ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง นิยาย บท 500

หยุนชางยิ้ม เงยหน้าขึ้นมองไปที่หลี่เชียน "โบราณกล่าวว่ากินข้าวตามใจปากได้ แต่วาจานั้นหากจะกล่าวต้องไตร่ตรองให้ดี สิ่งที่ใต้เท้าหลี่กล่าวมานั้นมีหลักฐานหรือไม่? อีกทั้งเรื่องนี้ฝ่าบาทของทางแคว้นได้มอบหมายให้คุณชายหลิ่วรับผิดชอบ แม้ว่าคนที่รับผิดชอบจะมิใช่คุณชายหลิ่ว แต่ใต้เท้าหลี่เป็นเพียงแต่ผู้บัญชาการกองบัญชาการองครักษ์ เจ้ามีสิทธิ์กระไรมาสืบสวนคดีนี้หรือ?"

หลี่เฉียนยิ้มอย่างเย็นชา "ข้าไม่มีสิทธิ์ แต่แน่นอกมีคนมีสิทธิ์นี้ อีกทั้งข้ามีหลักฐานอยู่ในมือ หน้าที่ของข้าเป็นตำแหน่งสำคัญปกป้องแคว้นเซี่ย เช่นนี้ข้าจำเป็นต้องทำงานให้กับประชาชน และจะไม่ปล่อยให้เจ้าทำชั่วในแคว้นเซี่ยอย่างแน่นอน"

"โอ้?" หยุนชางเลิกคิ้วราวกับกำลังดูเรื่องตลก "หลักฐานของท่านคืออะไรหรือ?"

หลี่เฉี่ยนยกมือขึ้นและพูดว่า "นำของนั้นขึ้นมา"

หยุนชางหันไปมองข้างหลัง และเห็นองครักษ์เดินขึ้นมาพร้อมกับกระดาษ หลี่เชียนยิ้มอย่างเย็นชา "พวกเราพบตรวจสอบชัดเจนแล้ว หวังจิ้นฮวนถูกวางยาพิษด้วยยาสัตตนิทรา จึงได้เสียสติไป และเราก็ตรวจสอบชัดเจนแล้วว่า หลายวันมานี้มีเพียงแค่เจ้าและหญิงสาวอีกหนึ่งคนที่เคยไปซื้อสมุนไพรที่นำมาปรุงเป็นยาสัตตนิทรา"

หยุนชางพยักหน้าเบา ๆ "ฉะนั้น?"

"ฉะนั้นเจ้าเป็นคนวางยาสัตตนิทรา" หลี่เชียนกล่าวอย่างดุร้าย

"หือ? ท่านบอกว่านอกจากข้าแล้วมีผู้หญิงอีกหนึ่งคนที่ซื้อหรือ? และท่านก็ควรทราบด้วยว่า ข้าซื้อของเหล่านี้หลังจากที่เกิดเหตุนั้นขึ้น" หยุนชางหรี่ตาเล็กน้อยและมองไปที่หลี่เชียนพร้อมกล่าวอย่างเย็นชา

หลี่เชียนเลิกคิ้วขึ้น "ข้าทราบดี แต่ว่าข้าทราบอีกว่าคนที่ไปซื้อยาสมุนไพรนำมาปรุงยาสัตตนิทรานั้นเป็นคนของเจ้า วันนี้มีคนเห็นเจ้าเดินเข้าไปในตรอกพร้อมนางที่ทะเลสาบจันทร์เสี้ยว และเราจับตัวนางได้แล้ว อีกทั้งนางยอมรับว่าเป็นคนของเจ้า"

"คนของข้าหรือ?" หยุนชางอดหัวเราะไม่ได้เมื่อได้ยินเช่นนี้ "แต่ข้ากลับไม่ทราบว่านางเป็นคนของข้า"

"นั่นมันคือเรื่องของพวกเจ้า ลูกน้องของเจ้ารับสารภาพแล้ว และกล่าวว่าอาวุธสังหารนั้นอยู่ในเรือนรับรอง ข้าได้ส่งคนไปค้นแล้ว เจ้ามิต้องรีบร้อนอีกไม่นานเจ้าก็จะได้เห็นมัน" หลี่เชียนยิ้มเยาะเย้ย "ทหาร นำตัวนางเข้าคุกก่อน"

หยุนชางยิ้ม "ข้าเดินเองก็ย่อมได้ มิต้องรบกวนพวกเจ้าหรอก" หลังจากพูดจบ หยุนชางก็ตามองครักษ์ที่เดินอยู่ข้างหน้าไป มุ่งตรงไปที่เรือนจำ

เรือนจำไม่ใช่เรือนจำจริง แต่เป็นเพียงสถานที่ที่กองบัญชาการเอาไว้ลงโทษองครักษ์ที่ทำผิด ห้องนั้นแคบและชื้นมาก ทั้งหมดมีเพียงสี่ห้าห้อง ประตูของหนึ่งในนั้นถูกเปิดออก องครักษ์ที่อยู่ข้างหลังนางก็ผลักหยุนชาง หยุนชางล้มเข้าไปด้านใน จากนั้นเสียงปิดประตูก็ดังขึ้น

หยุนชางมองไปที่ประตูห้องขัง ยิ้มอย่างเย็นชา และหันไปมองดูรอบๆ ห้องขัง นอกจากที่มุมหนึ่งที่มีกองฟางแล้ว มุมอื่นๆ นั้นก่อขึ้นด้วยหินชื้น หยุนชางเดินไปจับที่กองฟาง กองฟางนั้นก็เปียกชื้นเล็กน้อย นางถอนหายใจ สุดท้ายหยุนชางมิได้นั่งลงไป

นางคิดในใจ นางกลัวว่าจะมีคนทราบตัวตนที่แท้จริงของนางแล้ว แต่อีกฝ่ายคงไม่ทราบว่าลั่วชิงเหยียนติดตามหลิ่วหยินเฟิง มิเช่นนั้นพวกเขาก็คงไม่ใช้ข้ออ้างแบบนั้นจับตัวนางเข้ามาที่กองบัญชาการองครักษ์

เพียงแต่ว่าในเมื่อจับตัวนางเข้ากองบัญชาการองครักษ์แล้ว เหตุใดจึงต้องแสดงละครเช่นนั้นด้วย? หยุนชางกำลังสับสนอยู่ในใจ แต่จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงดังก้องข้างหลัง หยุนชางผงะ นางรับหันกลับไปมองและพบว่ากำแพงหินข้างหลังนั้นเคลื่อนที่ไปข้างบนอย่างกะทันหัน และเผยอุโมงค์ลับออกมา

หยุนชางยังไม่ทันคิดได้ นางก็เห็นเงาร่างสองสามคนวิ่งออกมาจากอุโมงค์ลับ แล้วจับตัวหยุนชางและดึงเข้าไปด้านใน หยุนชางมิได้ตั้งตัว เมื่อนางนึกอยากจะขัดขืน แต่นางกลับถูกดึงเข้าอุโมงค์ลับไปแล้ว จากนั้นประตูหินก็เคลื่อนที่กลับมา

มีคบไฟจุดขึ้นในอุโมงค์ลับ หยุนชางเห็นว่าคนเหล่านั้นล้วนสวมชุดสีดำ และปิดหน้าเอาไว้ เห็นเพียงแต่ลูกตา

หยุนชางจึงได้กระจ่างทันทีว่า เหตุใดนางจึงถูกพาตัวมาที่กองบัญชาการองครักษ์ ก็เพราะที่นี่มีอุโมงค์ลับยังไงล่ะ เหตุใดชายที่มีชื่อว่าหลี่เชียนจึงแสร้งทำเป็นถามนางอยู่นาน ที่แท้ก็เพราะว่าพวกเขาทราบดีว่าต้องมีสายลับตามนางมา และละครนั้นก็เล่นให้สายลับดู เพื่อให้สายลับคิดว่าพวกเขาไม่ทราบตัวตนของหยุนชาง ให้สายลับคิดว่านางถูกจับเข้าไปในคุก และเมื่อสายลับนึกขึ้นมาได้ เมื่อนั้นก็คงหานางไม่เจอแล้วล่ะ

มีเสียงเปิดประตู "อี๊ดแอ๊ด" ดังขึ้น หยุนชางถูกแบกเข้าไป จากนั้นก็วางลงบนเบาะ

"นายขอรับ ต้องการให้ปลุกนางตื่นหรือไม่ขอรับ" มีคนถามด้วยเสียงเบาๆ

"อืม" เสียงที่นุ่มนวล ดูเหมือนอ่อนแรงเล็กน้อย หยุนชางทราบตัวตนของคนที่ถูกแทนชื่อว่า "นาย" นี้แล้ว

ปลายจมูกของนางได้กลิ่นฉุนรุนแรงอย่างกะทันหัน หยุนชางขมวดคิ้ว ลืมตาช้าๆ แววตาของนางเผยความงุนงงเล็กน้อย ราวกับว่านาง ถูกแสงที่ส่องเข้ามาแยงตา หยุนชางยกมือขึ้นและปิดตาไว้ จากนั้นจึงกล่าวด้วยความสงสัยว่า "ที่นี่คือที่ใดหรือ?"

"พระชายารุ่ยอ๋องใส่หน้ากากเอาไว้ อีกทั้งยังต้องเปลี่ยนเสียงของตนเวลาพูดคุยกับคนอื่น เป็นเช่นนี้ไม่เหนื่อยหรือ?" เสียงนุ่มนวลนั้นดังขึ้น หยุนชางขมวดคิ้ว หันไปมองตามทางที่เสียงดังมา แต่ก็พบเพียงฉากกั้น และเงาร่างของคนที่เผยออกมาบนฉากกั้นอย่างจางๆ

"เจ้าเป็นใคร?" หยุนชางขมวดคิ้วและถามเบาๆ

มีเสียงหัวเราะดังมาจากด้านหลังฉากกั้น "พระชายารุ่ยอ๋องหลอกพวกเราทุกคนให้ปักใจเชื่อ หากมิใช่เพราะดวงตาและกลิ่นหอมดอกบ๊วยบนตัวเจ้านั้นพิเศษเกินไป ข้าเกือบจะคิดว่าเกิดอะไรขึ้นกลับพระชายาแล้วล่ะ"

หยุนชางยกมือลูบหน้าผาก ยิ้มแล้วพูดว่า "ในเมืองจิ่นนี้มีคนอยากสังหารข้ามากมายเหลือเกิน เช่นนั้นข้าจึงต้องใส่หน้ากากยังไงล่ะ แต่แม้จะเป็นเช่นนี้ ก็ถูกเจ้าจับตัวมาที่นี่จนได้! ว่ามาเถิด เจ้าคิดอยากทำกระไร?"

"ทำกระไรหรือ? พระชายารุ่ยอ๋องมิทราบหรือว่า มีคนมากมายจ้องจะเล่นงานพระชายารุ่ยอ๋อง บ้างก็หลงใหลในความงามของพระชายารุ่ยอ๋อง แต่ส่วนมากอยากให้พระชายารุ่ยอ๋องเป็นตัวประกัน เพื่อหลอกให้เขาหลงกับดักและจัดการกับรุ่ยอ๋องเสีย" คนที่อยู่หลังฉากกั้นยืดมือขึ้นกำเป็นกำปั้นแล้ววางมือตรงริมฝีปาก หยุนชางก็ได้ยินเสียงไอเบาๆ ดังขึ้น

"โอ้? ถ้าอย่างนั้น เจ้าคือแบบที่สองหรือ?" หยุนชางกล่าวอย่างเฉยเมย "เพียงแต่ว่าหากเจ้าต้องการที่จะหลอกให้รุ่ยอ๋องมาช่วยข้า เจ้าทำเช่นนี้ไม่ค่อยฉลาดนัก เจ้าปิดบังเบาะแสทุกอย่างของข้า แล้วรุ่ยอ๋องจะหาข้าเจอได้อย่างไรหรือ?"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง