ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง นิยาย บท 34

ในวันที่สิบเดือนตุลาคม และเป็นวันดีที่หมายถึงวันที่สมบูรณ์แบบ และนี่คือวันจัดพิธีบรรลุนิติภาวะของหยุนชาง

"โชคดีที่ตอนนี้เป็นช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงแล้ว และอากาศก็เริ่มหนาวขึ้น ถ้าหากเป็นฤดูร้อนนั้น ข้าคงจะร้อนอย่างมาก กับการสวมชุดวังที่มีด้านในสามชั้นและด้านนอกอีกสามชั้น" ฉินยีตรวจเช็กเสื้อผ้าที่ต้องใช้ในวันงานพร้อมพึมพำเสียงเบาๆ "องค์หญิงเจ้าคะ ชุดไช่ยี ชุดชั้นที่สอง ชุดชั้นที่สาม ทั้งหมดอยู่ที่นี่แล้วค่ะ ชุดสุดแขนกว้างชุดสุดท้ายนั้นสวยงามจริงๆเจ้าค่ะ หากองค์หญิงสวมใส่ต้องงดงามมากแน่ๆเจ้าค่ะ"

หยุนชางพยักหน้า แต่นางรู้สึกเสียดายเล็กน้อย " น่าเสียดายที่เสด็จแม่ไม่มีโอกาสได้เห็น"

ฉินยีถอนหายใจเมื่อนางได้ยินเช่นนี้ " นายหญิงเองก็คงอยากเห็นองค์หญิงเติบโตเป็นผู้ใหญ่อย่างมากแน่นอนเจ้าค่ะ"

ทั้งคู่นั่งลงสักพัก พวกเขาก็ได้ยินเสียงฉินเมิ่งตะโกนอยู่ข้างนอก "องค์หญิงเจ้าคะ ถึงเวลาแล้วเจ้าค่ะ ซิ่วซินกูกูมาเร่งแล้วเจ้าค่ะ ท่านบอกว่าเตรียมการเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ แขกก็มาพร้อมแล้วเจ้าค่ะ ให้องค์หญิงเดินทางไปที่ตำหนักฮั๋วจาง"

พิธีบรรลุนิติภาวะของหยุนชางจัดขึ้นในตำหนักฮั๋วชาที่อยู่นอกตำหนัก คนที่มาชมพิธีนั้นมีจำนวนมาก ชูจา เอ๋อร์จา ซานจา และพิธีบรรลุนิติภาวะนั้นถูกจัดขึ้นอย่างช้าๆและอลังการ จักรพรรดิหนิงได้ตั้งฉายานามให้กับหยุนชางว่า เฟิ่งอวี้ หลังจากที่หยุนชางถวายบังคมแขกแล้ว ถือว่าพิธีนั้นได้เสร็จสิ้น

หลังจากเสร็จสิ้นพิธี แขกทุกคนเดินหน้าไปที่หอคอยหมิงเยว่บนเกาะเผิงไหล และงานเลี้ยงก็เริ่มขึ้น

จักรพรรดิหนิงและฮองเฮาได้นั่งในตำแหน่งประธานเช่นเดิม ด้านล่างฝั่งซ้ายมือคือหยุนชางที่ทำพิธีบรรลุนิติภาวะในวันนี้ ทางด้านขวาเป็นจิ้งอ๋องลั่วชิงเหยียน หัวจิ้งนั่งอยู่ข้างล่างหยุนซาง

เมื่อสาวใช้นำหัวจิ้งไปยังที่นั่งของตน หยุนชางเห็นว่าหัวจิ้งชะงัก นางยืนอยู่นานจึงค่อยเดินไปที่ที่นั่งและนั่งลงราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น นางยิ้มและหันหน้าไปทางหยุนชางและกล่าวว่า " วันนี้น้องสาวสวยจัง"

หยุนชางก้มศีรษะลง ใบหน้าของนางแดงขึ้นเล็กน้อย "เสด็จพี่อย่าได้พูดหยอกล้อกับน้องเลยเพคะ"

ในขณะที่นางก้มศีรษะลง หยุนชางรู้สึกว่ามีแววตาคู่หนึ่งจับจ้องมาที่นาง หยุนชางเงยหน้าขึ้นและเห็นว่าจิ้งอ๋องที่นั่งอยู่ตรงข้ามตนจ้องมองมาที่ตน แววตาของเขาเหมือนดั่งคบเพลิงทำให้ไม่สามารถหลบหนีจากแววตานี้ได้ เหมือนเห็นว่าหยุนชางมองไปที่เขา เขาเองก็ยกแก้วชาขึ้นจิบ แล้วหันไปมองที่อื่น

งานเลี้ยงเริ่มจากการแสดงเต้นรำที่มีมาตลอดไม่เคยเปลี่ยนแปลง นางรำเต้นไปสองสามเพลงจากนั้นก็ถอยออกไป เสียงของซือจู่ก็เบาลงเรื่อยๆ

"วันนี้เป็นวันที่ชางเอ๋อร์ได้บรรลุนิติภาวะ ชางเอ๋อร์เองก็เตรียมงานปักมาหนึ่งชิ้นให้ทุกคนได้ชื่นชม หลายท่านในที่นี้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ ดังนั้นก็ลองแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับงานปักนี้สักหน่อยดีไหม "หยวนเจินฮองเฮายิ้มและโบกมือ จากนั้นก็มีขันทีนำผ้างานปักออกมา"

หยุนชางก้มหน้าลงและยิ้มมุมปากขึ้นมา รอยยิ้มนั้นเผยความเยาะเย้ยออกมาเล็กน้อย

เสียงที่เกียจคร้านดังขึ้น หยุนชางหันหน้าไป ก็พบเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยเล็กน้อย หยุนชางยิ้มเล็กน้อยที่แท้แล้วเขาคือหลี่ลั่วหลานชายของมหาเสนาบดี ชาติที่แล้วตนเคยเจอเขามาไม่กี่ครั้ง บ่อยครั้งที่เขาหาเรื่องตน ช่างเป็นครอบครัวที่กลมเกลียวจริงๆ

นางหันหน้าไปอีกครั้ง ก็พบเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยปรากฏขึ้นท่ามกลางแขกที่มางาน หยุนชางชะงัก มือของนางกำแขนเสื้อไว้แน่น ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ หยุนชางยิ้มออกมา ดูเหมือนว่าชายคนนั้นจะคิดว่าหยุนชางกำลังยิ้มให้เขา เขาจึงยิ้มตอบกลับไปอย่างไม่คิดมากอะไร

หยุนชางรู้สึกว่าความเย็นยะเยือกในใจของนางเพิ่มมากขึ้น นางหันหน้าไปมองที่หลี่ลั่วยิ้มและกล่าวพร้อมรอยยิ้มว่า "ข้ารู้สึกละอายใจที่จะกล่าว เมื่อก่อนตอนที่ข้าอยู่ในวัง เสด็จพี่มักจะวิ่งมาที่ตำหนักชางเอ๋อร์ แล้วร้องไห้กล่าวว่าท่านอาจารย์นั้นเข้มงวดเกินไป มักจะเฆี่ยนนางอยู่บ่อยๆ นั่นคือสาเหตุที่ข้านั้นไม่ชอบอาจารย์อย่างมาก ข้ารู้สึกว่าถึงยังไง เสด็จพี่ก็เป็นเพียงเด็กผู้หญิง จะลงมือเฆี่ยนนางได้อย่างไร ข้าเองก็กลัวที่จะถูกเฆี่ยน ดังนั้นจึงไม่กล้าไปเข้าเรียน ข้าร้องไห้และขอร้องให้เสด็จแม่อย่าให้ชางเอ๋อร์ไปเรียนกับท่านอาจารย์เพคะ และเสด็จแม่มักจะตามใจข้าอยู่เสมอ ท่านจึงตอบตกลง เมื่อไปถึงวิหารแคว้นหนิง อาจเป็นเพราะเจ้าอาวาสอู๋น่านั้นใจกว้าง

และท่านรู้วิธีการสอนอย่างสนุกสนาน แม้ว่าจะเป็นลำธารในภูเขา หรือลมที่กำลังพัดเข้ามาก็ตาม เจ้าอาวาสอู๋น่าก็สามารถพูดถึงมันอย่างสนุกสนาน ฉะนั้นข้าจึงได้มีความสนใจที่จะเรียนรู้ "

ทันทีที่หยุนชางพูดจบ ก็มีขุนนางหนวดขาวก็รีบออกมาคุกเข่า " ขอฝ่าบาททรงตรวจสอบอย่างชัดเจนพะยะค่ะ หม่อมมิเคยเฆี่ยนองค์หญิงหัวจิ้งพะยะค่ะ"

"ทั้งๆที่ตัวเองไม่อยากจะเรียนรู้เสียเอง ดันไปโยนความผิดให้กับองค์หญิงหัวจิ้ง ช่างหน้าไม่อายเสียจริง" หลี่ลั่วพูดเบา ๆ แต่หยุนชางกลับได้ยินอย่างชัดเจน

จักรพรรดิหนิงเองก็อาจจะได้ยินอย่างแผ่วเบา คราวนี้ได้เห็นเส้นเลือดบูดขึ้นบนหน้าผากของเขาขณะที่เขากำลังจะโกรธเคืองขึ้นมา ก็ได้ยินเสียงอันเยือกเย็นดังขึ้นมาว่า " ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น หากอยากจะพิสูจน์นั้นง่ายมาก ให้องค์หญิงฮุ่ยกั๋ววาดภาพอีกหนึ่งภาพต่อหน้าทุกคนก็จะสามารถพิสูจน์ได้......"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง