นางได้ยินเสียงลมพัดใบไม้เสียดสีและเสียงน้ำไหลดังแว่วมา หยุนชางคิดอย่างระมัดระวัง มีความคิดมากมายผ่านเข้ามาในหัวของนาง พวกเฉี่ยนอินเป็นอย่างไรบ้างแล้ว? พวกเขาจะหานางพบไหม? นางจะต้องตายอยู่ที่นี่หรือไม่? หากนางตายไปแล้ว ชิงเหยียนจะเป็นอย่างไร? เสด็จแม่กับเฉินซีจะเป็นอย่างไร?
การเกิดใหม่ในชาตินี้นางได้แก้แค้นสำเร็จแล้ว แต่ตอนนี้นางกลับมีความโลภเล็กน้อย นางต้องการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับชิงเหยียน นางอยากมีลูก ได้ดูพวกเขาเติบโตขึ้นและอยากเห็นว่าเสด็จแม่และเฉินซีสบายดี
นางจับรอยหินแยกไว้แน่น หยุนชางได้ยินเสียงฝีเท้าของผู้คนดังแว่วมา เป็นเสียงฝีเท้าของเหล่าคนชุดดำ "รอยเท้าม้ายังอยู่ นางต้องลงไปเขาไปแน่ ส่งสัญญาณให้คนที่เฝ้าอยู่ข้างล่างเฝ้าไว้ให้ดี อย่าให้ใครหนีไปได้"
หยุนชางกลั้นหายใจและมองลอดช่องว่างระหว่างกอหญ้าออกไป แต่นางมองไม่เห็นอะไรเลย ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว ฟ้ามืดลงแล้ว หยุนชางก็ยังไม่วางใจ นางกลัวว่าถ้าหากนางออกไป ทุกอย่างจะเสียเปล่า นางสงบใจลงช้าๆ พลางขดตัวซ่อนตัวอยู่ในซอกหิน ตอนกลางคืนบนภูเขาค่อนข้างเย็น ความหนาวค่อยๆ แทรกซึมเข้าไปในทุกอณูกระดูกของร่างกาย หยุนชางกัดฟัน และเพียงรู้สึกว่าร่างกายของนางค่อยๆ อุ่นขึ้น เกรงว่านางจะร้อนแล้ว
ท้องฟ้าค่อยๆ สว่างขึ้นอีกครั้ง นางยังคงค้างอยู่ในท่าเดิม ร่างกายของหยุนชางเหนื่อยล้าจนถึงขีดสุด ตอนนี้นางแทบจะขยับตัวไม่ได้เลย หยุนชางลองขยับตัวอยู่ภายในซอกหินนั้น สงสัยอยู่ในใจว่าพวกเขายอมแพ้ไปแล้วหรือไม่ เพียงแต่นางอดทนต่อไปไม่ไหวแล้ว ถ้านางยังรอต่อไปเกรงว่านางคงจะตายได้ ออกไปสำรวจเสียหน่อยจะดีกว่า
หยุนชางแหวกหญ้าและคลานออกมาจากซอกหิน ร่างกายของนางหนักราวกับถูกหินก้อนใหญ่ทับ หยุนชางขบกรามเล็กน้อย เมื่อร่างกายนางเริ่มฟื้นตัว นางก็กำกริชในมือแน่นและมุ่งหน้าไปยังทางลงเขาอย่างช้าๆ
ไม่รู้ว่านางเดินไปนานขนาดไหน แต่จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้น หัวใจของหยุนชางกระตุกวูบ นางรีบไปซ่อนอยู่หลังหินก้อนใหญ่และแอบฟังอย่างระมัดระวังอยู่ครู่หนึ่ง ดูเหมือนว่าจะมีเพียงสองคน
หยุนชางคิดในใจและได้ยินเสียงพูดว่า "คุณชาย เลิกหาเถอะ ท่านหามาทั้งคืนแล้วนะขอรับ"
หยุนชางขมวดคิ้วเล็กน้อย คุณชาย? และเมื่อฟังเสียงฝีเท้าดูแล้วก็ไม่น่าจะเป็นผู้มีวิทยายุทธ์อันใด หรือว่าไม่ใช่คนที่ตามล่านาง แต่เป็นเพียงคนธรรมดาที่เดินทางผ่านมา? นางคิดในใจและได้ยินเสียงฝีเท้าค่อยๆ ใกล้เข้ามา หยุนชางจับกริชในมือแน่นขึ้น เมื่อเห็นชายเสื้อสีน้ำเงินปรากฏขึ้นต่อหน้านางก็พุ่งเข้าไปแล้วใช้กริชจ้วงเข้าที่ร่างของชายคนนั้น
ชายคนนั้นตกใจมาก เขาก้าวถอยหลังและมองหยุนชางด้วยความงุนงง แต่ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็ฉายแววตื่นเต้นดีใจ "อาหยุน อาหยุน! เจ้าเองหรือ! เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม? เจ้าสบายดีใช่ไหม? ข้าตกใจแทบแย่"
ก่อนที่หยุนชางจะมีปฏิกิริยาตอบสนอง นางก็เห็นชายคนนั้นโถมตัวเข้ามาหานาง นางกังวลว่ากริชในมือของนางอาจทำร้ายเขา หยุนชางจึงรีบชักมือกลับ แต่กลับถูกเขากอดเข้าเต็มแรง
"หลิ่วหยินเฟิง?" หยุนชางตัวแข็งทื่อและเอ่ยปากถาม เสียงของนางแหบแห้งจนแม้แต่ตัวนางเองก็ตกตะลึง
"แม่นางช่างบังอาจนัก เมื่อวานคุณชายของข้าเห็นท่านจากไปโดยไม่ลา เขาผิดหวังเป็นอย่างมาก ตลอดทางไม่พูดอะไรเลย เมื่อเข้ามาในป่ากลับพบว่ามีศพของสายลับของท่าน คุณชายตกใจจนแทบเสียสติ เขากระโดดออกจากรถม้าและใช้เวลาทั้งคืนตามหาท่านราวกับคนบ้า แต่ท่านกลับจะเอากริชแทงเขาทันทีที่พบกัน หากคุณชายข้าถูกท่านแทงจนบาดเจ็บ ข้าสู้ตายกับท่านแน่" เด็กรับใช้ในชุดสีเทาที่เห็นเหตุการณ์ ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันและตวาดออกมา
หลิ่วหยินเฟิงหันไปถลึงตามองเขา เขาจึงหยุดพูด
"อาหยุน เจ้าบาดเจ็บหรือเปล่า? เกิดอะไรขึ้น? มีคนกำลังไล่สังหารเจ้าหรือ?" หลิ่วหยินเฟิงหันมาถามเสียงเบา เมื่อเห็นท่าทางอึดอัดของหยุนชาง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความทะนุถนอม
"สตรี?" หลิ่วหยินเฟิงรู้สึกประหลาดเล็กน้อย ทำไมหยุนชางจึงพูดเช่นนี้ หลังจากพิจารณาอย่างถี่ถ้วนอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็กล่าวออกมาโดยไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี "ก่อนหน้านี้เจ้าเคยแอบสืบเรื่องของข้าหรือ? ได้ยินมาว่าข้าเป็นชายรักชายหรือ?"
หยุนชางพยักหน้า
หลิ่วหยินเฟิงเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยว่า "กรรมตามสนองข้าแล้วจริงๆ ข้าไม่ได้ชอบผู้ชายและไม่ได้มีมิตรภาพลึกซึ้งกับท่านอ๋องเจ็ดด้วย เพียงแต่ครั้งหนึ่งในวันเกิดของหลิ่วเฟย ข้าดื่มกับท่านอ๋องเจ็ดจนเมามาย ตอนที่ข้าเมานั้นอาจทำอะไรที่ทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิดไปจึงได้ลือออกไปเช่นนั้น ในเมืองจิ่นมีแม่สื่อมาหาข้าไม่น้อย ข้าไม่อยากแต่งงานจึงปล่อยให้ข่าวลือไปไกลขึ้นเรื่อยๆ ข้าชอบเจ้านั้นเป็นเรื่องจริง แต่ข้าก็ไม่อยากให้เจ้าทำตัวเหินห่างจากข้าด้วยเรื่องนี้ เจ้าไม่ต้องห่วง ข้าไม่คิดจะแย่งเจ้ามาจากข้างกายของรุ่ยอ๋องหรอก เจ้า... ลงเขาไปกับข้าดีไหม?"
หยุนชางเงียบไปครู่หนึ่งแล้วจึงพยักหน้าพลางคิดในใจว่านางคงจะโดนลมหนาวเมื่อคืนพัดอยู่นานเกินไป สมองของนางจึงไม่ค่อยมีสตินัก นางดึงมุมเสื้อของหลิ่วหยินเฟิงแล้วฝืนพูด "ช่วยข้าหาพวกเฉี่ยนอิน"
หลิ่วหยินเฟิงพยักหน้า "คนของข้ากำลังค้นหาบนภูเขา จะต้องพบพวกเขาอย่างแน่นอน... "
หยุนชางกระตุกยิ้มที่มุมปาก ความโศกเศร้าแผ่ซ่านอยู่ในใจของนาง หากยังอยู่ต้องเห็นตัวตายต้องเห็นศพ หลิ่วหยินเฟิงยื่นมือไปพยุงหยุนชาง เขาลังเลเล็กน้อยแล้วจึงดึงมือกลับและเอ่ยเสียงเบาว่า "เจ้าเดินเองได้ไหม?"
หยุนชางพยักหน้าพลางก้าวเดินไปข้างหน้า เพียงแต่เมื่อก้าวออกไป นางก็รู้สึกว่าโลกหมุนไปทั้งใบ ร่างนางโงนเงนและเซถลาไปข้างหน้าอย่างแรง
"อาหยุน" หลิ่วหยินเฟิงรีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อประคองนางและอุ้มร่างของนางขึ้น เขาพูดกับผู้ติดตามที่ตกใจอยู่ข้างหลังเขาว่า "เร็ว ไปนำรถม้ามา"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง
ทำไมถึงอ่านบทที่ 18 และอื่นๆต่อไปไม่ได้...