หยุนชางพลันฉีกยิ้มออกมา พลางเดินไปยังเบื้องหน้าของเสียนฮูหยินพร้อมพยุงเสียนฮูหยินให้ลุกขึ้นมา สายตาจ้องมองผ่านเสียนฮูหยินไปยังสตรีที่หยุดยืนอยู่ในศาลา "แม่นางผู้นี้. เป็นคนสนิทของเสียนฮูหยินงั้นหรือ ? "
เสียนฮูหยินรู้สึกทำอะไรไม่ถูกไปเล็กน้อย พร้อมก้มหัวตอบกลับเสียงเบา ๆว่า "เพคะ. เป็นน้องสาวของหม่อมฉัน"
"โอ้ ?"สายตาของหยุนชางพลันเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ยากจะคาดเดาได้ "เสียนฮูหยินทั้งขี้อายและอ่อนโยนเช่นนี้ สมกับเป็นกุลสตรีที่อ่อนหวาน ช่างน่าเสียดาย ที่น้องสาว. ไม่ค่อยรู้จักมารยาทเอาเสียเลย"
ใบหน้าของเสียนฮูหยินพลันซีดเผือด พลางรีบร้อนคุกเข่านั่งลง "หวางเฟยเหนียงเหนียงได้โปรดไว้ชีวิตด้วยเพคะ"
สตรีนางนั้น เมื่อเห็นเสียนฮูหยินคุกเข่าต่อหน้าหยุนชาง พลันรีบร้อนวิ่งออกมาจากศาลา พร้อมขมวดคิ้วว่า "พี่สาวของข้าเป็นถึงสนมของฝ่าบาท ทำไมเจ้าถึงสั่งให้นางคุกเข่ากัน ? มิอยากมีชีวิตอยู่แล้วหรือ ?"
เมื่อสตรีนางนั้นพูดจบลง. พลันสีหน้าของผู้คนที่อยู่โดยรอบพลันแข็งค้างไปทันที มีเพียงหยุนชางที่หัวเราะออกมาเพียงผู้เดียว สตรีนางนี้ มีความสามารถทำให้ผู้คนไม่ชอบนางได้จริง ๆเชียว
เมื่อเสียนฮูหยินพลันเห็นสีหน้าของหยุนชางไม่สบอารมณ์เล็กน้อย จึงรีบร้อนดึงสตรีนางนั้นลงมา. พร้อมส่งเสียงกระซิบกล่าวว่า "อาเนี่ยน ยังมิรีบคำนับหวางเฟยเหนียงเหนียงอีก". น้ำเสียงที่กระซิบเต็มไปด้วยความโมโห
สตรีที่ถูกเรียกว่าอาเนี่ยนได้ยินดังนั้น ใบหน้าแสดงออกถึงความไม่เชื่อเป็นอย่างยิ่ง พลางหันหน้าไปหาเสียนฮูหยินพร้อมยื่นมือของตนเองชี้นิ้วออกไป "ท่านพี่. ท่านพูดถึงอะไรกัน ? ข้า ? ให้ข้าขอโทษนางงั้นหรือ ? ข้าพูดแล้ว จะช้าหรือเร็วตำแหน่งพระชายารุ่ยอ๋องก็ต้องเป็นของข้า"
หยุนชางหัวเราะออกมาเล็กน้อย พลางเห็นสีหน้าของเสียนฮูหยินที่ซีดลงเรื่อย ๆ นั้น รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเย็นชาเอ่ยขึ้นมาว่า "ตอนนี้ข้ายังเป็นพระชายารุ่ยอ๋องอยู่ อย่างไรเสีย เจ้าก็ต้องก้มลงคำนับข้า. เมื่อวานที่วัดหลิ่งอิ่น ข้ายังคิดว่าเป็นเพราะเจ้ายังอายุน้อยอยู่. จึงให้เฉี่ยนจั๋วสั่งสอนเจ้าไปเล็ก ๆน้อย ๆแล้ว ทว่า ยังไม่คิดเปลี่ยนแปลงอีก. ยิ่งมาเห็นเจ้าปฏิบัติตัวในวันนี้แล้ว ยิ่งทำให้ข้ารู้สึกว่า เจ้ามิใช่เด็กแล้ว คงจะแก้นิสัยเช่นนี้ได้ยาก อีกทั้งยังโง่เง่าไม่รู้ความว่าอะไรควรไม่ควรอีก"
เสียนฮูหยินพลันรีบร้อนกล่าวออกมาว่า "ขอประทานอภัยหวางเฟยเหนียง. ขอประทานอภัยหวางเฟยเหนียงเหนียง"
หยุนชางพลันก้มหน้าลงไปมองที่เสียนฮูหยิน. เพียงครู่หนึ่งจึงยิ้มออกมา "ก่อนหน้านั้น ข้ามักจะพูดคุยกับเสียนฮูหยินเรื่องเสื้ออาภรณ์รวมไปถึงเครื่องประดับต่าง ๆ แต่เดิมข้าอยากจะไว้หน้าเสียนฮูหยินเสียหน่อย จึงมิได้สนใจอันใด. ทว่า น้องสาวของท่านเกรงว่าจะเหิมเกริมไปหน่อยกระมัง"
"อย่าได้มาสั่งสอนพี่ข้า " สตรีที่ถูกเรียกว่าอาเนี่ยนผู้นั้น เมื่อได้ยินหยุนชาพูดคุยกับเฉี่ยนฮูหยินเช่นนั้น. ยิ่งกรุ่นโกธรเข้าไปอีก พร้อมเดินตรงเข้าไปหาหยุนชาง โดยที่ผู้คนรอบข้างมิทันได้ตั้งตัว หยุนชางที่ก้าวถอยหลังได้เพียงสองก้าว กำลังจะพลาดพลั้งล้มลงกับพื้นนั้น
"อาเนี่ยน อย่า ! " เสียงตะโกนของเสียนฮูหยินพลันดังขึ้น พยายามลุกขึ้นมาอย่างทุลักทุเล ทว่ากลับเหยียบไปที่อาภรณ์ของตนเอง จึงมิทันได้ลุกขึ้นมา
เพียงชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น พลันมีเงาร่างหนึ่งที่ผ่านแวบเข้ามา สตรีที่ถูกเรียกว่าอาเนี่ยนนั้นถูกกระเด็นลอยไปไกล พร้อมตกลงไปอยู่ใต้ต้นไม้ ปากพลันสำลักเลือดก้อนใหญ่ออกมา สีหน้าพลันแสดงออกถึงความเหลือเชื่อ
"ชางเอ๋อร์บาดเจ็บที่ใดหรือไม่ ? "เงาร่างหนึ่งที่ผ่านแวบเข้ามาคือผู้ที่เพิ่งจะเดินออกมาจากตำหนักไท่จี๋นั่นเอง เมื่อได้ยินหยุนชางเข้าวังมา. จึงเดินไปที่ตำหนักเซียงจู๋เพื่อตามหานาง เมื่อกำลังเดินผ่านสวนอุทยานนั้น พลันเห็นฉากที่หน้าตื่นเต้นเกิดขึ้น จึงรีบใช้วิชาตัวเบามุ่งหน้าตรงมาที่นี่ พร้อมทั้งอุ้มหยุนชางมาอยู่ในอ้อมกอดตนเองได้ทันท่วงที พร้อมใช้ฝ่ามือผลักสาวน้อยตระกูลหวังกระเด็นออกไปไกล
หยุนชางพลันส่ายหน้าไปมา พลางตกใจกับการปรากฏตัวของลั่วชิงเหยียน เมื่อครู่สตรีผู้นั้นกำลังก้าวเดินมาหานาง ในขณะที่นางมุ่งตรงมาหาหยุนชางนั้น หยุนชางมิทันได้ป้องกันตนเอง รวมถึงหลบหลีก ไม่คาดคิดว่า ในตอนที่นางยังมิทันได้หลีกตัวนั้นกลับถูกลั่วชิงเหยียนดึงตัวเข้ามาในอ้อมกอดเสียแล้ว
หยุนชางพลันยืดตัวตรง พร้อมหันไปหาลั่วชิงเหยียนแล้วจึงส่ายหน้าไปมาว่า "หม่อมฉันมิเป็นอันใดเพคะ ทางฝั่งท่านไม่มีเรื่องอันใดแล้วหรือ ? " เมื่อพูดจบพลันสอดส่องทั่วร่างของลั่วชิงเหยียน เมื่อเห็นเขาไม่เป็นอันใดนั้น นางจึงรู้สึกโล่งใจ
"อาเนี่ยน. อาเนี่ยน " เสียนฮูหยินพลันตะโกนส่งเสียงเรียก หยุนชางจึงหันหน้าไปตามเสียง ลั่วชิงเหยียน หากได้ลงมือแล้วคงมิได้ทำเบาๆ เป็นแน่ หยุนชางจึงเดินไปที่ข้างกายสตรีผู้นั้น เพื่อมองดูิเกรงว่านางจะบาดเจ็บถึงภายในเอาได้ เมื่อหยุนชางกำลังย่อตัวลง พลันถูกสตรีนางนั้นโบกมือไล่ "ออกไป เจ้าออกไปเดี๋ยวนี้"
หยุนชางได้ยินเช่นนั้น พลันยิ้มอย่างเย็นชาขึ้นมา พร้อมก้าวถอยหลังไปสองก้าว นางมิใช่คนใจดีอะไรอยู่แล้ว ยิ่งตั้งใจเข้ามาทำร้ายนางพร้อมลูกในท้องของนางแล้ว แน่นอนว่านางมิมีทางใจอ่อนให้เป็นแน่
"อะไรนะเพคะ. ท่านนำเรื่องเช่นนี้ไปถามฮวากั๋วกงงั้นหรือ ? "หยุนชางส่งเสียงกรีดร้องออกมา เพียงครู่หนึ่งจึงหันไปถามเขาด้วยน้ำเสียงคร่ำครวญว่า"ท่านไปถามฮวากั๋วกงได้อย่างไรกัน. หลังจากนี้ หม่อมฉันจะมีหน้าไปจวนฮวากั๋วกงได้อย่างไรเล่า !"
หยุนชางได้แต่คิดคร่ำครวญถึงเรื่องนี้. ว่าทำไมลั่วชิงเหยียนถึงนำเรื่องเช่นนี้ไปถามฮวากั๋วกงได้ เมื่อขบคิดอยู่ครู่หนึ่ง น้ำเสียงที่เปลี่ยนไป พลางกดเสียงลงมากระซิบเบา ๆ พร้อมลมหายใจที่ค่อย ๆ หายใจหนักขึ้นว่า
"ท่านต้องทำเบา ๆนะเพคะ " หยุนชางค่อย ๆกล่าวออกมา "อาภรณ์ของหม่อมฉัน.! ชุดนี้เพิ่งจะปักเสร็จนะเพคะ !"
เมื่อถึงยามอู๋. ม่านบนเตียงพลันค่อย ๆถูกเปิดออก ลั่วชิงเหยียนพลันค่อย ๆหยิบเสื้อผ้าอาถรณ์ที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมาสวมใส่ พร้อมหยิบเสื้อคลุมตัวนอกที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาสวมแล้วเดินออกจากห้องไป
ห้องโถงด้านนอก ฉินยีกำลังนั่งปักส่วนบนของรองเท้าอยู่ที่ห้องโถง เมื่อเหลือบไปเห็นขนาดของรองเท้าแล้ว เหมือนว่านางกำลังปักหัวเสือเล็กๆบนรองเท้าเด็ก
ลั่วชิงเหยียนพลันเหลือบมองอยู่ด้านข้าง จึงเปิดปากถามว่า "เจ้ากำลังปักให้ใคร ?"
ก่อนหน้านั้นฉินยีมิได้รู้สึกถึงการมาของลั่วชิงเหยียน. เมื่อได้ยินเสียงของลั่วชิงเหยียนที่กล่าวออกมานั้น เข็มที่กำลังปักอยู่พลันทิ่มมือตนเองทันที ฉินยีรีบนำส่วนหน้าของรองเท้าวางลงในตะกร้าปักผ้า พร้อมหันกลับมาโค้งคำนับลั่วชิงเหยียนว่า "ท่านอ๋อง"
ลั่วชิงเหยียนพยักหน้าเล็กน้อย พร้อมชี้ไปที่ส่วนหน้าของรองเท้าที่อยู่ในตะกร้าผ้าปักว่า "นั่น เจ้ากำลังทำให้ใครกัน ?"
ฉินยีพลางยิ้มออกมาเล็กน้อย "ให้องค์ชายน้อยเพคะ. นู๋ปี๋มิรู้ว่าจะเป็นองค์ชายน้อยหรือองค์หญิงน้อยกันแน่. ก่อนหน้านั้นหม่อมฉันปักเป็นลายดอกไม้แล้วคู่หนึ่ง ตอนนี้จึงกำลังปักเป็นลายลูกเสือ"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง
ทำไมถึงอ่านบทที่ 18 และอื่นๆต่อไปไม่ได้...