ่งก็ช่วยดูแลอยู่สองวัน ตอนแม่นางจิ่งไม่สบายข้าก็ควรจะมาเยี่ยม หลังจากแม่นางจิ่งดูแลน้องชายแล้ว แม้นางจะเตรียมป้องกันตัวแล้วจึงออกจากวังมา แต่คุณชายจิ่งกลับเป็นอีสุกอีใสในทันที เกรงว่าโรคของเฉินซีจะติดมาด้วย ถ้าข้าไม่มาเยี่ยมเสียหน่อย ข้าก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจ... "

ยามที่หยุนชางเอ่ยปาก เสียงรอบด้านต่างก็เงียบลง แม้ว่าเสียงของหยุนชางนั้นจะแผ่วเบาแต่ก็ได้ยินชัดเจน เพียงแต่เมื่อสิ้นเสียงของนาง เสียงวิพากษ์วิจารณ์โดยรอบก็ดังขึ้นอีกครั้ง

"องค์หญิงสุขภาพไม่แข็งแรงก็ยังมาเยี่ยมพี่น้องตระกูลจิ่ง แต่พวกเขากลับปิดประตูและให้องค์หญิงกับท่านอ๋องรออยู่ด้านนอก ช่างหยาบคายเสียจริง"

"เมื่อครู่องค์หญิงบอกว่าแม่นางจิ่งเตรียมพร้อมแล้วก่อนจะออกจากวัง อีสุกอีใสก็ไม่ได้ติดต่อกันง่ายดาย หากไม่ได้นำของใช้ของคนป่วยไปก็ไม่มีทางติดได้..."

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง