จักรพรรดิหนิงได้ยินดังนั้น พลันถอนหายใจออกมา "หากเจ้ายอมรับออกมาง่ายดายเช่นนี้ เจ้าจะให้เจิ้นบอกกับข้าราชบริพารเช่นไร จิ่งขุยยังเป็นเสนาบดีจิ่งอยู่ อีกทั้งยังมีกองกำลังตนเองอีกเป็นร้อย เจ้ามิได้พูดคุยอะไรกับข้าเลยแล้วไปเผาบ้านเสนาบดีเช่นนี้"
หยุนชางพลันยิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ "ชางเอ๋อร์เป็นบุตรสาวของเสด็จพ่อ ท่านต้องช่วยชางเอ๋อร์ปกปิดสิ"
จักรพรรดิจะร้องก็ไม่ออก จะหัวเราะก็มิได้ พลันครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ จึงพูดออกมาว่า "หากตอนนี้เจ้าจับพวกเขาได้แล้ว. เหตุใดถึงไม่ส่งพวกเขามาให้เจิ้นเล่า ? "
"ยังมิถึงเวลาเพคะ ตอนนี้หลักฐานยังมีไม่มากพอ อีกทั้งเรื่องลอบฆ่ารัชทายาทแคว้นเซี่ยยังมิทันได้กระจ่าง หม่อมฉันกลับคิดว่าเรื่องนี้ต้องมีความเกี่ยวพันกันเป็นแน่ อีกทั้ง ยังเกี่ยวข้องกับกับความสัมพันธ์ของเสนาบดีจิ่งและเสด็จพ่ออีก หม่อมฉันสืบไปถึง ตระกูลของจิ่งขุย น้องชายของพ่อบ้านนั้นได้ให้สตรีในซ่องตามหาคนมาปลอมตัว อีกทั้งวันที่หอยวี่หมั่นนั้น เขาเป็นคนแรกที่บอกว่าจำเสียงของท่านอ๋องได้ "
หยุนชางพลันขมวดคิ้วพร้อมถอนหายใจออกมา "ไม่กี่วันมานี้. หม่อมฉันล้วนแต่ปวดหัวในการตามหาสือหาเรื่องพวกนี้. ไม่ได้มีเวลาสอบถามพวกเขาเป็นจริงเป็นจังเสียที จึงได้ขังพวกเขาไว้ในวังก่อน ชางเอ๋อร์มิรู้ว่าเป็นเพราะมีคนรู้ถึงเรื่องนี้หรือไม่ จึงสั่งให้คนมาลอบฆ่าหม่อมฉัน ?"
จักรพรรดิหนิงพลันครุ่นคิดอยู่นาน พร้อมพูดออกมาว่า "รัชทายาทแคว้นเซี่ยที่ถูกขังอยู่ในคุกนั้นก็ถูกคนลอบสังหารตายไปแล้ว ภายในคุกจึงไม่ใช่ที่ปลอดภัยอีกต่อไป ในราชวังคนไปมาเยอะมาก เกรงว่าเรื่องอาจจะเล็ดลอดออกมาได้ เจ้าขังไว้ในวังจิ้งอ๋องก่อนเถอะ เอาตามที่เจ้าบอก ตอนนี้ยังไม่มีหลักฐานมากพอ ยังดีที่เป็นหลี่จิ้งเหยียน แต่เดิมเขาเป็นคนดื้อรัน ตายไปได้ก็ดี อีกด้านยังเป็นรัชทายาทแคว้นเซี่ยอีก ที่โดนขังอยู่ในคุก หากมีคนรู้เข้าละก็ จะเป็นการยากที่จะอธิบายออกมา "
"อื้ม สิ่งที่เสด็จพ่อกังวลนั้น ก็มีเหตุผลเพคะ ทว่าในตอนนี้ ในมือของหม่อมฉันยังมีคนที่พอใช้การได้อยู่บ้าง อีกทั้งเสด็จพ่อยังมิรู้ใช่หรือไม่ว่า ครั้งที่ชางเอ๋อร์อยู่ที่เมืองคังหยางนั้นได้กราบไหว้อาจารย์ชิงชางให้มาเป็นอาจารย์ ตอนนี้อาจารย์ชิงชางก็ได้มาอยู่ที่เมืองหลวงแล้ว เขาเก่งด้านค่ายกลแปดชั้นเป็นอย่างมาก หม่อมฉันจักให้อาจารย์ช่วยมาวาดค่ายกลให้ในวังจิ้งอ๋อง คนอื่นจักได้ไม่บุกทะลวงเข้าไปได้ " หยุนเมื่อได้ยินเช่นนั้น จึงรีบพูดออกมา
"โอ้ ? " จักรพรรดิหนิงพลันหลี่ตามองอยุ่ชั่วครู่ พลางพยักหน้าลง "ในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว ก็ทำตามที่เจ้าเห็นสมควรเถิด " เมื่อพูดจบพลันขบคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงพูดขึ้นมาว่า "จิ่งขุยผู้นั้น หากเจ้ารู้สึกสงสัยในตัวเขา เจิ้นจะสั่งให้คนไปจับตามองเขาแต่โดยดี หากเจ้าพบเจอหลักฐานเมื่อใด เจ้าเรียกคนให้ไปจับเขาได้เลย"
เมื่อได้ยินจักรพรรดิหนิงพูดเช่นนั้น จิ่งขุย หากพบเจอหลักฐานเมื่อใด นางจักต้องเรียกคนให้ไปจับเขาอยู่แล้ว หากแต่หยุนชางกลับคิดว่า ผู้ที่เป็นถึงเสนาบดีของแคว้นแล้ว มิใช่อยากจะปลดลงมาเมื่อใดก็ได้ หยุนชางพลันกระตุกยิ้มมุมปากด้วยความเย็นชา หากแต่ ถ้าเป็นข้อหาว่าร่วมมือกับศัตรูเล่า นั้นไม่ต้องพูดถึงเลย จักต้องถูกประหารเก้าชั่วโคตรเป็นแน่
"หวางเฟย"เฉียนยินมองหน้านางด้วยความกล้ากล้ากลัวกลัว "หวางเฟย ท่านกำลังคิดอะไรอยู่งั้นหรือ เมื่อครู่ท่านเหม่อลอยตั้งแต่ออกจากพระราชวังแล้ว"
หยุนชางพลันชะงักไปสักพัก พร้อมวางตำราลง แล้วจึงพูดอย่างเป็นกันเองว่า "มีอะไรงั้นหรือ ? มีอะไรเกิดขึ้นกัน ? "
เฉียนยินจ้องมองนางด้วยความรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย จึงพูดขึ้นมาว่า "ท่านอ๋องส่งลั่วอี้มาแจ้งแก่หวางเฟยว่า หนิงหัวจิ้งสารภาพทุกอย่างออกมาหมดแล้ว จึงให้มาถามว่า หวางเฟยต้องการไปพบนางหรือไม่ ? "
หยุนชางได้ยินดังนั้น พลันใบหน้ามีแต่รอยยิ้ม "ไป ทำไมข้าจักต้องไม่ไปกัน ? ข้ารอวันนี้มานานแล้ว นานหลายปีเลยทีเดียว"
เฉียนยินได้ยินดังนั้นจึงยิ้มออกมา "องค์หญิงหัวจิ้งได้รับความทุกข์ทรมานเป็นอย่างมากเพคะ ได้ยินมาว่า ไม่กี่วันมานี้ นางถูกทรมานอย่างหนัก อีกทั้งวันนี้ ต้องมาถูกคิดบัญชีความโกธรแค้นของหวางเฟยอีก มิรู้ว่านางจะทนไหวหรือไม่"
สตรีที่ถูกขังมัดติดกับกรงเคร้นความลับนั้น ร่างกายพลันสั่นเทาไปทั้งตัว นางพยายามเป็นอย่างมากที่จะยับยั้งการสั่นของร่างกาย พลางค่อย ๆ เบิกตาขึ้นมามองหยุนชาง ทว่าเมื่อเห็นรูปลักษณ์ตรงหน้าราวกลับกำลังทำให้นางเสียสติ ร่างกายจึงเริ่มสั่นมากยิ่งขึ้น"หนิงหยุนชาง ! หนิงหยุนชาง ! เป็นเจ้า ! "
รอยยิ้มของหยุนชางพลันสดใสขึ้นมา "เป็นหม่อมฉันเองเพคะ เสด็จพี่ หม่อมฉันเอง เสด็จพี่มักจะใส่ใจกับรูปร่างหน้าตามิใช่หรือ ทำไมตอนนี้หน้าตาของท่านถึงโหดร้ายเช่นนี้? "
เส้นเลือดบนหน้าผากของหนิงหัวจิ้งราวกลับจะระเบิดออกมา นางขบฟันไปมาด้วยความโกธรแค้น ขบจนสันกรามนูนขึ้นมาด้วยความเจ็บปวด เพียงชั่วครู่ จากร่างกายที่กำลังสั่นเทานั้นกลับสงบลงมา บาดแผลที่ถูกน้ำพริกสาดลงมานั้นยังมีความเจ็บปวดอยู่มาก หากแต่หนิงหัวจิ้งพลันเก็บสีหน้าที่กำลังเจ็บปวดลงมา เพียงไม่ถึงหนึ่งก้านธูปนางก็ยกยิ้มขึ้นมาได้
"หนิงหยุนชาง ไม่คิดว่า ที่ข้าวิ่งวนไปมานั้น ข้าจะมาตกลงมาอยู่ในกำมือของเจ้าได้ " นางกัดฟันพูดออกมา
หยุนชางรู้สึกได้เช่นกัน ชาติที่แล้วนั้น รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความโหดร้ายของหัวจิ้งยังคงติดตานางอยู่ แม้ชาตินี้ นางจะมาเกิดใหม่แล้วก็ตาม สายน้ำมิอาจหวนคืนได้ ตอนนี้ถึงตาของนางที่ต้องคิดบัญชีแค้นกับหนิงหัวจิ้งแล้ว
หยุนชางพลางหลี่ตาเล็กน้อย. หนิงหัวจิ้ง เจ้าจำได้หรือไม่ ว่าชาติที่แล้วเจ้าทำอะไรไว้กับข้าบ้าง ? เจ้าและเสด็จแม่ของเจ้านั้น ปลูกฝังให้ข้าเกิดมาเป็นอิสตรีที่ชั่วร้าย จงใจให้ข้าแต่งออกไปในครอบครัวที่เบื้องหน้ามีแต่ความอ่อนโยน หากแต่เบื้องหลังเต็มไปด้วยความโหดร้ายยันเข้ากระดูกเช่นโม่จิ้งหราน. ข้าสงสารที่เจ้าสูญเสียสามีไปในสนามรบ จึงรับเข้ามาอยู่ในวังด้วยกัน เจ้ากลับมาแย่งสามีข้าไปและยังไปเกลี่ยกล่อมให้เขามาดูถูกข้า เจ้ากรีดใบหน้าของข้า อีกทั้งยังให้ข้าเห็นลูกในไส้ของตนเองตายลงต่อหน้าต่อตาอีก ทว่าเสด็จแม่ของเจ้ายังใจดีนำเหล้าพิษมาให้ข้าอีก
หยุนชางพลันยืนขึ้นและยกยิ้มอย่างช้า ๆ พร้อมเดินไปทางหนิงหัวจิ้ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง
ทำไมถึงอ่านบทที่ 18 และอื่นๆต่อไปไม่ได้...