ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง นิยาย บท 436

ลั่วชิงเหยียนครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่แล้วจึงพยักหน้าน้อยๆ "เอาอย่างที่เจ้าว่าเถอะ" จากนั้นจึงหันไปมองหยุนชาง เขาเอ่ยเบาๆ ว่า "ต่อจากนี้ไป เกรงว่าเหล่าฮองเฮา กุ้ยเฟย องค์หญิงและฮูหยินเหล่านั้นคงจะมาก่อกวนเจ้าสักระยะ แต่เดิมเจ้าก็ไม่ชอบเข้าสังคมนัก หากเจ้าไม่อยากพบก็แค่บอกให้พวกนางกลับไป"

หยุนชางหัวเราะเบาๆ แต่ในใจนางกลับรู้ว่าแม้นางจะไม่ยินดีนัก แต่นางก็ต้องเรียนรู้เรื่องเหล่านี้ เพียงแต่นางไม่ได้อยู่ที่แคว้นหนิงแล้วและไม่ได้เป็นธิดาผู้ส่งศักดิ์ขององค์จักรพรรดิอีกต่อไป แม้ตำแหน่งพระชายาจะฟังดูทรงเกียรติ แต่เหล่านางสนมกำนัลในวังนั้นก็เปรียบได้กับมารดาของลั่วชิงเหยียนแล้ว เหล่าองค์หญิงมีทั้งที่เป็นอาและน้องสาวของเขา ไม่สามารถไปทำให้ใครขุ่นเคืองใจได้เลย พวกเขาเพิ่งมาถึงแคว้นเซี่ย หนทางยังอีกยาวไกล เหล่าสตรีในวังหลังต่างก็มีความสัมพันธ์ซับซ้อนกับอำนาจในราชสำนัก พวกเขาไม่รู้เรื่องเหล่านี้เลยสักนิด

เมื่อถึงจวนก็สงบเงียบอยู่สองวัน หยุนชางจึงให้พ่อบ้านแบ่งงานให้กับข้ารับใช้ที่นำมาแต่เดิม ส่วนตัวนางเองทุกวันก็คอยดูสมุดบัญชี เวลาอื่นก็ศึกษาเกี่ยวกับตระกูลใหญ่หรือตระกูลดังในแคว้นเซี่ย

ลั่วชิงเหยียนมีบรรดาศักดิ์แล้ว เขาจึงต้องเข้าร่วมว่าราชการทุกวัน หยุนชางจึงตื่นตามเขาในเวลานั้น สองสามวันก่อนนางยังไม่ค่อยชินนัก นางรู้สึกง่วงเหงาหาวนอนอยู่ทั้งวัน แต่ตอนนี้นางค่อยๆ เริ่มชินเสียแล้ว

"พระชายา องค์หญิงเชียนหลิงเสด็จมาเพคะ" เฉี่ยนอินรีบเดินเข้ามารายงาน

องค์หญิงเชียนหลิง? หยุนชางนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ปีนี้องค์หญิงเชียนหลิงอายุครบสิบสองชันษา นางเป็นธิดาที่เกิดจากหยุนกุ้ยเฟย เป็นองค์หญิงลำดับที่สิบเจ็ด ได้ยินมาว่านางมีนิสัยร่าเริงสดใส ตั้งแต่งานเลี้ยงในวังครั้งนั้น นางกลับเป็นคนแรกที่มาเยือนถึงจวน ไม่รู้ว่านางมีจุดประสงค์อะไรกันแน่

ในขณะที่กำลังคิดก็ได้ยินเสียงแปร๋นของหญิงสาวดังมาจากด้านนอก "พี่สะใภ้ๆ พี่สะใภ้ของข้าอยู่ในห้องหรือเปล่าน้า?"

หยุนชางขมวดคิ้ว นางช่างร่าเริงเสียจริง นางคิดในใจพลางยื่นสมุดบัญชีในเฉี่ยนอินแล้วหยิบตำราแบบอย่างสอนหญิงขึ้นมาพร้อมพูดว่า "เชิญองค์หญิงเชียนหลิงเข้ามาเถอะ"

"พี่สะใภ้อยู่ในห้องจริงๆ ด้วย" เมื่อสิ้นเสียงพูดก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังแว่วมาอย่างร่าเริง เสียงม่านลูกปัดดังขึ้น หยุนชางจึงเงยหน้าขึ้นมองและเห็นใบหน้าจิ้มลิ้มโผล่เข้ามา ดวงตาสุกสกาวของนางกลอกไปมา มือแหวกม่านลูกปัดเดินเข้ามาในห้อง เมื่อนางเห็นหยุนชางจึงได้ปล่อยมือจากม่านลูกปัดลงและกระโดดเข้ามาข้างหน้าพร้อมยิ้มจนตาหยีอยู่ด้านหน้าของหยุนชางและเอ่ยว่า "พี่สะใภ้กำลังทำอะไรอยู่หรือ?"

หยุนชางยังไม่ทันได้ตอบก็เห็นว่าองค์หญิงเชียนหลิงผู้นั้นกำลังเขย่งเท้าดูหนังสือในมือของหยุนชางแล้วกลับขมวดคิ้วมุ่น "อ่านตำราแบบอย่างสอนหญิงหรือ? ตำราแบบอย่างสอนหญิงนั่นมีอะไรน่าอ่านกัน"

เมื่อหยุนชางกำลังจะเอ่ยปากพูด องค์หญิงเชียนหลิงก็ตบหัวตนเองเบาๆ "จริงสิ พี่สะใภ้ต้องยังไม่รู้แน่ๆว่าข้าเป็นใคร ข้าชื่อเชียนหลิง พี่สะใภ้เรียกข้าว่าเสี่ยวสือชี*ก็ได้" (*องค์หญิงเชียนหลิงเป็นองค์หญิงลำดับที่สิบเจ็ด สือชี หมายถึง สิบเจ็ด คนจีนมักใช้คำว่าเสี่ยวซึ่งแปลว่าเล็ก น้อย นำหน้าใช้เรียกคนที่อายุน้อยกว่า)

หยุนชางยิ้มน้อยๆ เมื่อเห็นว่าเชียนหลิงไม่มีวี่แววว่าจะพูดอะไรอีกนางจึงได้เอ่ยปากออกมาบ้าง นางไม่ได้พูดกับองค์หญิงเชียนหลิง แต่กลับสั่งเฉี่ยนอินที่อยู่ด้านข้าง "ไปเอาชามาให้องค์หญิงเชียนหลิงเถอะ ขนมที่เพิ่งทำก็นำมาให้องค์หญิงด้วย"

เชียนหลิงได้ยินดังนั้น ดวงตาก็เป็นประกายแวววาว "ที่งานเลี้ยงในวังวันนั้นข้าไม่สบาย เสด็จแม่จึงไม่ให้ข้าไปร่วม ต่อมาได้ยินพี่หญิงเก้าบอกว่าพี่สะใภ้นั้นงดงามมาก วันนี้เมื่อเสด็จแม่อนุญาตให้ข้าออกจากวัง ข้าจึงรีบมาที่นี่เพื่อดูท่าน พี่สะใภ้ช่างงดงามเหมือนเซียนเลยแล้วยังรู้ด้วยว่าเชียนหลิงชอบกินเป็นที่สุด พี่สะใภ้ช่างใจดีจริงๆ"

หยุนชางมององค์หญิงเชียนหลิงยิ้มๆ แล้วเอ่ยเสียงเบา "ฝีมือของห้องเครื่องในวังนั้นรสเลิศยิ่งนัก เหตุใดจึงทำท่าทางเหมือนพวกเขาไม่ให้เจ้ากินข้าวเสียอย่างนั้นเล่า"

"ไม่ใช่เพราะพวกเขาไม่ให้ข้ากินหรอกหรือ? ในระยะนี้เป็นเพราะข้าป่วย พวกหมอหลวงเหล่านั้นน่ารำคาญเป็นอย่างยิ่ง นั่นก็ไม่ให้กิน นี่ก็ไม่ให้กิน ข้าอึดอัดเสียจะแย่" เชียนหลิงกะพริบตาปริบๆ มองหยุนชาง "พี่สะใภ้ ข้าได้ยินมาว่าที่แคว้นหนิงมีของกินมากมาย ท่านเป็นองค์หญิงแห่งแคว้นหนิง ต้องเคยกินของอร่อยมาแล้วมากมายใช่หรือไม่?"

หยุนชางหัวเราะเบาๆ "ไม่ได้เป็นเช่นนั้นหรอก ก่อนที่ข้าจะอายุครบสิบห้าเคยอาศัยอยู่ที่วัดมาเจ็ดปี ไม่ได้กินเนื้อเลยสักนิด"

เมื่อเชียนหลิงได้ยินเช่นนั้นก็มองหยุนชางด้วยความเห็นใจอยู่นาน "วัดเหรอ อาหารของวัดรสชาติแย่จะตาย พี่สะใภ้ลำบากจริงๆ"

ในขณะที่กำลังพูด เฉี่ยนอินก็ยกถาดเข้ามา บนถาดนั้นมีชาผลไม้ถ้วยหนึ่งและขนมอีกเล็กน้อย เชียนหลิงไม่ได้เกรงใจ นางไม่มองชาเลยสักนิดและหยิบขนมขึ้นมากิน แววตาของนางเปล่งประกายวิบวับ "นี่ขนมอะไรหรือ อร่อยจังเลย"

"อร่อยจังเลย อร่อยจังเลย" ขณะที่นางพูดก็กินขนมหมดไปชิ้นหนึ่งแล้ว เชียนหลิงยังกินไปต่ออีกหลายชิ้นแล้วจึงดื่มชาลงไปอึกใหญ่

เมื่อกินขนมจนหมดแล้ว เชียนหลิงก็ร้องออกมาว่าแย่แล้ว "แย่แล้วๆ อีกเดี๋ยวเข้าวังข้าต้องรับประทานอาหารเย็นกลับเสด็จแม่ไม่ไหวแน่ๆ เสด็จต้องลงโทษข้าแน่ๆ เลย" เมื่อนางพูดจบ นางก็มองหยุนชางตาละห้อย "พี่สะใภ้ไปส่งข้าที่วังได้หรือไม่? หากเสด็จแม่จะลงโทษข้า พอเห็นพี่สะใภ้อยู่ด้วยนางย่อมต้องไว้หน้าท่านแน่"

"ลุกขึ้นเถอะ ไปเอาเก้าอี้มาให้พระชายารุ่ยอ๋องนั่งเสีย" ฮองเฮาหันไปสั่งการเสียงเบา สายตาของนางทอดลงบนตัวของหยุนชาง เมื่อหยุนชางนั่งลงแล้ว นางจึงหรี่ตาลงและเอ่ยว่า "ดูรูปลักษณ์ของพระชายารุ่ยอ๋องสิ ทำให้พวกเราหมองลงไปเลยเชียว"

หยุนชางก้มหน้าลงไม่ได้เอ่ยประการใดออกมา หยุนกุ้ยเฟยจึงเอ่ยว่า "ไม่เพียงแต่รูปโฉม แม้กิริยาก็งามมาก สง่างามเรียบร้อยเช่นนี้ มิน่าเล่ารุ่ยอ๋องจึงได้โปรดปรานนัก ไม่เหมือนกับลูกสะใภ้ของข้า สนใจแต่เรื่องรบราฆ่าฟัน ทุกครั้งที่เข้าวังมาหาข้า อยู่ได้เพียงไม่นานก็เริ่มรำคาญเสียแล้ว"

หยุนชางฟังอย่างสงบพลางคิดว่าหยุนกุ้ยเฟยมีบุตรชายผู้หนึ่ง เป็นลูกคนที่หก ส่วนสะใภ้นั้นก็คงจะเป็นบุตรีของแม่ทัพโย่ว

ฮองเฮายิ้มน้อยๆ แล้วหันมาพูดกับหยุนชางว่า "เคยชินกับแคว้นเซี่ยหรือยัง? ข้าได้ยินมาว่าช่วงนี้เจ้าไม่ออกจากจวนเลย ไม่สบายหรือ?"

หยุนชางก้มหน้าลงและอมยิ้ม "กราบทูลฮองเฮา หม่อมฉันสบายดีเพคะและไม่ได้ไม่เคยชินอะไร เพียงแต่เพิ่งจะลงหลักปักฐาน ในจวนจึงมีเรื่องวุ่นวายมากมายที่ต้องจัดการ ช่วงนี้เลยยุ่งนิดหน่อยเพคะ"

"หือ?" ฮองเฮากระตุกยิ้ม "จะว่าไปแล้วรุ่ยอ๋องก็เรียกข้าว่าเสด็จแม่ พวกเจ้าเพิ่งมาถึง หากมีอะไรที่จัดการไม่ได้ก็ให้มาบอกข้า คนในจวนมีเพียงพอแล้วหรือไม่? ข้าได้ยินมาว่าพวกเจ้านำข้ารับใช้มาเพียงสามสิบหกคนเท่านั้น?"

หยุนชางพยักหน้า "เพคะ ข้ารับใช้ไม่จำเป็นต้องมีมากนัก ทั้งท่านอ๋องและหม่อมฉันต่างก็ไม่ชอบให้มีข้ารับใช้รายล้อม มีเพียงพอก็พอแล้วเพคะ

"ข้าว่าจะยกนางกำนัลให้พวกเจ้าไปบ้าง ในเมื่อไม่ชอบคนมาก เช่นนั้นก็ช่างเถอะ" ฮองเฮาพลั้งปากออกมา "หากจัดการเรื่องในจวนเรียบร้อยแล้ว เจ้าก็เข้าวังมาบ่อยๆ เถอะ"

หยุนชางรับคำเบาๆ

ในขณะที่กำลังคุยกันอยู่นั้นก็มีนางกำนัลผู้หนึ่งเข้ามา นางทำความเคารพฮองเฮาแล้วเอ่ยว่า "ฮองเฮาเพคะ ฝ่าบาทได้ยินว่าพระชายารุ่ยอ๋องอยู่ที่ตำหนักหยุนชี จึงให้หม่อมฉันมาเชิญพระชายาไปที่ตำหนักเซียงจู๋เพคะ"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง