กั๋วกงฮูหยินลืมตาขึ้นและมองที่ลั่วชิงเหยียนอย่างหวั่นๆหลายครั้ง จากนั้นก็ก้มศีรษะลงและเดินไปที่ฮวากั๋วกงอย่างเชื่อฟัง ฮวากั๋วกงเงยหน้าขึ้นมองที่ลั่วชิงเหยียน ทำเสียงเย็นชา "ในที่สุดก็มาแคว้นเซี่ยแล้ว ไม่ว่าเจ้าจะเต็มใจหรือไม่ก็ตาม ในแคว้นเซี่ยมีเพียงคนจากจวนกั๋วกงเท่านั้นที่ปฏิบัติต่อเจ้าอย่างจริงใจ หากเจ้าเข้าใจแล้ว ก็หมั่นไปที่จวนกั๋วกงบ้าง" หลังจากพูดแล้วเขาก็ทำเสียงเชอะอีกครั้ง และเดินออกจากลานโถงดอกไม้ก่อน
กั๋วกงฮูหยินมองกลับมาที่ลั่วชิงเหยียนอีกครั้ง แล้วเดินตามออกไปทันที
หยุนชางมองดูทั้งสองคนค่อยๆจากไป จากนั้นจึงหันมามองจิ้งอ๋อง แต่ไม่ได้พูดอะไร เพียงจับมือของลั่วชิงเหยียนไว้แน่น คิดในใจว่า ท่านอ๋องคงจะยังไม่ชินกับการมีครอบครัวที่รักและคอยห่วงใย เมื่อคิดอย่างนี้ ก็รู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อยในใจ
พอผ่านยามเซิน หยุนชางและลั่วชิงเหยียนเดินเข้าไปในวังหลวงแคว้นเซี่ย มีคนรออยู่ที่หน้าประตูพระราชวังแล้ว เมื่อเห็นพวกเขาทั้งสองก็รีบเข้ามาต้อนรับ พูดเบาๆว่า "รุ่ยอ๋อง พระชายารุ่ย เชิญทางนี้พ่ะย่ะค่ะ"
แม้ว่าวังของแคว้นเซี่ยจะไม่ได้โอ่โถงเหมือนของแคว้นหนิง แต่ให้ความรู้สึกอ่อนโยนกว่าเล็กน้อย หยุนชางเดินไปตลอดทาง เห็นว่ากงกงพาพวกเขาไปที่สวนดอกไม้แห่งหนึ่ง สวนดอกไม้ที่เต็มไปด้วยดอกท้อ และโคมสีแดงที่ผูกกับต้นดอกท้อ สวยงามมาก
ที่นั่งถูกจัดวางไว้บนพื้นที่เปิดโล่งตรงกลาง แต่ตรงกลางถูกคั่นด้วยฉากกั้นปักลายดอกท้อ กงกงพูดเบาๆ "ท่านอ๋อง พระชายา ด้านซ้ายหน้าฉากกั้นเป็นที่นั่งแขกผู้หญิง ด้านขวาเป็นที่นั่งแขกผู้ชาย หม่อมฉันขอเชิญท่านทั้งสองเข้านั่งประจำที่ด้วยพ่ะย่ะค่ะ"
หยุนชางพยักหน้าเล็กน้อยให้ลั่วชิงเหยียน และเดินตามกงกงที่อยู่ด้านข้างไปยังตำแหน่งกลางและนั่งลง ทันทีที่หยุนชางนั่งลง ก็ได้รับการจ้องมองมาจากทุกทิศทุกทาง ปกติหยุนชางก็เป็นที่สะดุดตามาโดยตลอด นางจึงไม่มีมีท่าทีประมาท เพราะไม่รู้จักทุกคนที่งานเลี้ยง นางจึงนั่งเงียบๆ ด้วยท่าทีที่เขินอาย
สักพักก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยจากด้านข้าง "ชางเอ๋อร์ มานั่งข้างๆยาย"
หยุนชางหันไปมองและเห็นกั๋วกงฮูหยินนั่งลงข้างนางด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน หยุนชางรีบโค้งคำนับให้กั๋วกงฮูหยิน
ทันทีที่กั๋วกงฮูหยินนั่งลง ก็ได้ยินเสียงขานดังมาจากท้ายงานเลี้ยงว่า "ฮ่องเต้เสด็จ ฮองเฮาเสด็จ"
ทุกคนลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและคุกเข่าลงกับพื้น "ถวายพระพรฝ่าบาท ฝ่าบาทหมื่นปี ฮองเฮาพันปี"
หลังจากตอบรับ ทุกคนก็ลุกขึ้น หยุนชางก็ลืมตาขึ้นและมองไปที่ฮองเฮาเหนือที่นั่งหลัก แม้ฮองเฮาจะมิได้มีรูปโฉมที่งามนัก แต่พระองค์มีสง่าราศีที่เปล่งประกาย
หยุนชางสังเกตเห็นสายตาอีกคู่มองมาที่นาง ดังนั้นนางจึงเงยตาขึ้นและมองไป และเห็นร่างที่เปล่งประกายเจิดจ้านั่งอยู่เหนือตำแหน่งที่สอง หยุนชางรู้สึกแปลกใจ จริงด้วย ทำไมนางถึงลืมไปได้ หนิงเชียนยังเป็นนางสนมคนโปรดของเซี่ยหวนอวี่ แน่นอนว่านางต้องมาร่วมในโอกาสดังกล่าว
เพียงแต่ว่าทั้งสองคนไม่กล้าที่จะให้คนอื่นสังเกตเห็น พวกนางเพียงแต่ชำเลืองมองกันและกัน แล้วรีบละสายตาย อย่างไรก็ตาม การจ้องมองของพวกนางก็ถูกฮองเฮาสังเกตเห็น ฮองเฮายิ้มเล็กน้อยและมองไปที่หนิงเชียน "เซียงกุ้ยผินมองพระชายารุ่ยตลอด มีอะไรกับพระชายารุ่ยหรือไม่?"
หนิงเชียนได้ยินก็ยิ้ม และมองไปที่หยุนชางอีกครั้ง ยิ้มและกล่าวว่า "หม่อมฉันยังว่าหญิงสาวนางนี้มีรูปโฉมที่สะดุดตา ทำไมถึงไม่เคยเห็นมาก่อนเลย ที่แท้เป็นพระชายารุ่ย มิน่าล่ะ"
ฮองเฮาฟังแล้วก็หัวเราะเบาๆ "วันนี้ข้าเห็นพระชายารุ่ยในตอนเช้า ข้ายังตกตะลึงด้วย รู้สึกว่า ไฉนในใต้หล้านี้ถึงมีสตรีที่งดงามและปราดเปรื่องเช่นนี้ เทียบได้กับน้องหญิงกุ้ยผิน เพียงแต่น้องหญิงกุ้ยผินนั้นงดงามกว่าเล็กน้อย พระชายารุ่ยก็สง่างามเช่นกัน"
หยุนชางกล่าวอย่างเร่งรีบ "ฮองเฮา พระสนมกุ้ยผินชมหม่อมฉันเกินไปแล้วเพคะ หม่อมฉันมิกล้ารับเพคะ"
หยุนชางไม่รู้ว่าทั้งคู่ที่อยู่ด้านบนพูดส่งต่อกันไปมากันเพื่ออะไร ได้ฟังก็เพียงยิ้มจางๆ แล้วพูดว่า "ก็แค่ลูกไม้ตื้นๆ มิได้เก่งกาจอะไรเพคะ"
จู่ๆ องค์หญิงไท่อันก็เปล่งเสียงออกมา "เสด็จพี่ ข้าเพิ่งได้ยินพี่สะใภ้ตรัสว่ารุ่ยอ๋อง คล้ายเสด็จพี่ตอนวัยเยาว์ แต่ไม่รู้ว่าผู้ใดคือรุ่ยอ๋อง?"
เซี่ยหวนอวี่หัวเราะ "ในเมื่อบอกว่าคล้ายข้าตอนหนุ่ม เจ้าก็ดูสิ ว่าผู้ใดที่คล้ายข้า?"
องค์หญิงไท่อันกวาดสายตาไปทั่วแขกฝั่งที่นั่งชาย ดวงตาของนางก็หยุดลงที่ลั่วชิงเหยียน หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง นางชี้ไปที่ลั่วชิงเหยียน และกล่าวว่า "เสด็จพี่ ใช่เขาหรือไม่เพคะ"
"ไท่อันมีสายตาที่เฉียบแหลมจริงๆ" เซี่ยหวนอวี่กล่าวด้วยรอยยิ้ม สายตาของแขกฝั่งที่นั่งหญิงต่างก็มองไปตรงข้าม
ด้วยรอยยิ้มที่มุมปากของหยุนชาง นางกวาดไปทั่วใบหน้าของผู้คนอย่างแผ่วเบา และได้ยินเสียงของกั๋วกงฮูหยินจากด้านข้างว่า "ระวังองค์หญิงไท่อันด้วย"
หยุนชางไม่เข้าใจว่ากั๋วกงฮูหยินพูดอะไรที่ว่าให้ระวัง แต่นางก็เข้าใจว่า กั๋วกงฮูหยินจะไม่พูดแบบนี้โดยไม่มีเหตุผล นางจึงลดเสียงลงแล้วตอบรับ และเหลือบมองที่องค์หญิงไท่อัน แม้ว่านางจะอายุมากกว่าสามสิบปีแล้ว แต่นางยังคงดูแลตัวเองอย่างดี ดูเหมือนอายุเพียงยี่สิบห้าหรือหกเท่านั้น เป็นเวลาที่กำลังดูมีเสน่ห์ที่สุด ณ เวลานี้ ดวงตาของนางจับจ้องอยู่ที่ลั่วชิงเหยียน มุมปากของนางยกขึ้นเล็กน้อย และดวงตาที่นิ่งสงบ
ดูเหมือนนางจะรับรู้ว่าหยุนชางกำลังมองมาที่นาง องค์หญิงไท่อันหันกลับมามอง ยิ้มให้หยุนชางเล็กน้อย และละสายตาออกไปอีกครั้ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง
ทำไมถึงอ่านบทที่ 18 และอื่นๆต่อไปไม่ได้...