"เหยียนเอ๋อร์... เหยียนเอ๋อร์..." มีเสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น หยุนชางเงี่ยหูฟัง นางคงจะเรียกเด็กน้อยที่อยู่ตรงหน้านาง "เจ้าตัวน้อย ออกมาหาแม่เดี๋ยวนี้นะ ถ้ายังไม่ออกมาแม่จะริบเงินที่เก็บไว้ให้เจ้าแต่งงานไปให้หมดเลย"
"..." หยุนชางนิ่งเงียบและเข้าใจแล้วว่าทำไมเด็กชายตรงหน้านางงถึงเอาแต่พูดเรื่องแต่งภรรยา
"เฮ้อ ท่านแม่ของข้าช่างขี้โมโหนัก ไม่รู้ว่าทำไมท่านพ่อถึงได้แต่งงานกับนาง ท่านอาต่อไปท่านต้องสอนภรรยาในอนาคตของข้าให้ดี ให้อ่อนโยนเหมือนท่านอานะ" เหยียนเอ๋อร์ขมวดคิ้วแล้วถอนหายใจ
หลังจากถอนหายใจ เขาก็ตะโกนตอบว่า "ข้าอยู่ที่นี่ๆ ข้าหนีไปไหนไม่ได้สักหน่อย" พูดจบแล้วเขาก็ถอนหายใจอีกครั้ง
ไม่นาน หญิงสาวหน้าตางดงามก็ปรากฏตัวขึ้นด้านหน้าหยุนชาง แต่นางไม่ได้สวมชุดกระโปรงยาวแขนกว้างเหมือนหญิงคนอื่น แต่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าทะมัดทะแมง แต่ดูเหมือนว่าจะได้รับการตัดเย็บแก้ไขแล้วทำให้ดูเรียบง่ายและสวยงาม นี่คงจะเป็นหญิงแซ่เสิ่นที่เป็นภรรยาของลูกพี่ลูกน้องคนที่สอง หยุนชางคิดในใจว่านางน่าจะเป็นคนตลก
"อ๊ะ หยุนชางก็อยู่ที่นี่ด้วยหรือ" นางไม่ได้เรียกหยุนชางว่าพระชายาเหมือนคนอื่นๆ และไม่ได้เรียกนางว่าน้องสะใภ้ แต่เรียกหยุนชางด้วยชื่อของนาง
หยุนชางตอบด้วยรอยยิ้มว่า "ข้าเพิ่งออกมาจากห้องท่านยายและพบเหยียนเอ๋อร์กำลังเล่นอยู่ที่นี่ จึงได้เข้ามาคุยกับเขา พี่สะใภ้กำลังหาเหยียนเอ๋อร์อยู่หรือ?"
แม่นางเสิ่นโบกมือ "พี่สะใภ้ๆ อะไรกัน ข้าเรียกเจ้าว่าหยุนชาง เจ้าก็เรียกข้าว่าอี๋หลานเถอะ" จากนั้นนางก็ยื่นมือมาบิดหูลูกชายของนาง "เจ้าเด็กคนนี้ซนอย่างกับลิง กระโดดขึ้นลงทั้งวัน หันไปแวบเดียวก็หายไปแล้ว"
ในขณะที่นางพูดก็มีข้ารับใช้คนหนึ่งวิ่งผ่านมา ดูเหมือนจะมุ่งหน้าไปยังห้องของกั๋วกงฮูหยิน เสิ่นอี๋หลานรีบคว้าแขนของข้ารับใช้ผู้นั้นไว้และกล่าวว่า "วิ่งทำไม ท่านฮูหยินกำลังพักผ่อนอยู่"
ข้ารับใช้ผู้นั้นหยุดลงอย่างรวดเร็วและย่อกายโค้งคำนับให้เสิ่นอี๋หลาน "ฮูหยินสอง เกิดเรื่องขึ้นแล้วเจ้าค่ะ หลังจากที่ลูกสะใภ้ของท่านซือถูออกจากจวนของเราไป นางก็มีเลือดออกจากเจ็ดทวารจนตาย หมอบอกว่านางถูกวางยาพิษ คุณชายหลิ่วเลยพาคนมาเจ้าค่ะ"
เสิ่นอี๋หลานย่นคิ้วและถามเบาๆ ว่า "วันนี้มีแขกคนอื่นๆ ในงานเลี้ยงถูกพิษด้วยหรือไม่?"
ข้ารับใช้ส่ายหัว "หากมีคนอื่นอีกเกรงว่าก็คงจะมาหาเรานานแล้ว แต่มีเพียงนางคนเดียวเจ้าค่ะ"
"ช่างแปลกเสียจริง สิ่งที่นางกินคนอื่นก็กินด้วย แต่ทำไมคนอื่นจึงไม่เป็นไร กลับมีเพียงนางที่ถูกวางยาพิษ?" เสิ่นอี๋หลานใช้ความคิดอยู่ชั่วครู่ก็เอ่ยว่า "เจ้าไปรายงานให้ท่านฮูหยินรู้เถอะ" พูดเสร็จนางก็หันไปบอกสาวใช้ที่ตามนางมาว่า "เจ้าไปบอกให้พ่อบ้านไปหาท่านซือถูที่จวนแล้วอธิบายเรื่องนี้แก่เขา บอกว่าหากเป็นความผิดของจวนกั๋วกงจริงๆ เราย่อมไม่ปัดความรับผิดชอบ แต่ตอนนี้ความจริงยังไม่ปรากฏ คุณชายหลิ่วมาโวยวายไร้เหตุผลเช่นนี้คงจะไม่เหมาะนัก"
สาวใช้ขานรับแล้วเดินจากไป
หยุนชางหันไปมองสตรีข้างกายที่กำลังกัดปากครุ่นคิดพลางคิดในใจว่าแม้ว่านางจะดูมีนิสัยเปิดเผยตรงไปตรงมา แต่นางก็เฉลียวฉลาดด้วย สตรีเช่นนี้เหมาะที่จะเป็นมิตรด้วยยิ่งนัก
หยุนชางจำได้ว่าตอนที่แม่นางหลิ่วเอ่ยถึงหยกแขวน นางย้ำแล้วย้ำอีกว่านั่นเป็นของล้ำค่ามากที่สามีของนางมอบให้นาง นางจึงเงียบไป เกรงว่าแม่นางหลิ่วคงจะไม่ได้ไม่รู้ แต่เพราะนางไม่อาจเปลี่ยนแปลงอะไรได้ นางจึงต้องหลอกตัวเองและคนอื่นไปเท่านั้นเอง
เมื่อเดินไปถึงหน้าประตูจวนก็เห็นชายหนุ่มหน้าตาซีดเซียวยืนอยู่หน้าประตู เขายืนขวางประตูไว้ นี่คงจะเป็นคุณชายหลิ่วกระมัง ข้างหลังพวกเขามีชายฉกรรจ์หลายสิบคน สิ่งที่เกินจริงที่สุดคือเขาหามเปลที่คลุมผ้าขาวอยู่ ที่อยู่บนนั้นดูเหมือนจะเป็นศพ ด้านนอกประตูมีผู้คนมามุงดูอยู่เป็นจำนวนมากและปิดถนนจนไม่อาจสัญจรได้อีก
หยุนชางขมวดคิ้ว ชายผู้นี้จะเหลวไหลเกินไปหน่อยแล้ว เขานำศพของแม่นางหลิ่วมาที่นี่หรือ?
"หลิ่วฮวานเซิง เจ้าจะไร้เหตุผลเกินไปแล้ว ภรรยาของเจ้าถูกวางยาพิษถึงแก่ความตาย เจ้าไปฟ้องทางการก็ได้แล้ว ทำไมเจ้าจึงได้มาก่อปัญหาที่จวนของเรา" เสิ่นอี๋หลานขมวดคิ้ว นางปล่อยมือหยุนชางและก้าวไปข้างหน้าเล็กน้อย
หลิ่วฮวานเซิงผู้นั้นไม่ตอบ ดวงตาของเขาจ้องไปยังคนข้างหลังเสิ่นอี๋หลาน ดวงตาของเขาแสดงความประหลาดใจออกมาอย่างปิดไม่มิด เสิ่นอี๋หลานหันศีรษะไปมองหยุนชางที่อยู่ด้านหลังนางและก้าวถอยหลังเพื่อบังตัวหยุนชางเอาไว้
หลิ่วฮวานเซิงขมวดคิ้ว จากนั้นก็จ้องไปที่เสิ่นอี๋หลานและถ่มน้ำลาย "ยายคนปากร้าย" จากนั้นเขาก็ตะโกนเสียงดัง "ขอให้ทุกท่านเป็นพยาน ตอนที่ภรรยาของข้าออกจากจวนเมื่อเช้านางยังสบายดีอยู่เลย แต่มาร่วมกินอาหารในงานเลี้ยงที่จวนกั๋วกงเพียงมื้อเดียว ยังไม่ทันกลับถึงจวน นางก็มีเลือดออกจากเจ็ดทวารจนตายเสียแล้ว ในงานเลี้ยงวันเกิดของจวนกั๋วกงมีพิษ!"
เสิ่นอี๋หลานขมวดคิ้วและเอ่ยว่า "หลิ่วฮวานเซิงผู้นี้จะวุ่นวายเกินไปแล้ว" นางมองหลิ่วฮวานเซิงอีกครั้งและแค่นเสียงเอ่ยว่า "ถ้างานเลี้ยงของจวนกั๋วกงมีพิษ ทำไมถึงมีภรรยาของเจ้าเพียงคนเดียวที่เกิดเรื่องขึ้นแต่คนอื่นกลับไม่เป็นอะไรเลย หรือว่าภรรยาของเจ้าไปทำให้ใครขุ่นเคืองใจเข้าจึงได้ถูกฆ่าตาย? เจ้าปรักปรำจวนกั๋วกงโดยไร้หลักฐาน แม้จะวุ่นวายจนเรื่องไปถึงฝ่าบาท ข้าก็ไม่กลัว" นางเว้นวรรคครู่หนึ่งแล้วจึงพูดขึ้นอีก "นอกจากนี้ ภรรยาของเจ้าสิ้นชีวิตแล้วและผู้ตายถือเป็นใหญ่ แต่เจ้ากลับนำศพนางมาที่หน้าจวนข้า ทำให้นางต้องตากแดดที่แผดเผา เจ้าทำเช่นนี้ไม่ผิดต่อภรรยาที่ตายไปแล้วของเจ้าหรืออย่างไร?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง
ทำไมถึงอ่านบทที่ 18 และอื่นๆต่อไปไม่ได้...