"เสิ่นซู่เฟย?" ใบหน้าของหยุนชางประหลาดใจเล็กน้อย และหลังจากเงียบไปนาน นางจึงพูดขึ้นมาด้วยความรู้สึกแปลกใจว่า "แต่หม่อมฉันและเสิ่นซู่เฟยมิได้มีความคับแค้นใจใดๆ ต่อกัน แล้วเหตุใดนางจึงต้องส่งคนมาลอบสังหารหม่อมฉันเพคะ?"
ฮองเฮาเม้มริมฝีปากอย่างเย็นชาและถอนหายใจเบา ๆ " เจ้ามิได้มีความคับแค้นใดกับนางก็จริง แต่ แต่อย่าลืมว่าเสิ่นซู่เฟยมีบุตรชาย องค์ชายสิบเอ็ดถือว่าเป็นองค์ชายที่มากความสามารถทั้งทางวิชาการและศิลปะการต่อสู้ ฉะนั้นจึงได้รับคำชื่นชมและของรางวัลจากฝ่าบาทเสมอ ตอนนี้องค์รัชทายาทสิ้นพระชนม์แล้ว และอ๋องเจ็ดก็ล้มป่วย เดิมทีองค์ชายสิบเอ็ดนั้นมีโอกาสที่จะได้ครองบัลลังก์นั้น แต่จู่ๆ รุ่ยอ๋องก็โพล่มาก รุ่ยอ๋องนั้นกล้าหาญและชาญฉลาด แน่นอนว่าต้องได้รับความโปรดปรานของฝ่าบาท เสิ่นซู่เฟยเห็นว่าบัลลังก์ที่กว่าจะได้มาเริ่มห่างจากมือองค์ชายสิบเอ็ดไป แน่นอนว่านางต้องไม่พอใจอย่างมาก และเจ้า... เจ้าคือพระชายารุ่ยอ๋อง ที่รุ่ยอ๋องให้ความสำคัญมากที่สุด นางก็ย่อมต้องโจมตีเจ้าโดยธรรมชาติ"
หยุนชางขมวดคิ้วเมื่อได้ยินฮองเฮากล่าวเช่นนี้ สีหน้าของนางลำบากใจเล็กน้อย "แต่ท่านอ๋องมิเคยคิดจะแย่งอะไรจากองค์ชายสิบเอ็ดเลยเพคะ......หากพูดถึงอำนาจ เมื่อครั้งอยู่แคว้นหนิง รุ่ยอ๋องก็มีอำนาจสูงระดับที่อยู่ภายใต้ฝ่าบาทเพียงคนเดียว แต่อยู่เหนือทุกคน หากเสด็จพ่อไม่มีทายาท ไม่ช้าก็เร็วบัลลังก์แคว้นหนิงก็จะตกเป็นของท่านอ๋อง ท่านอ๋องเลือกที่จะกลับมาที่แคว้นเซี่ยก็เพื่ออยากอยู่กับครอบครัวของตน ท่านอ๋องไม่มีบิดามารดามาตั้งแต่เด็ก จึงรู้สึกเดียวดายอยู่เสมอ ตอนหลังเมื่อได้ทราบตัวตนที่แท้จริงแล้ว เขาก็เห็นว่านี่เป็นสิ่งที่มีค่าอย่างมากเพคะ"
ฮองเฮาถอนหายใจเบา ๆ ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความผิดหวัง " คนอย่างเสิ่นซู่เฟยก็เป็นเช่นนี้ เดิมทีนางเป็นนางกำนัลของข้า ข้าจึงรู้จักนางเป็นอย่างดี คนอย่างนางสามารถทำได้ทุกอย่างเพื่อได้บรรลุเป้าหมายของตน นางต้องการตำแหน่งพระราชินี ต้องการตำแหน่งพระพันปี ฉะนั้นจึงคิดต้องการขจัดทุกคนที่ขัดขวางนางออกไป อีกทั้งฝ่าบาททรงถูกภาพที่น่าสงสารของนางปิดตาเอาไว้ พระองค์ไม่เคยเชื่อข้าเลย นางทำเช่นนี้กับเจ้า หากว่าเจ้าอยากจะแก้แค้น ข้า... ยินดีร่วมมือกับเจ้า"
หยุนชางลุกขึ้นนั่งช้าๆ นางจ้องมองไปที่ฮองเฮา รอยยิ้มที่เย็นชาบนใบหน้าของฮองเฮาชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ "เจ้าเป็นคนฉลาด เจ้ารู้อย่างแน่นอนว่าสิ่งที่ข้ากล่าวมานั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่ คนที่ต้องการทำร้ายเจ้าคือเสิ่นซู่เฟยหรือไม่ เสิ่นซู่เฟยวางแผนทุกอย่าง หากว่าเจ้าเลือกที่จะถอย สักวันเจ้าจะไม่เหลือทางให้ถอยอย่างแน่นอน เจ้าจะสู้สุดแรงหรือถอยต่อไป ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเจ้า"
หยุนชางค่อย ๆ ลูบนิ้วของตน มุมปากของนางโค้งงอขึ้น ฟังฮองเฮาค่อยๆ ล่อหลวงนาง รอยยิ้มในแววตาของนางชัดเจนกว่าเดิม "แต่ที่นี่คือแคว้นเซี่ยเพคะ หม่อมฉันไม่มีอำนาจใดๆ เมื่ออยู่ที่นี่ แม้ว่าหม่อมฉันอยากแก้แค้นเพียงใด แต่ก็ไม่สามารถทำกระไรได้เพคะ"
ฮองเฮารอให้หยุนชางกล่าวเช่นนี้นั่นแหละ เมื่อได้ยินเช่นนี้นางก็หัวเราะขึ้นมา " หากจะพูดถึงเรื่องอำนาจ ในวังหลังนี้มีใครสามารถเทียบกับข้าได้หรือ? เสิ่นซู่เฟยไม่พอใจในตัวข้า แน่นอนนางต้องหาทุกวิถีทางเพื่อใส่ร้ายข้า แต่นางระแวงข้าและพยายามกันข้าไว้ ข้าหาจุดอ่อนของนางไม่เจอเสียที หากว่าชางเอ๋อร์ยอมร่วมมือกับข้า นางสารเลวนั่นหนีไปไหนมิได้หรอก"
หยุนชางเงียบอยู่นาน จากนั้นก็เงยหน้าขึ้น แววตาของนางเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น "เอาล่ะ หม่อมฉันยินดีร่วมมือกับฮองเฮา ท่านอ๋องนั้นดีกับหม่อมฉันอย่างมาก เช่นนี้ข้าจะไม่กลายเป็นตัวถ่วงของท่านอ๋องอย่างแน่นอน"
ฮองเฮายิ้มเล็กน้อยเมื่อได้ยินเช่นนี้ "คนมีความสามารถก็ต้องร่วมมือกับคนที่มีประโยชน์ ข้าจะไม่ทำให้ชางเอ๋อร์ผิดหวังอย่างแน่นอน"
หยุนชางยิ้มและพยักหน้ามองไปที่ฮองเฮา "พระราชินีจะทำอย่างไรหรือ?"
"ชางเอ๋อร์จำแม่หญิงชิงหมิงที่เต้นรำในงานเลี้ยงวันเกิดของข้าในวังนี้ได้หรือไม่?" ฮองเฮายกแก้วน้ำชาขึ้นและเปิดฝาอย่างช้าๆ ทันใดนั้นในอากาศก็อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของดอกกุหลาบ
หยุนชางก้มหน้าลงและพยักหน้าอย่างรวดเร็ว "จำได้เพคะ"
"แม่หญิงชิงหมิงเติบโตมาพร้อมเสิ่นซู่เฟย แต่ทั้งสองกับเข้ากันไม่ได้ เสิ่นซู่เฟยเจ้าเล่ห์อย่างมาก ส่วนชิงหมิงนั่นก็ร้ายไม่เบาเช่นกัน ข้าอยากให้ชิงหมิงได้รับความโปรดปราน และสามารถอยู่ในวังนี้ต่อไปได้อย่างมิต้องปิดบังใคร" ฮองเฮากล่าวเบาๆ
"หากเป็นเช่นนี้ พระราชินีบอกกับฝ่าบาทก็ทำได้แล้วมิใช่หรือเพคะ?" หยุนชางขมวดคิ้ว
หยุนชางพยักหน้า "เจ้ารู้ว่าผิดก็ดีแล้ว เจ้าคอยติดตามข้าฉะนั้นต้องระวังให้มาก อย่าได้ประมาทเด็ดขาด"
เฉี่ยนจั๋วพยักหน้าอย่างรวดเร็ว เฉี่ยนหลิ่วเงียบไปครู่หนึ่งแล้วถามขึ้นมาว่า " แต่ทว่าในเมื่อพระชายาทราบว่ามีคนแอบฟัง แล้วเหตุใดท่านจึงกล่าวอีกว่าใช้อำนาจของตระกูลซูเครื่องมือเพคะ?"
หยุนชางหัวเราะเบาๆ "แม้ว่าข้าจะไม่รู้จักตัวตนของพระราชินีมากนัก แต่นางอยู่ในตำแหน่งพระราชินี ข้าเกรงว่านางก็คงไม่เชื่อใจข้าเช่นกัน หากว่าข้าแสดงความตั้งใจที่อยากร่วมมือกับนางอย่างรีบร้อนจะทำให้นางสงสัย แต่หากข้าแสร้งทำเป็นยอมรับตรง ๆ ว่าข้าเข้าใกล้นางเพราะมีเป้าหมายบางอย่าง เช่นนี้จะทำให้นางรู้สึกวางใจได้มากขึ้น"
เฉี่ยนหลิ่วพยักหน้าด้วยความตรัสรู้ แววตาของนางเต็มไปด้วยความครุ่นคิด
เมื่อกลับไปที่จวนรุ่ยอ๋อง หยุนชางก็สั่งให้เฉี่ยนอินไปตามคนให้ส่งข่าวไปที่หอเฉียนสุ่ยอี้เหริน โดยกล่าวว่าช่วงนี้ให้พวกนางออกเครื่องประดับรูปแบบใหม่ๆ เยอะหน่อย ทันทีที่เฉี่ยนอินถอยลงไป หยุนชางก็ได้ยินเสียงถวายบังคมของสาวใช้ดังมาจากด้านนอก ลั่วชิงเหยียนกลับมาแล้ว
หยุนชางรีบเข้าไปทักทายเขา แล้วรับเสื้อคลุมที่ลั่วชิงเหยียนถอดออกเอาไว้ พร้อมกล่าวด้วยเสียงเบาๆ ว่า "วันนี้ทุกอย่างราบรื่นดีหรือไม่?"
"ลั่วชิงเหยียนพยักหน้าเบา ๆ แล้วยื่นเอกสารในมือให้หยุนชาง มีนางงามกลุ่มนี้มีทั้งหมด 108 คน เหล่าขุนนางได้ตรวจสอบแล้ว ไม่พบอะไรที่ซับซ้อน แคว้นเซี่ยมาการเลือกนางงามทุกๆ สามปี ทางกรมพิธีการได้จัดงานเช่นนี้มาหลายต่อหลายครั้งแล้ว ทุกอย่างจึงเป็นระเบียบดี ลั่วชิงเหยียนเดินเข้าไปในห้องทรงแล้วล้างมือ จากนั้นก็กลับมาในห้องแล้วพบว่าหยุนชางกำลังดูเอกสารที่มีรายชื่อนางงามอย่างละเอียด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง
ทำไมถึงอ่านบทที่ 18 และอื่นๆต่อไปไม่ได้...