ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง นิยาย บท 592

ลั่วชิงเหยียนมิได้เอ่ยอันใดออกมา เมื่อได้ยินหยุนชางกล่าวว่ารู้สึกว่าไม่สบายเล็กน้อย คิ้วพลันขมวดลง "ตอนนี่เจ้าตั้งครรถ์แล้ว อย่าได้กังวลเกี่ยวกับปัญหาพวกนั้น ข้าจะส่งเจ้ากลับจวนก่อน"

หยุนชางพยักหน้าเล็กน้อย พลางหันตัวไปหาฮวาอี้ถงพร้อมยิ้มให้ว่า "ข้าต้องกลับจวนแล้ว อวี้ถง ในเมื่อเจ้าเข้าวังอ๋องเจ็ดแล้ว หากเกิดปัญหาอันใด เจ้าสามารถพูดคุยกับพ่อบ้านได้ ข้าคิดว่า พ่อบ้านคงมิได้จะไม่สนใจปัญหาของเจ้าหรอก"

พ่อบ้านที่ยืนอยู่ข้างกายพลันได้ยินเช่นนั้น จึงรีบร้อนตอบว่า "แน่นอน แน่นอนพะยะค่ะ หากหวางเฟยพบเจอกับปัญหาในเรื่องใด สามารถสั่งข้าน้อยได้ทันที"

ฮวาอวี้ถงพลันพยักหน้าอย่างรวดเร็ว พร้อมส่งยิ้มให้หยุนชาง "ได้ ข้าเข้าใจแล้ว"

ลั่วชิงเหยียนพลันพาหยุนชางออกมาจากวังอ๋องเจ็ด พร้อมทั้งขึ้นรถม้าตรงกลับไปที่จวนอ๋องทันที หยุนชางขมวดคิ้วลงเล็กน้อย พร้อมกับถามลั่วชิงเหยียนว่า "มีคนตามพวกเรามาหรือไม่ ?"

ลั่วชิงเหยียนเพียงส่ายหน้าไปมาว่า "ไม่มี เจ้าเป็นอะไรงั้นหรือ ?"

หยุนชางได้ยินเช่นนั้น เพียงสั่งคนขับม้าให้เลี้ยวเข้าตรอกซอยเล็ก ๆ ด้านหน้า และสั่งให้คนขับหยุดรถม้าลง ลั่งชิงเหยียนพลันจับจ้องไปที่หยุนชาง พร้อมขมวดคิ้มถามว่า "เกิดเรื่องอันใดขึ้น ?"

"ไม่มีอันใดเพคะ " หยุนชางเพียงยิ้มเล็กน้อย พร้อมเอนตัวพิงเข้ากับแผงอกของลั่วชิงเหยียน "ท่านอ๋องคิดว่าเหตุการณ์ในวันนี้ เป็นฝีมือผู้ใดกัน ?"

ลั่วชิงเหยียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งพร้อมพูดขึ้นมาว่า "ถ้าหากดูเพียงดูแค่สิ่งที่เรารับรู้ในวันนี้. ข้ากลับรู้สึกสงสัยคนผู้หนึ่งก็คือเจ้าเจ็ด ร่องรอยภายในตำหนักจะสะอาดเกินไปเสียแล้ว "

"ใช่แล้ว สะอาดเสียจนทำให้ผู้คนอดคิดไม่ได้ว่าเป็นฝีมือของคนในวังอ๋องเจ็ดที่เป็นคนลงมือ " หยุนชางพลันกระซิบตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา น้ำเสียงเจือไปด้วยความสงสัยไม่น้อย

รถม้าหยุดได้ไม่ถึงครึ่งชั่วยาม พลันได้ยินเสียง "กรับกรับ" ฝีเท้าของม้าดังขึ้นมา เสียงฝีเท้าของม้ากลับหยุดลงข้างหลังของรถม้าหยุนชาง ลั่วชิงเหยียนเพียงแหวกม่านของรถม้าออกมานั้น พร้อมเลิกคิ้วขึ้น จ้องไปที่หยุนชางว่า "หลี่เฉี่ยนโม่ เจ้ากำลังรอเขาอยู่หรือ ?"

เมื่อเสียงพูดพลันหยุดลง จึงได้ยินน้ำเสียงทุ้ม ๆของหลี่เฉี่ยนโม่ดังขึ้นมาว่า "นายท่าน"

หยุนชางพลันรับคำ พร้อมเปิดประเด็นขึ้นมาว่า "เมื่อครู่ ภายในตำหนัก เจ้ามีเรื่องอันใดอยากจะพูดงั้นหรือ ?"

หลี่เฉี่ยนโม่พลันรับคำ "เมื่อครู่ กระหม่อมกำลังสืบหาหลักฐานภายในจวนอยู่นั้น พลันเห็นที่ตรงกลางของภูเขาปลอมลูกนั้น มีช่องว่างบางอย่างอยู่ พะยะค่ะ กระหม่อมรู้สึกสงสัยเป็นอย่างมาก อยากให้นายท่านได้ดู"

ภูเขาปลอม ? หยุนชางพลันขมวดคิ้วลง เป็นภูเขาปลอมในตำหนักของพระชายารองหลิ่วงั้นหรือ หยุนชางพลางเปิดหน้าต่างออกมา หลี่เฉี่ยนโม่จึงส่งหนังแพะที่วาดอะไรบางอย่างส่งมาให้ทางหน้าต่างรถม้า ทว่า หยุนชางยังมิได้ยื่นมือไปรับของ กลับเป็นลั่วชิงเหยียนที่เอื้อมมือไปหยิบหนังแพะออกมาคลี่ดูเสียแล้ว

หยุนชางจึงทำได้เพียงยื่นหน้าเข้าไปดู พร้อมเลิกคิ้วขึ้น

นั้นคือภาพแผนที่ เป็นภาพของแผนที่ที่ละเอียดมาก ภาพแผนที่ด้านบนเขียนว่าวังอ๋องเจ็ด เป็นแผนที่ในตำหนักภายในวังอ๋องเจ็ดทั้งหมด เส้นยาวพวกนั้นเกรงว่าจะเป็นทางเดินกระมัง อีกทั้งภายในตำหนักแต่ละที่ก็ยังถูกเขียนเป็นสัญลักษณ์ให้เห็นได้อย่างชัดเจน

"แผนที่ ? "หยุนชางพลันเลิกคิ้วขึ้น ไม่ว่าจะอย่างไร แผนที่แผ่นนี้ไม่ควรจะเกิดขึ้นได้ ภายในจวนนั้นถูกทำให้สะอาดจนเกินไป อีกทั้งยังมีแผนที่ที่ถูกวางไว้อีก เห็นได้ชัดว่าต้องการทำให้สับสนในการหาเบาะแส

"คดีนี้ เป็นคดีที่ฮองเฮาและอ๋องเจ็ดให้เจ้ามาดูแลเองใช่หรือไม่ เหตุใดเจ้าไม่ส่งของสิ่งนี้ไปรายงานพวกเขา?" หยุนชางยังมิทันจะได้เอ่ยปากถาม ปรากฏว่าเป็นลั่วชิงเหยียนที่ถามขึ้นมา

หลี่เฉี่ยนโม่ได้ยินเช่นนั้น พลันรีบร้อนตอบว่า "ท่านอ๋องลองดูก่อนพะยะค่ะ ด้านหลังของแผนที่แผ่นนี้ที่มุมล่างด้ายซ้ายมีรอยเย็บปักอยู่"

"รอยปัก ?" ลั่วชิงเหยียนพลันขมวดคิ้วลง พร้อมพลิกหนังแพะแผ่นนั้นไปดูที่ด้านหลัง. เป็นดั่งที่พูด มุมล่างซ้ายมีร่องรอยงานปักเล็ก ๆ ที่ปักไว้เพียงคำเดียวว่า "รุ่ย"

รุ่ย ? ลั่วชิงเหยียนและหยุนชางพลันมองหน้ากันและกัน คำว่ารุ่ยนั้นอาจจะเป็นชื่อที่มีคำว่ารุ่ยก็เป็นได้ หากแต่มันสื่อได้ง่ายมากที่ทุกคนเห็นแล้วจักคิดว่าเป็น รุ่ยอ๋อง

ของชิ้นนี้ไม่ควรส่งให้ฮองเฮาและอ๋องเจ็ดอย่างแท้จริง หากส่งให้พวกเขาแล้ว เกรงว่าพวกเขาจะฉวยโอกาสนี้ ในการสาดโคลนสกปรกทั้งหมดมาให้พวกเราจวนรุ่ยอ๋องได้

"ทว่า เหตุใดถึงจงใจมาที่จวนรุ่ยอ๋องนักเล่า ? จวนรุ่ยอ๋องกับพระชายารองหลิ่วก็มิได้มีความเกี่ยวข้องกัน" ภายในใจของหยุนชางรู้สึกสงสัยเป็นอย่างมาก หากมีคนพูดว่า เห็นก่อนหยุนชางเข้าไปในตำหนักของพระชายารองก่อนหน้านั้น นางจะรู้สึกว่าเป็นเรื่องบังเอิญ บังเอิญถึงที่ว่าฆาตกรพบเห็นพวกนาง แล้วมาถามทางกับพวกเขา เช่นนั้นฆาตกรจึงตั้งใจให้หยุนชางนำพวกเขามาที่ตำหนักของพระชายาหลิ่ว แล้วจึงพบเห็นแผนที่หนังแพะเข้า นั่นเห็นได้ชัดว่ามีการเตรียมการมาก่อนหน้านั้นแล้ว

หลิ่วเฉี่ยนครุ่นคิดไปครู่หนึ่ง พร้อมพูดขึ้นมาว่า "ช่วงนี้นายท่านหลิ่วจิ้นที่ถูกฝ่าบาทตัดสินโทษประหารนั้น มีเรื่องเล่าออกมาว่า ก่อนหน้านั้นที่ท่านอ๋องได้หายตัวไปก็เป็นเพราะการวางแผนลักพาของหลิ่วจิ้นเหมือนกัน อีกทั้งนายท่านหลิ่วยังเป็นท่านตาของอ๋องเจ็ดอีก"

หยุนชางเห็นฮวาอวี้ถงเช่นนั้น ก็มิได้ถามถึงเรื่องราวภายในวังอ๋องเจ็ดแต่งอย่างใด อีกทั้งยังมิได้กระตือรือร้นที่จะถามคำถามออกไปด้วย เพียงแค่หัวเราะกับประเด็นที่ฮวาอวี้ถงเปิดขึ้นมานั้น "เจ้าเพิ่งจะนั่งลงก็รู้แล้วหรือว่ารุ่ยอ๋องโปรดปรานข้า ? "

"แน่นอนอยุ่แล้ว " ฮวาอวี้ถงเพียงส่งยิ้มที่สดใสส่งมาให้นาง "ประเพณีของผู้คนในแคว้นเซี่ยส่วนใหญ่ สามีจักอาศัยอยู่ในห้องแต่เพียงผู้เดียว ไม่ว่าจะมีภรรยาหรือสนมกี่คนก็ตาม ทั้งหมดล้วนแต่แยกกันอยู่คนละห้องภายในจวน ไม่ว่าความรู้สึกของสามีภรรยาทั้งคู่จะเป็นเช่นไร ส่วนใหญ่ล้วนแต่แยกกันอยู่ ยิ่งหากเป็นวันที่ภรรยามีฤดูหรือตั้งครรถ์ละก็ ยิ่งไม่สามารถนอนร่วมเตียงกับสามีได้เลย ข้าเพียงเห็นว่า ภายในห้องนี้มีร่องรอยของการใช้ชีวิตของบุรุษอยู่ด้วย จึงรู้ว่าทั้งเจ้าและท่านอ๋องนอนห้องด้วยกัน หากทำเช่นนี้ไม่เรียกว่าโปรดปราน จักให้เรียกว่าเช่นไรได้อีก ?"

หยุนชางได้ยินเช่นนั้น พลางขบคิดเล็กน้อย ครั้งเมื่อนางแต่งงานในชาติที่แล้วก็เป็นเช่นนี้เช่นกัน ทว่าตอนนี้ ตั้งแต่ที่แต่งงานกับลั่วชิงเหยียนมานั้น ก็เป็นเขาที่จัดเตรียมทุกอย่างไว้ตั้งแต่แรกแล้ว นางจึงไม่รู้สึกว่ามันแปลกประหลาดแต่อย่างใด

เมื่อหยุนชางคิดว่าถึงตรงนี้พลางยิ้มออกมา โดยที่มิได้ตอบคำถามของฮวาอวี้ถง ทว่า กับถามคำถามกลับไปแทน " เมื่อวาน เจ้าได้ไปดูอ๋องเจ็ดหรือไม่?"

รอยยิ้มของฮวาอวี้ถงเจือนลงเล็กน้อย พลางส่ายเบา ๆ "เมื่อวานข้ามัวแต่จัดของที่เตรียมมาในห้องเสียทั้งวัน จัดเตรียมของตั้งสิบกว่าหีบเชียว เลยมิได้หาเวลาไปเยี่ยมดูเลย"

"สิบกว่าหีบเชียวหรือ ? " หยุนชางได้ยินเช่นนั้นหลางหัวเราะออกมา "เจ้าเตรียมสิ่งของอะไรมานักหนากัน ?"

"ข้าว่าก็มิได้มีสิ่งของใดที่พิเศษมากนัก นอกจากเสื้อผ้าอาภรณ์ รองเท้า อีกทั้งเครื่องประดับที่ใช้บ่อย ๆ ปิ่น. ตำราที่ชอบ พู่กันหมึกที่ใช้ประจำ อีกทั้งยังมีฉินหมากล้อมตำราภาพวาด งานปักผ้า ลวดลายผ้าปักดอกไม้ต่าง ๆ เพียงแค่ตำราก็สามหีบแล้ว เมื่อวานข้าได้เห็น ยังรู้สึกตกใจไม่น้อย รู้สึกว่าแต่เดิมสิ่งของที่ใช้ก็มิได้มีอันใดมากนัก เหตุใดเมื่อขนของมาถึงได้ขนมามากมายเช่นนี้ " ฮวาอวี้ถงพลางหัวเราะตอบกลับ "หากแต่สิ่งของที่ใช้เป็นประจำถูกเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด จึงทำให้รู้สึกไม่คุ้นชินไปบ้าง"

หยุนชางได้ยินเช่นนั้น พลางหัวเราะออกมา "นั่นเป็นเรื่องจริง. เมื่อครั้งที่ข้ามาถึงแคว้นเซี่ย ยังสั่งให้ห้องครัวของแคว้นหนิงที่ส่งของมาวางไว้ในห้องครัวเล็ก ๆ ในตำหนักเลย ข้ากลัวว่าจะไม่คุ้นชินกลับรสชาติของอาหารแคว้นเซี่ย"

ชะงักไปครู่หนึ่ง พลันมีบางอย่างแล่นเข้ามาในหัว พร้อมขมวดคิ้วลงถามว่า "หลิ่วฉูฉู่ผู้นั้น เจ้ารู้จักนางบ้างหรือไม่ ?"

"พระชายารองหลิ่วหรือ ? " หรือเป็นเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวาน เมื่อพูดถึงหลิ่วฉูฉู่ขึ้นมานั้น ใบหน้าของฮวาอวี้ถงพลันไม่มีรอยยิ้มหลงเหลืออยู่เลย "ข้าเพียงแต่เคยได้ยินมาเท่านั้น. ก่อนหน้านั้นข้าร่างกายไม่ค่อยดีจึงถูกส่งออกไป ภายในเมืองจิ่นผู้คนที่อายุน้อย ได้ยินมาว่า นางเป็นบุคคลที่ถือได้ว่าเป็นอัจฉริยะอายุน้อยที่สุด เพียงแค่เจ็ดแปดหนาว ทั้งฉินหมากกลอนตำราวาดภาพ นางล้วนแตกฉาน มีครั้งหนึ่งเคยได้ยินเสียงฉินที่นางบรรเลงในงานเลี้ยงอยู่ครั้งหนึ่ง เป็นการบรรเลงฉินที่ทำให้ผู้คนยากที่จะลืมเลือนในเสียงดนตรี นางใช้ฉินที่ฝ่าบาทเคยพระราชทานให้คือพิณเจียวเหว่ย"

"โอ้ ? ฝ่าบาทพระราชทานพิณเจียวเหว่ยให้งั้นหรือ ? " หยุนชางเลิกคิ้วขึ้นพลันส่งเสียงพึมพำเบา ๆออกมา

ฮวาอวี้ถงพยักหน้ารักเล็กน้อย "ได้ยินมาว่า เป็นงานเลี้ยงในวังครั้งแรก. ครั้งนั้นเป็นพระชายาหลิ่วที่อายุเพียงเก้าหนาวเท่านั้น บรรเลงเพลง ภูเขาสูงสายน้ำไหล. ถึงกลับทำให้ฝ่าบาทลุกขึ้นตบมือได้ นางจึงได้รับรางวัลพระราชทานเป็นพิณเจียวเหว่ย "

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง