หยุนชางยืนขึ้นหันหลังกลับ และเดินออกไปตามทางอุโมงค์ลับ ทางอุโมงค์ลับนั้นมืดมาก เมื่อหยุนชางเดินออกจากอุโมงค์ลับทางมืด ดวงตาของนางก็พร่ามัวเพราะแสงสว่างที่ส่องมาอย่างฉับพลัน ผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงได้เห็นภาพตรงหน้าได้ชัดเจน จิ้งอ๋องยืนอยู่ข้างหน้านาง และมองนางพร้อมขมวดคิ้วไว้ "เจ้าเกลียดนางมานานหลายปีมิใช่หรือ? ข้าให้เจ้าไปสั่งสอนนางเพื่อแก้แค้น แต่ทำไมกลับเป็นเจ้าที่หน้าขาวซีดมาเลย?"
หยุนชางยิ้มไม่ออก นางเพียงแค่ขยับริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า "แน่นอนว่าข้าจะแก้แค้น เป็นไปตามที่ท่านอ๋องกล่าว ข้าเกลียดชังนางมานานหลายปี แล้วจะไม่แก้แค้นได้อย่างไร? เมื่อสักครู่นี้ข้าให้ลั่วอี้หยิบแท่นไม้ใหญ่ๆ มา แล้วตีลงไปบนท้องนางอย่างแรงๆ ข้าเห็นว่านางโดนตีจนแท้ง และเลือดก็ค่อยๆ ไหลออกมาจากร่างกายของนาง......ท่านอ๋อง ท่านว่าข้าใจร้ายโหดเหี้ยมเกินไปหรือไม่?"
จิ้งอ๋องมิได้ตอบคำถามของนาง เพียงแต่เอื้อมมือไปจับมือของนางที่เย็นเล็กน้อยไว้ แล้วดึงนางเข้ามาในอ้อมแขนของตน ลูปศีรษะของนางแล้วกล่าวว่า " ไม่ต้องยิ้มแล้ว ยิ้มน่าเกลียดกว่าการร้องไห้เสียอีก"
หยุนชางได้ยินเช่นนี้ ก็สะดุ้งในใจ จากนั้นก็หุบยิ้มไว้ แต่มุมปากของนางยังคงสั่นเล็กน้อย นางค่อยๆ เอนกายลงในอ้อมแขนของจิ้งอ๋องและหลับตาลง นางไม่อยากให้เขาเห็นน้ำตาในดวงตาของนาง หลายปีผ่านมาแล้ว นางเกิดมาในชาติใหม่พร้อมความโกรธแค้นใจมานานแปดปีแล้ว แปดปีที่ผ่านมานี้นางเอาแค่คิดเรื่องแก้แค้นอยู่ทุกวันทุกเวลา แต่เมื่อถึงเวลาที่นางล้างแค้นได้แล้ว แต่ในใจของนางกลับไม่รู้สึกดีใจเท่าที่ตนจินตนาการเอาไว้
"เหตุใดข้าจึงไม่มีความสุขเท่าที่คิดไว้?" หยุนชางพูดพึมพำกับตัวเอง
จิ้งอ๋องลูปหลังนางเบาๆ เมื่อได้ยินคำพูดของนาง เขาก็ตกตะลึงเล็กน้อย "เจ้าติดอยู่กับความโกรธแค้นนี้นานเกินไปแล้ว" หลังจากพูดเสร็จ เขาก็ยื่นมือผลักหยุนชางออกจากอ้อมแขนเล็กน้อย แล้วจับมือหยุนชางเดินไปทางลานบ้าน "ข้าเป็นเทพเจ้าแห่งสงครามของแคว้นหนิง ข้าฆ่าผู้คนในสนามรบมานับไม่ถ้วน ทุกคนล้วนบอกว่าข้าคือยมบาลเลือดเย็น อันที่จริงข้าก็เป็นเช่นนั้นเหมือนกัน เมื่อตอนที่ข้ายังหนุ่ม ด้วยตำแหน่งอำนาจของข้า หากว่าใครทำให้โกรธเคือง ข้าล้วนฆ่าทิ้งทั้งหมด แต่ข้าค่อยๆ มารู้ตัวทีหลังว่า เหตุผลที่ข้าทำเช่นนี้ก็เพื่อที่จะปิดบังความเดียวดายและความเกลียดชังในใจของข้าเอง ถึงแม้ว่าข้าจะเป็นท่านอ๋องนามสกุลอื่นที่มีอำนาจในแคว้นหนิง แต่ข้าก็ยังคงมีความโกรธแค้นอยู่ในใจ"
เสียงของจิ้งอ๋องนั้นแหบแห้งเล็กน้อย ทุ้มต่ำเล็กน้อย แต่กลับทำให้หยุนชางรู้สึกปลอดภัยอย่างบอกไม่ถูก "ข้าเกลียดแค้นมาโดยตลอด เกลียดที่ข้ามิใช่ลูกชายแท้ๆ ของอดีตจักรพรรดิ เกลียดตัวตนที่แท้จริงของข้า ข้าคิดอยู่เสมอว่า หากว่าข้าเป็นบุตรของอดีตจักรพรรดิ เช่นนั้นแล้วบัลลังก์นั้นก็คงเป็นของข้า อาจเป็นเพราะว่าข้านั้นคิดมากจนเกินไป จนทำให้หลงทางไป และเอาแต่คิดว่าจะเข้าบัลลังก์นั้นมาให้ได้ แต่ช่วงนี้จู่ๆ ข้าก็นึกขึ้นได้ว่า ที่แท้แล้วความแค้นใจก็เป็นเรื่องที่เหนื่อยมากดเช่นกัน"
หยุนชางจ้องไปที่จิ้งอ๋องด้วยความเหม่อลอย ไม่สามารถนึกภาพจิ้งอ๋องที่โหดเหี้ยมเช่นนั้นออกมาได้ ตั้งแต่ที่ตนรู้จักกับเขามา จิ้งอ๋องที่นางเห็นนั้นเย็นชา แม้แต่ส่วนลึกๆ ในใจของเขาก็เย็นชาอย่างมากเช่นกัน แต่ภาพนี้ที่ตนเห็นกลับดูไม่เข้ากับภาพฆาตกรโหดเหี้ยมที่จิ้งอ๋องกล่าวมาเมื่อสักครู่นี้เลยแม้แต่น้อย
หยุนชางมีเรื่องในใจ ทั้งวันนี้นางจึงไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงนัก นางไม่เข้าใจว่า เหตุใดตนจึงไม่มีความสุขอย่างที่ตนคิดเอาไว้
เมื่อยามพระอาทิตย์ตกดิน พ่อบ้านมาเข้าพบนางและแจ้งว่า เซี่ยหวนอวี่มาขอพบ หยุนชางตกตะลึง ทันทีที่นางยืนขึ้นกำลังจะเดินไปที่ห้องโถงด้านหน้า นางก็เห็นว่าจิ้งอ๋องก็ยืนขึ้นเช่นกัน "ข้าไปพร้อมเจ้าดีหรือไม่?"
หยุนชางตกตะลึง ตอนนี้พวกเขายังไม่ได้ประกาศออกไปว่าจิ้งอ๋องกลับจวนแล้ว หากว่าตอนนี้จิ้งอ๋องปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเซี่ยหวนอวี่ เช่นนี้ก็คงยากที่จะปิดบังเรื่องนี้กับคนอื่นๆ
ดูเหมือนว่าเขาจะเข้าใจในความกังวลของหยุนชาง จิ้งอ๋องยิ้มและกล่าวว่า "ไม่เป็นกระไรหรอก ข้าให้พ่อบ้านพาเขามาที่สวนหลังบ้านได้ และจัดการคนที่อยู่หลังบ้านให้เรียบร้อย ก็คงไม่มีใครทราบหรอก"
หยุนชางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็จริงจิ้งอ๋องควบคุมดูแลคนในจวนได้อย่างดีอยู่ตลอด แม้ว่าคนในจวนท่านอ๋องจะมีน้อย แต่ก็ยากที่จะมีเส้นสายแอบแฝงเข้ามา อีกทั้งหลังจากเหตุการณ์เหออวิ้นผ่านไปแล้ว หยุนชางได้ตรวจสอบทุกคนในจวนจิ้งอ๋องอย่างละเอียด คนที่เหลือไว้ในจวนนั้นล้วนเป็นคนที่เราทราบตัวตนอย่างแน่ชัด ใครก็ตามที่มีตัวตนไม่แน่ชัดล้วนถูกกำจัดออกไปหมดแล้ว ตอนนี้จวนจิ้งอ๋องนั้นเป็นเหมือนถังเหล็กที่แม้แต่น้ำหยดเดียวก็เข้ามาไม่ได้
เมื่อหยุนชางและจิ้งอ๋องมาถึงศาลาพร้อมกัน เซี่ยหวนอวี่ก็ได้นั่งรออยู่ในศาลาเรียบร้อยแล้ว เขาไม่แปลกใจที่ได้พบจิ้งอ๋อง อีกทั้งยังกล่าวด้วยความสงบอีกว่า " เจ้ามาแล้วหรือ" ราวกับว่าเขาทราบว่าจิ้งอ๋องจะปรากฏตัว
หยุนชางมองดูสีหน้าของทั้งสองคนอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็ตามตัวสาวใช้มาเตรียมชา เซี่ยหวนอวี่และจิ้งอ๋องไม่ได้พูดคุยอะไรกันเลย ทันใดนั้นบรรยากาศก็เริ่มเย็นชาลงเล็กน้อย
"ฝ่าบาทเสด็จมาในครั้งนี้ เพื่อเล่นหมากรุกกับหม่อมฉันหรือเพคะ?" หยุนชางยิ้มเบาๆ และถาม
เมื่อได้ยินเช่นนี้ จิ้งอ๋องขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็มิได้กล่าวอะไร
สีหน้าของเซี่ยหวนอวี่ดูไม่พอใจเล็กน้อย และรอให้สาวใช้ชงชาด้วยสีหน้าที่เย็นชา เขาจิบไปหนึ่งคำ จากนั้นก็กล่าวว่า " ปลายเดือนหน้าเจิ้นจะไปจากที่นี่แล้ว เจ้าไปพร้อมเจิ้นเถิด"
จิ้งอ๋องหายใจออกด้วยความไม่สบอารมณ์ เขาไม่อยากแม้แต่จะขยับปาก ในแววตาของเขาเผยความไม่แยแสออกมา เขาเอ่ยปากดูเหมือนว่าคำพูดที่แย่ๆ กำลังจะออกจากปากเขา เมื่อหยุนชางเห็นสีหน้าของเขาก็ทราบแล้วว่า สิ่งที่เขาจะกล่าวต่อไปนี้คงไม่น่าฟังเท่าไหร่ จากนั้นนางจึงดึงชายเสื้อของจิ้งอ๋องอีกครั้ง จิ้งอ๋องก็ขมวดคิ้วอีกครั้ง แล้วหันไปมองหยุนชาง หยุนชางก็ลืมตาขึ้นแล้วสบตากับเขา จากนั้นจิ้งอ๋องที่ถอนหายใจด้วยความไม่สบอารมณ์ แล้วมิได้กล่าวอะไรต่อ
ครั้งนี้เซี่ยหวนอวี่โกรธจริง " เจ้าเป็นชายร่างใหญ่ แต่กลับถูกเจ้าเด็กนี่ควบคุมไว้จนมิกล้าเอ่ยปากพูดกระไรเลยหรือ ไม่เอาไหน"
หยุนชางตกตะลึง นางหมดหนทางเล็กน้อย นางทำเช่นนี้เพราะกลัวว่าหากทั้งสองทะเลาะกันขึ้นมาเรื่องจะใหญ่ ทั้งสองมีนิสัยคล้ายกันอยู่แล้ว ดื้อรั้นเหมือนกันเลย หากว่าทะเลาะกันขึ้นมา..........
นางหวังดี แต่เซี่ยหวนอวี่กลับไม่รับความหวังดีนี้ไว้ จิ้งอ๋องขมวดคิ้ว "หากว่าเจ้าเห็นข้าเป็นเช่นนี้ไม่ได้ ก็ไสหัวออกไปเสีย ประตูอยู่ทางนั้น"
รอบนี้หยุนชางไม่ห้ามเขาแล้ว นางก้มหน้าและนั่งอยู่ห่างๆ ไม่มองไม่รับรู้เรื่องอะไร
"เจิ้นเป็นพ่อของเจ้า แต่เจ้ากลับเถียงเจิ้นเพราะเจ้าเด็กนี่ เยี่ยมจริงๆ!" เซี่ยหวนอวี่ตบโต๊ะด่าพร้อมชี้นิ้วไปที่หน้าของจิ้งอ๋อง เมื่อเห็นว่าจิ้งอ๋องไม่แม้แต่มองเขาเลย เขาก็รู้สึกเสียศักดิ์ศรี และกล่าวด้วยความไม่สบอารมณ์ว่า "เรื่องนี้เจิ้นได้กล่าวไปแล้ว วันที่แปดเดือนหน้า รออยู่หน้าประตูเมือง! นอกจากเจ้าแล้ว เจิ้นต้องเห็นเสี่ยวชีด้วย" พูดจบเขาก็เดินจากไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง
ทำไมถึงอ่านบทที่ 18 และอื่นๆต่อไปไม่ได้...