หยุนชางพลันเห็นสตรีที่ยืนอยู่ข้างฮูหยินกั๋วกงนั้น นางเพียงชำเลืองมองเล็กน้อย เกรงว่านางคือฮวาอวี้ถงกระมัง หยุนชางจึงนั่งลง พร้อมพูดหยอกล้อขึ้นมาว่า "ข้างกายท่านยายมีคนคอยดูแลเช่นนี้ ท่านยายคงลืมชางเอ๋อร์ไปแล้วกระมัง"
"ปากเสีย" ฮูหยินกั๋วกงพลันเอ่ยหัวเราะออกมาพร้อมดึงฮวาอวี้ถงเข้ามาว่า "นางคืออวี้ถง. เป็นหลานสาวของท่านตาเจ้า หากเรียงตามความอาวุโสแล้ว ต้องมีลำดับมากกว่าเจ้า ทว่าอายุพวกเจ้านั้นห่างกันไม่มาก เพียงเอ่ยชื่อเรียกกันก็พอ"
หยุนชางได้ยินเช่นนั้น จึงพยักหน้าหันไปทางฮวาอวี้ถง "เช่นนั้นข้าจะเรียกเจ้าว่าถงเอ๋อร์ ส่วนเจ้าก็เรียกข้าว่าชางเอ๋อร์ เช่นนั้นเป็นอย่างไร"
ฮวาอวี้ถงพลางยิ้มรับ พร้อมถอนหายใจออกมา "หม่อมฉันถึงเวลาจะต้องไปร่ำเรียนมารยาทกับมามาแล้ว เช่นนั้นวันนี้ให้ชางเอ๋อร์อยู่เป็นเพื่อนป้าสะใภ้ใหญ่ ป้าสะใภ้ใหญ่คงไม่รู้สึกเหงามากกระมัง"
ฮูหยินกั๋วกงพลางโบกมือให้ฮวาอวี้ถงไปมา "ไปเถอะ. เจ้าต้องตั้งใจเรียนให้ดี เจ้ามิควรละเลยการเรียนกฏเกณฑ์มารยาทเหล่านี้ไป มิเช่นนั้นต่อไปภายภาคหน้าจะลำบากเอาได้ ข้าจักไปถามมามาที่หลังว่าเจ้าเรียนเป็นเช่นไรบ้าง"
ฮวาอวี้ถงยิ้มรับพร้อมหันไปหาหยุนชางว่า "ชางเอ๋อร์เจ้าดูสิ ท่านยายผู้นี้ใจร้ายเสียจริง". เมื่อพูดจบพลางเดินหัวเราะคิกคักออกไป
หยุนชางอดไม่ได้ที่จะกระตุกยิ้มขึ้นมา พร้อมพูดว่า "ถงเอ๋อร์ช่างเป็นสครีที่มีอารมณ์ขันเสียจริง"
ฮูหยินกั๋วกงได้ยินดังนั้น พลางยิ้มแล้วพยักหน้าเล็กน้อย ทว่าสายตากลับปรากฏความกังวลใจออกมา หยุนชางที่สายตาจับจ้องไปยังฮูหยินกั๋วกงนั้น เมื่อเห็นว่าสีหน้าแสดงถึงความกังวล จึงเอ่ยปากถามว่า "หม่อมฉันเห็นรายชื่อนางสนมในปีนี้แล้ว กลับเห็นรายชื่อถงเอ๋อร์ ท่านตาอยากให้ถงเอ๋อร์เข้าวังงั้นหรือ ? "
ฮูหยินกั๋วกงได้ยินดังนั้นพลันตกตะลึง เพียงครู่หนึ่งก็พยักหน้ารับ "ปีนี้. แต่เดิมจวนกั๋วกงไม่เคยที่จะเข้าไปยุ่งกับเรื่องราวในการเมือง ในราชสำนักหรือวังหลัง หากแต่เมื่อก่อนกลับคิดเพียงแค่ ว่าเป็นเช่นนี้ดีแล้ว ทว่าตอนนี้กลับรู้สึกเสียดายยิ่งนัก ทั้งในวังหลังหรือในพระราชสำนักล้วนแต่ไม่มีผู้ได้สามารถคอยช่วยเหลือหรือคอยดูแลได้ จะทำการอันใดสักอย่างล้วนแต่ไม่สะดวกยิ่งนัก"
หยุนชางได้ยินดังนั้น จึงเดินเข้าไปใกล้ฮูหยินกั๋วกง พลางกระซิบเบาๆ ว่า "ชางเอ๋อร์เข้าใจถึงเจตนาของท่านตาและท่านยายที่ทำเพื่อท่านอ๋อง ทว่าถงเอ๋อร์เป็นสตรีที่อายุเพียงสิบหกย่างเข้าสิบเจ็บปีเท่านั้น อีกทั้งฝ่าบาทอายุถึงห้าสิบปีแล้ว ลักษณะนิสัยของถงเอ๋อร์ยังอ่อนหวาน สถานที่เช่นวังหลังนั้น เกรงว่าจะไม่ค่อยเหมาะกับนางเท่าใดนัก " หยุนชางหยุดพักไปสักช่วงหนึ่ง จึงพูดขึ้นมาว่า "ท่านยายวางใจเถอะ งานคัดเลือกนางสนมในครั้งนี้ ท่านอ๋องกับชางเอ๋อร์ล้วนแต่วางแผนไว้หมดแล้ว"
ฮูหยินกั๋วกงได้ยินเช่นนั้น พลางดึงมือหยุนชางมากุมไว้ แล้วบอกเบา ๆ ว่า "ท่านยายรู้ว่าพวกเจ้าเป็นคนเก่ง ทว่าทั้งตระกูลหลิ่วและตระกูลซูล้วนแต่มีนางสนมหมดแล้ว เหลือเพียงพวกเราตระกูลฮวายังไม่เคยมีนางสนมเลยแม้แต่คนเดียว. เกรงว่าจะถูกพูดลับหลังเอาได้ เรื่องนี้มิได้เกี่ยวข้องอันใดกับชิงเหยียนเลยแม้แต่น้อย"
เมื่อพูดจบ ฮูหยินกั๋วกงก็เริ่มเปิดประเด็นพูดคุยขึ้นมาอีกครั้ง "ได้ยินมาว่าเมื่อวานเจ้าถูกใส่ร้าย เป็นผู้วางยาผงหานซือส่าน เมื่อรู้ข่าวทำให้ท่านยายกังวลใจยิ่งนัก เมื่อวานจึงรีบให้ท่านตาไปสืบความจึงพบว่าเจ้ามิได้เป็นอันใดมาก ทว่า เรื่องเป็นมายังไงนั้นข้าไม่รู้เรื่องเลยแม้แต่น้อย เจ้ารีบเล่าให้ท่านยายฟังเร็วแท้จริงแล้วเรื่องเป็นเช่นไร ?"
หยุนชางจึงปฏิบัติตามที่ฮูหยินกั๋วกงกล่าว พร้อมเล่าถึงเหตุการณ์เมื่อวานที่เกิดขึ้นให้ฟัง
ฮูหยินกั๋วกงได้ยินเช่นนั้น พลันครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ พลางถอนหายใจเบา ๆ ออกมา " แม้ว่าครั้งนี้ฝ่าบาทจะทรงขอให้ฮองเฮาช่วยเหลือ ทว่าพระองค์ก็ไม่ค่อยพอใจฮองเฮามากนัก เนื่องจากว่าอำนาจของตระกูลซู เกรงว่าตระกูลซูจะค่อย ๆ ล้มสลายไปในไม่ช้า หากแต่ฝ่าบาทเองก็กำลังเฝ้ารอโอกาสนี้อยู่ ตั้งแต่ที่ซูหรูจีได้ขึ้นเป็นฮองเฮานั้น ตระกูลซูก็หยิ่งผยองขึ้นทุกวัน รวมถึงอำนาจที่แผ่ขยายออกมา จึงทำให้ฝ่าบาทได้แต่เก็บงำความไม่พอนั้นไว้ ทว่าซูฉีก็ยังไม่รู้จักการถ่อมตน นับวันยิ่งแต่ทวีคูณความเย่อหยิ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ ฝ่าบาทมิใช่คนโง่ เขาไม่สามารถทนกับการกดขี่หรือถูกใช้เป็นหุ่นเชิดเช่นนี้ได้อยู่แล้ว"
เมื่อนึกถึงงานแต่งของลั่วอี้และเฉียนยินขึ้นมา หยุนชางพลันนึกขึ้นมาได้เรื่องหนึ่ง จึงกวักมือบอกลั่วอี้ "เจ้าตามข้าเข้ามาในห้องเสีย"
ลั่วอี้มิค่อยเข้าใจนัก ทว่ากลับเดินตามหยุนชางเข้ามาในห้อง เฉี่ยนจั๋วพลันรีบร้อนรินน้ำชาให้หยุนชาง หยุนชางเพียงดื่มชาไปได้อึกเดียว จึงเงยหน้าขึ้นมามองลั่วอี้ "เกรงว่าท่านอ๋องเคยบอกกล่าวเจ้าแล้วกระมัง เรื่องงานแต่งเจ้าและเฉียนยิน"
ลั่วอี้ได้ยินเช่นนั้น ทั่วร่างพลันรู้สึกแข็งทื่อขึ้นมา แล้วจึงรีบพยักหน้าราวกลับหุ่นเชิดไม้ เพียงชั่วครู่จึงแย้มยิ้มออกมา
หยุนชางจึงอดไม่ได้ที่จะยิ้มตาม ไม่แปลกใจที่เฉียนยินจะเรียกเขาว่าคนโง่เง่า เป็นดั่งที่นางพูดจริง ๆ
"หลังจากที่เจ้ากลับมาในครั้งนี้ เจ้าได้พบกับเฉียนยินบ้างหรือยัง ? " หยุนชางกลับถามคำถามกลับไปแทน
ลั่วอี้มิได้เอ่ยอันใด ทว่ากลับพยักหน้าเพียงเล็กน้อย
หยุนชางเห็นสีหน้าของเขาที่ดูอึดอัดเล็กน้อย จึงพูดต่อว่า "ถ้าเช่นนั้น เรื่องราวของเฉียนยินเจ้าก็คงรู้เรื่องแล้วว่า เฉียนยินได้รับบาดเจ็บสาหัส. แม้ว่าจนถึงตอนนี้อาการจะยังไม่ดีขึ้นทั้งหมด นางกลัวว่าข้าจะกังวลเรื่องของนาง ทุกครั้งที่อยู่ต่อหน้าข้านางมักจะทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น เป็นสตรีที่สามารถทำให้ผู้คนรู้สึกปวดใจยิ่งนัก ก่อนหน้านั้นความรักของพวกเจ้าทั้งสองเป็นข้าที่เคยคิดจะยกนางให้กับเจ้า. ทว่า เฉียนยินกลับคิดว่าตอนนี้ นางมีสภาพเช่นนั้นไปแล้ว จึงมิอยากทำให้เจ้าต้องลำบากใจ จึงไม่ยอมเอ่ยตกลง ข้ารู้ว่านี่เป็นเพียงภารกิจของพวกเจ้าที่ให้พวกเจ้าแต่งงานหลอก ๆ วันนี้เฉียนยินไม่อยู่ ข้าอยากจะถามเจ้าสักสองสามคำ ขอให้เจ้าตอบข้ามาตามตรง"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง
ทำไมถึงอ่านบทที่ 18 และอื่นๆต่อไปไม่ได้...