"ปุ๊กกูว ปุ๊กกูว "เสียงนกกาเหว่าดังขึ้นภายในหุบเขา ทันใดนั้น มีเสียงพูดขึ้นมาว่า "เพียงผ่านโค้งนี้ไปได้ พวกเราจะไปแวะพักกันที่ข้างหน้า เพื่อรอทัพใหญ่มาก่อน เป็นอย่างที่กุนซือคาดการณ์ไว้จริงด้วย หุบเขาชิงเฟิงแห่งนี้ช่างซับซ้อนเสียจริง แม้ว่าจะทำให้กองทัพเดินขบวนได้ยากลำบากไปสักหน่อย ทว่าเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุด เพียงไม่กี่ชั่วยามก็จะสามารถออกไปจากหุบเขาแห่งนี้ได้แล้ว ครั้งนี้ จะต้องตีเอาเมืองคังหยางมาให้ได้ "
"ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า "เสียงหัวเราะอีกเสียงพลันดังขึ้น "เจ้ากับข้าอยู่แนวหน้ามานานหลายปีแล้ว เมื่อใดร่วมทัพกับกุนซือหลิ่วนั้น. นั่นเป็นการสู้รบที่สบายที่สุด หากเราตีเอาเมืองคังหยางได้ นั่นเป็นผลงานที่ดี เมื่อได้รับรางวัลแล้ว ข้าก็จะพาครอบครัวย้ายไปอยู่ในตัวเมือง"
เสียงพูดคุยค่อย ๆ เข้ามาใกล้เรื่อย ๆ ทหารกลุ่มเล็กค่อย ๆ เดินออกมาจากโค้งแล้ว สิบสองคน
"ปุ๊กกูว. ปุ๊กกูว. "ชายที่เดินอยู่ข้างหน้าสุดนำมือมาไว้ที่บริเวณปาก เสียงของนกกาเหว่าพลางดังออกมาจากปากเขา
ผ่านไปสักพัก ก็มีเสียงตอบรับดังมาจากไกล ๆ ในขณะนี้ หุบเขามีเสียงร้องโหยหวนดังขึ้นมา ทหารในเครื่องแบบทั้งสิบสองคนนั้นมิทันได้ตอบโต้อันใด ก็ถูกดาบฟันที่คอขาดในทันที
ทันใดนั้น มีร่างหนึ่งเดินออกมาจากด้านหลังหิน เดินมาทำความสะอาดอย่างละเอียด ราวกับว่ามิได้มีใครเดินผ่านมาทางนี้อีกเลย
ผ่านไปเพียงครึ่งก้านธูป จึงได้ยินเสียงเกือกม้าดังขึ้น คราวนี้มีคนมากขึ้นไปอีก หลังจากนั้นเกือกม้าก็มีเสียงที่สงบลงมากขึ้น นอกจากเกือกม้าและฝีเท้านอกนั้นไม่มีเสียงอะไรอีกแล้ว
ทันใดนั้น ก็ค่อย ๆ มีร่างหนึ่งออกมาจากทางโค้งผู้ที่ขี่ม้าอยู่ข้างหน้าพร้อมกลับเหล่าทหาร สวมอาภรณ์ที่ดูธรรมดานั้นนั่นคือหลิ่วหยินเฟิง ส่วนคนที่สวมใส่ชุดเกราะนั้นคือเซี่ยโหเหยียน. ด้านหลังพวกเขานั้น นายทหารสองคนดูเหมือนจะเป็นนายพลนำทัพ ทว่าหลังจากชายหนุ่มทั้งสองไปแล้ว ล้วนแต่เป็นทหารแคว้นเซี่ย
กองทัพค่อย ๆ ผ่านไปอย่างช้า ๆ ในขณะที่เสียงเกือกม้าและฝีเท้า กำลังเดินผ่านหุบเขาชิงเฟิงนั้น
"ปุ๊กกูว. ปุ๊กกูว"พลางมีเสียงนกกาเหว่าดังขึ้นมาสองครั้ง ทหารที่ขี่ม้าอยู่ด้านหน้าพลันได้ยินเสียง กำลังจะตอบโต้ กลับได้ยินเสียงภายในกลางหุบเขาดังขึ้นมาว่า "ฆ่า" จากป่าไผ่ทั้งสองด้าน หลังต้นเฟิร์น รวมทั้งหลังก้อนหิน ทหารในชุดเกราะทั้งหลายพุ่งเข้าใส่ทหารแคว้นเซี่ย
พลันมีเสียงพุดังขึ้นบนท้องฟ้า ด้วยเสียงที่ดังก้องกังวาน
ในค่ายทหารนั้น หวังชงและหวังเยี่ยนมองยังทิศทางที่สัญญาณพลุดังขึ้น จึงหันมามองหน้ากันและกัน "เป็นดั่งที่หวางเฟยคาดการณ์ไว้ เป็นที่หุบเขาชิงเฟิงจริง ๆ "
หวังเยี่ยนพยักหน้าเล็กน้อย "ข้าจะพาทหารห้าหมื่นนายไปเป็นทัพเสริม"
หวังชงกลับดึงเขาไว้ "ช้าก่อน. หวางเฟยพูดไว้ว่า กุนซือแคว้นเซี่ยนั้นเจ้าเล่ห์เป็นอย่างมาก พวกเราคอยดูพลุดอกไม้ไฟอีกที หากอีกสองทางยังไม่พบกองทัพของศัตรูแล้วล่ะก็ พวกเราค่อยไปเสริมทัพที่หุบเขาชิงเฟิง หากแต่ทั้งสองทางพบกับกองทัพศัตรูแล้วล่ะก็ แสดงว่าหลิ่วหยินเฟิงเปลี่ยนแผนการ เกรงว่าที่หุบเขาชิงเฟิงจะทำให้สับสน พวกเราค่อยไปเสริมทัพให้ด้านใดด้านหนึ่งเสียจะดีกว่า"
"ยังเป็นหวังเฟยที่คาดเดาเหตุการณ์ได้อย่างรอบคอบ" หวางเยี่ยนรีบพูดออกมาอย่างรวดเร็ว
ในขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น พลันเห็นทหารยามรีบร้อนวิ่งเข้ามารายงาน "ท่านนายพล ท่านายพล"
ทั้งสองพลันตกตะลึง พลางมองไปที่ค่ายทหาร "เกิดอันใดขึ้น ? กองทัพศัตรูปรากฏตัวเแล้วหรือ ? " ภายในใจรู้สึกสับสน หวังเฟยมิเคยเอ่ยถึงว่าแคว้นเซี่ยจะบุกมาที่ค่ายโดยตรง
ทหารยามพลางส่ายหัว พลันสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะผ่อนคลายลงพร้อมพูดว่า "ท่านแม่ทัพ มีชายท่านหนึ่งอ้างว่าเป็นจิ้งอ๋อง จะเข้ามาที่ค่ายแห่งนี้ขอรับ"
เมื่อจิ้งอ๋องและองครักษ์เงาเดินออกไปแล้ว จึงเหลือเพียงหวังชงและหวังเยี่ยนที่ยืนอยู่ข้างนอกค่ายทหารเท่านั้น พวกเขาทั้งสองเสมือนว่าสติจะยังไม่กลับมา"จิ้งอ๋อง?เป็นจิ้งอ๋องจริง ๆ งั้นหรือ?"
หวังชงพยักหน้าด้วยความตื่นเต้น "ใช่แล้ว เป็นจิ้งอ๋องจริง ๆ หากแต่จิ้งอ๋องดูวฺอเยาว์วัยกว่าที่ข้าคิดไว้มาก อีกทั้ง ยังเดินทางไปช่วยหวางเฟยด้วยตัวเอง ความสัมพันธ์ของจิ้งอ๋องและหวางเฟยช่างลึกซึ้งจริง ๆ ข้าได้คุกเข่าหน้าจิ้งอ๋องแล้วหากข้าได้ตกตายไปในสนามรบ ข้าก็ยินดี"
"อื้ม" สายตาของหวังชงมีร่องรอยแห่งความชื่มชมพาดผ่าน ในขณตนที่กำลังครุ่นคิดเกี่ยวกับมันนั้น เขาพลันเห็นสัญญาณพลุขึ้นมา ร่างทั้งสองพลันสั่นท้านไปชั่วขณะและรีบเรียกสติกลับมา "ยอดเขาชิงเฟิงพบศัตรูแล้ว พวกเราไปเสริมกำลังที่ยอดเขาชิงเฟิงเถอะ"
หลิ่วหยินเฟิงพลันเห็นว่ากองทัพแคว้นเซี่ยเสียท่าเสียแล้ว จึงโบกธงในมือพร้อมกับยกฆ้องทองคำขึ้นมาตีสี่ครั้ง
ฉีหล่างหัวเราะขึ้นมาอย่างเย็นชา "หากสุ้ไม่ได้ก็จงหนีไปซะ แต่ว่าเจ้าจะหนีไปได้แค่ไหนกัน" พดจบพลันหยิบคันธนูขึ้นมา และเล็งไปยังหลิ่วหยินเฟิง พลางดึงสายธนูอย่างช้า ๆ และค่อย ๆ ปล่อยสายธนูออกไป
เมื่อลูกธนูที่ถูกเล็งไปยังหลิ่วหยินเฟิงนั้น พลันถูกคนข้างกายปัดออกด้วยดาบ สีหน้าของฉีหล่างพลันเปลี่ยนไป องค์รัชทายาทแคว้นเซี่ยฝีมือไม่เลว
กองทัพแคว้นเซี่ยได้เริ่มล่าถอยไปที่ละก้าวแล้ว
"ตามข้ามา วันนี้ข้าจะกุดหัวองค์รัชทายาทกับหลิ่วหยินเฟิงกลับไปให้ได้" ฉีหล่างพลันหลี่ตาลง พลางมองไปยังฝูงชนที่อยู่ตรงหน้า ยังไงวันนี้ข้าก็จะนำหลิ่วหยินเฟิงกลับไปให้นางผู้หญิงนั่นดูให้ได้ วันนั้น. หยุนชางทำให้เขาจักต้องเสียหน้าให้กับเหล่าทหารทั้งหลาย วันนี้ข้าจะเอาความเชื่อมั่นกลับมาจากพวกเขาให้ได้?
"ท่านพ่อ. มีบางอย่างไม่ถูกต้อง มันมันต้องเป็นแผนการของหลิ่วหยินเฟิงที่ล่อพวกเราให้เข้าไปติดกับเป็นแน่" ฉีอวี่เฟิงรีบร้อนเข้ามาหาฉีหล่าง คิ้วพลันขมวดเข้มขึ้น "ข้าเคยได้ยินหวางเฟยพูดถึงหลิ่วหยินเฟิงว่า เป็นบุคคลที่แข่งแกร่งมาก หากแต่วันนี้ข้าดูจากกองทัพที่จัดมาแล้ว ก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติไป หลิ่วหยินเฟิงทั้งเจ้าเล่ห์ทั้งมีไหวพริบ หากในเวลานี้เขาสามารถเปลี่ยนแผนการได้ แสดงว่าเขารู้สึกถึงความไม่ปกตินี้แล้ว ถึงได้ถอนทัพออก"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง
ทำไมถึงอ่านบทที่ 18 และอื่นๆต่อไปไม่ได้...