ฮองเฮาพลันขมวดคิ้วขึ้น ราวกับไม่ความสุขเล็กน้อย ทว่า เซี่ยหวนอวี่ยังอยู่ที่นี่ จึงไม่สามารถระบายอารมณ์ออกมาได้ ทำเพียงส่งเสียงฮึดฮัดออกมาอย่างเย็นชา แล้วจึงมิได้เอ่ยอันใดออกมาอีก
เซี่ยหวนอวี่ได้แต่หมุนลงแหวนในนิ้วมือไปมา พร้อมเงยหน้ามองมาที่หยุนชางว่า "วันนี้ เจ้าได้ให้คนนำสิ่งของเหล่านี้ออกมา เจ้าพบฆาตกรแล้วหรือ ? "
หยุนชางหยุดนิ่งไปชั่วครู่. พร้อมตอบรับว่า "เพคะ"
"โอ้ ? เป็นผู้ใด ?" มือของเซี่ยหวนอวี่หยุดชะงักไปเล็กน้อย นัตน์ตาวาวโรจน์ดั่งเพลิงกัลป์มุมปากพลันกระตุกรอยยิ้มขึ้นมา
หยุนชางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงตอบกลับด้วยน้ำเสียงบางเบา "รายงานฝ่าบาท ผู้สั่งให้คนลงมือทำเครื่องเรือนพวกนี้ คือเสียนฮูหยินเพคะ"
ตั้งแต่ที่หยุนชางปรากฏตัวออกมาจนถึงตอนนี้ เสียนฮูหยินทำเพียงแค่นั่งนิ่ง ๆ อยู่ที่ด้านข้างเท่านั้น มิได้เอ่ยอันใดออกมา ราวกับกำลังขบคิดอะไรบางอย่างอยู่กับตัวเอง เมื่อได้ยินหยุนชางพูดถึงตนเองนั้น พลันได้สติกลับมา พร้อมกระเด้งตัวออกจากเก้าอี้ลุกขึ้นยืนเสมือนว่าในเก้าอี้นั้นมีเข็มอยู่ น้ำเสียงที่เล็กแหลม พลันตะโกนออกมาว่า "ไร้สาระ! ฝ่าบาทเพคะ พระชายารุ่ยอ๋องกล่าวคำเท็จ ทั้งหมดเป็นสิ่งที่นางคาดเดาไปเอง หม่อมฉันมิได้ทำนะเพคะ หม่อมฉันมิได้ทำร้ายเด็กในครรภ์ของฮุยจาวอี๋. สิ่งของพวกนี้ก็มิใช่ของที่หม่อมฉันส่งมาให้"
"เสียนฮูหยิน ! "ฮองเฮาพลันขมวดคิ้วลง พร้อมกดเสียงตำหนิขึ้นมา"นั่งลง. การตะโกนโหวกเหวกเช่นนี้เป็นการกระทำมแบบใดกัน ? "
เสียนฮูหยินได้ยินเช่นนั้น พลันตกตะลึงไปชั่วครู่ ราวกับได้สติขึ้นมาว่า เมื่อครู่นี้นางทำกริยาแบบใดลงไป พลันขบริมฝีปากไปมา สายตาเต็มไปด้วยความอึดอัดใจ พลางกำผ้าเช็ดหน้าในมือจนผิดรูปร่างแล้วจึงนั่ลง สายตาจับจ้องไปที่หยุนชาง
"โอ้ ? มีหลักฐานหรือไม่ ?" ใบหน้าของเซี่ยหวนอวี่เต็มไปด้วยความเฉยเมย ราวกับว่าเขามิได้แปลกใจแต่อย่างใด
หยินชางกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า "เครื่องเรือนพวกนี้ ล้วนแต่เป็นหลักฐานเพคะ หม่อมฉันได้ยินมาว่า. ท่านพ่อของเสียนฮูหยิน หวังฉงเหวินหรือนายท่านหวัง เป็นพ่อค้าที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองจิ่น และยังเป็นพ่อค้าของจักรพรรดิ. สิ่งของเครื่องเรือนที่ใช้ในตำหนักแห่งนี้ เป็นของที่ซื้อมาจากหวังจี้ฉ่าย เพื่อใช้วัสดุไม้ทำเครื่องเรือนให้ฮุ่ยจาวอี๋และรวมไปถึงการทาน้ำมันตุงทั้งหมดเพคะ"
เสียนฮูหยินได้ยินเช่นนั้น สีหน้าพลันกระวนกระวายขึ้นมา พร้อมรีบร้อนกล่าวว่า "หากพระชายารุ่ยอ๋องอย่าได้กล่าววาจาใส่ร้ายป้ายสีผู้อื่นเช่นนี้. ท่านพ่อของข้าเป็นพ่อค้าของจักรพรรดิ เนื่องจากสิ่งที่เขานำมาให้เป็นวัสดุที่มีราคาแพง เป็นของที่หามาได้ยากยิ่ง ท่านพ่อของข้าดำรงตำแหน่งพ่อค้าของจักรพรรดิมาหลายปี มิเคยเกิดปัญหาขึ้นมาเลยสักครา ต้องเป็นเพราะน้องสาวของหม่อมฉันชมชอบรุ่ยอ๋อง จึงทำให้พระชายารุ่ยอ๋องโกธรแค้นตระกูลของหม่อมฉันเป็นแน่ น้องสาวของข้าชอบรุ่ยอ๋องมันผิดนักหรือ ? รุ่ยอ๋องทำร้ายร่างกายน้องสาวของหม่อมฉันก็เพียงพอแล้ว เหตุใดวันนี้พระชายารุ่ยอ๋องถึงต้องพูดจาใส่ร้ายป้ายสีกันเช่นนี้อีกด้วย "
ใส่ร้ายป้ายสี. หยุนชางได้ยินเช่นนั้น พลันอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
"ใช่การใส่ร้ายหรือไม่. ทำไมไม่ส่งคนไปตรวจสอบสำนักพระราชวังดูเล่า. ไปตามช่างฝีมือที่ทำเครื่องเรือนผู้นั้นมาสอบถามเสีย. เมื่อครั้งที่แล้วจากที่หม่อมฉันพบว่าสิ่งของพวกนี้มีปัญหา จึงได้ให้ฝ่าบาทเฝ้าดูช่างฝีมือผู้นั้นไว้ หนึ่งในนั้นมีช่างฝีมือนามสกุลเฉียน. ช่วงไม่กี่วันมานี้ เขาได้ทำการต่อเติมบ้านขึ้นมาใหม่ บ้านของเขาอยู่ทางประตูทิศใต้เป็นทำเลที่ดีมาก บ้านมีราคาถึงสี่ร้อยตำลึง หากแต่ช่างฝีมือนามสกุลเฉียนผู้นั้นอยู่เพียงตัวคนเดียวจึงสามารถหารายได้ได้มากเช่นนี้ หากแต่พระราชวังจ่ายเบี้ยเลี้ยงให้ทุกเดือนไม่ถึงสองตำลึง. ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้ว. เงินที่ซื้อบ้านใหม่ของเขานำมาจากไหนกัน ? เนื่องจากมิต้องแหวกหญ้าให้งูตื่น หม่อมฉันจึงมิได้ส่งคนไปจับช่างฝีมือผู้นั้นที่บ้าน หากตอนนี้พวกเราสามารถจับตัวเขามาสอบปากคำได้เพคะ "
"ข้าจะรู้ได้อย่างไร ? " ใบหน้าของเสียนฮูหยินซีดลงเล็กน้อย. แม้ว่าจะเป็นหน้าหนาว ทว่าบนหน้าผากของนางเต็มไปด้วยเหงื่อผุดขึ้นมาเป็นชั้น ๆ
เสียนฮูหยินยังคงนั่งเงียบอยู่กลับที่
ฮองเฮายังคงขมวดคิ้ว ราวกลับมิรู้จะทำตัวเช่นไร เพียงครู่หนึ่ง จึงหันไปทางเสียนฮูหยินว่า "เปิ่งกงไม่เคยคิดเลยว่าจะเป็นเจ้า"
"การจะเล่นงานใคร ย่อมต้องมีเหตุผล" เมื่อฮองเฮาพลันพูดจบลง. ฉับพลันเสียนฮูหยินพลางหัวเราะอย่างเย็นชาออกมา. แววตาเต็มไปด้วยสิ้นหวัง "พระชายารุ๋ยอ๋อง. ล้วนแต่เตรียมการใส่ร้ายหม่อมฉันไว้หมดแล้ว หม่อมฉันยังจะต้องพูดอะไรออกมาอีก ? หากจะโทษต้องโทษที่หม่อมฉัน. ท่านพ่อของหม่อมฉันเป็นเพียงพ่อค้าธรรมดาเท่านั้น อย่างไรก็ให้มันเป็นไปตามที่พระชายารุ่ยอ๋องต้องการเถิด หาพระชายารุ่ยอ๋องพูดอย่างไรก็ทำเช่นนั้น หม่อมฉันจะไปพูดอะไรออกมาได้กันเพคะ"
เมื่อพูดจบ พลันหยุดพักไปชั่วครู่. จึงค่อย ๆ ยิ้มออกมา "หม่อมฉันมีเหตุผลอันใดต้องไปทำร้ายจาวอี๋ตัวเล็ก ๆ กัน? แม้ว่าอำนาจในตระกูลของฉันจะมีไม่มากนัก ตำแหน่งในวังก็มิได้สูง อีกทั้งยังมิค่อยได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาท. หม่อมฉันโชคไม่ดี จึงไม่สามารถกำเนิดบุตรให้ฝ่าบาทได้ หากแต่ทุกเดือน. อย่างน้อยฝ่าบาทก็มาหานางสนมอยู่เดือนหนึ่งถึงสองครั้ง ไม่มากและไม่น้อยจนเกินไป อย่างน้อยก็ยังดีกว่านางสนมเล็ก ๆมากแล้ว. หม่อมฉันพึงพอใจที่เป็นเช่นนี้ หากกล่าวว่าหม่อมฉันมีใจอิจฉาริษยา เพราะในครรภ์ของฮุยจาวอี๋มีเลือดเนื้อเชื้อไขของฝ่าบาท ภายในพระราชวังแห่งนี้ มีองค์ชายองค์หญิงน้อยไปงั้นหรือ? ทำไมหม่อมฉันต้องไปอิจฉากับเด็กที่ยังไม่คลอดออกมาด้วยเล่า ? "
แต่เดิมหยุนชางคิดว่า เสียนฮูหยินเป็นสตรีที่ชอบแต่งองค์ทรงเครื่องอยู่แล้ว เฉกเช่นกับนางสนมธรรมดาในวังหลังที่ไม่ชอบไปตบตีทะเลาะเบาะแว้งกับสนมคนอื่นในวัง แม้ว่าจะเป็นกลอุบายเพียงเล็ก ทว่ามิได้มีความล้ำลึกมากนัก. หากแต่คำพูดเหล่านี้ทำให้หยุนชางชื่นชมเสียนฮูหยินเป็นอย่างมาก. ถึงแม้ว่ามันจะเหมือนคำพูดของคนที่มาพบเจอทางตันแล้วก็ตาม. หากแต่สามารถลบล้างมลทินให้กับตนเองได้อย่างง่ายดาย
หยุนชางพลันกระตุกยิ้มมุมปากขึ้นมา สายตาเต็มไปด้วยความชื่นชมเล็กน้อย "คำถามของเสียนฮูหยินนั้น. จากที่หม่อมฉันพบกับหมอตี๋ที่มีนามว่าหมิงไฉที่เป็นคนของตระกูลหวังนั้น นั่นเป็นคำถามที่เอาไว้ถามตัวท่านเอง"
สายตาของหยุนชางกวาดตามองไปทั่วร่างของเสียนฮูหยิน. นางสวมอาภรณ์ของพระราชวังในชุดสีม่วง ทำทรงผมมัดหางม้า พร้อมประดับตกแต่งด้วยหยกอัญมณีสีน้ำเงินลายสองก้อนพร้อมพู่ผีเสื้อห้อยลงมา. คิ้วที่ถูกวาดดั่งคันศร นอกจากดวงตาที่แดงก่ำแล้ว. แม้ว่านางจะอายุอานามมาสามสิบปี ทว่าผิดยังคงขาวนวลราวกับหยกและริมฝีปากที่แดงก่ำ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง
ทำไมถึงอ่านบทที่ 18 และอื่นๆต่อไปไม่ได้...