ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง นิยาย บท 652

เมื่อลั่วชิงเหยียนได้ฟังแล้ว เขาก็คว้าหยุนชางเข้ามาสวมกอด เขายิ้มแล้วพูดกับนางว่า "เช่นนี้แล้ว ข้าก็ต้องขอบใจเจ้า หากไม่ได้เจ้า ข้าคงไม่รู้ว่าเทศกาลโคมไฟเป็นอย่างไร"

ทั้งสองยืนพูดคุยกันอยู่ใต้ชายคา หลังจากนั้นไม่นาน ฉินยีก็ได้ยกสำรับเดินมา ทั้งสองจึงเดินเข้าไปในห้อง

"ช่วงเทศกาลโคมไฟ ผู้คนในแคว้นเซี่ยนิยมรับประทานบัวลอย แต่แคว้นหนิงของเราจะนิยมรับประทานเกี๊ยว วันนี้หม่อมฉันก็เลยให้ห้องเครื่องเตรียมทั้งเกี๊ยวและบัวลอย โปรดเสวยสิ่งใดจะได้เลือกเสวยได้เพคะ" ฉินยียิ้มพร้อมจัดวางชามเครื่องเสวย

"เกี๊ยวนี่เป็นไส้ผักกาดขาวกับเนื้อหมู ส่วนบัวลอยเป็นไส้งาดำเพคะ ท่านอ๋องและพระชายาลองเสวยดูสิเพคะ รสชาติเป็นอย่างไรบ้าง?"

หยุนชางเสวยเกี๊ยวเข้าไปคำหนึ่ง นางพยักหน้า "อร่อย" จากนั้นก็คีบบัวลอยมาชิม สักพักนางก็เบ้ปาก "หวานจัง"

เมื่อฉินยีและลั่วชิงเหยียนเห็นดังนั้นแล้วก็หัวเราะออกมาในทันที

"วันนี้ดูพระชายาทรงสำราญดีนะเพคะ" ฉินยีพูดขึ้นเบาๆ

หยุนชางยิ้ม "ก็ต้องมีความสุขน่ะสิ ก็วันนี้เป็นวันเทศกาลโคมไฟนี่นา เทศกาลโคมไฟเป็นวันที่คนในครอบครัวจะได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน ท่านตาส่งจดหมายมาบอกว่าวันนี้จะเดินทางมาถึงเมืองจิ่นแล้ว"

เมื่อลั่วชิงเหยียนได้ฟังจึงเข้าใจแล้วว่าเหตุใดวันนี้หยุนชางจึงได้ดูมีความสุขนัก ที่แท้ก็เป็นเพราะว่าเซียวหย่วนซานกำลังเดินทางมานั่นเอง

"ไหนๆวันนี้ข้าก็ได้หยุดพักแล้ว เดี๋ยวข้าจะพาเจ้าไปรับมหาราชครูเซียวที่ชานเมืองก็แล้วกัน" ลั่วชิงเหยียนเอ่ย "ข้าได้ยินมาว่า ใจกลางเมืองจิ่นในวันนี้จะมีงานแสดงโคมไฟและการเชิดมังกร คงจะคึกคักไม่น้อยเลย เดี๋ยวข้าจะพาเจ้าไปดูนะ"

หยุนชางมองค้อนลั่วชิงเหยียนในทันที "ท่านตาของท่านข้ายังเรียกว่าท่านตาเลย ท่านตาของหม่อมฉัน ท่านก็ควรจะเรียกว่าท่านตาเช่นเดียวกันไม่ใช่หรือเพคะ? ไยต้องเรียกว่ามหาราชครูเซียวด้วย"

เมื่อลั่วชิงเหยียนเห็นหยุนชางทำท่าทางสะบัดสะบิ้งเช่นนั้นแล้วก็อดหัวเราะไม่ได้ "งั้นหรือ? แต่ข้าจำได้ว่า เมื่อตอนที่อยู่แคว้นหนิง เจ้าเรียกข้าว่าเสด็จอาไม่ใช่หรือ? หืม? มหาราชครูเซียวเคยเป็นราชครูของเสด็จพี่ของข้า แล้วก็เคยสอนข้าด้วยเช่นกัน ข้าเคารพนบนอบ ยกย่องให้เขาเป็นครูมาโดยตลอด เจ้าจะให้ข้าเรียกเขาว่าท่านตา ข้าเรียกไม่ถนัดปากจริงๆ ต่อให้ข้าจะเรียกท่านตาจริงๆ ข้าคิดว่าเขาคงจะไม่ยอมขานรับ"

หยุนชางที่เห็นท่าทางคุยโวของลั่วชิงเหยียนแล้วก็จ้องมองเขาด้วยสายตาที่เด็ดขาด พลางกัดฟันพูดว่า "เสด็จอา เสวยบัวลอยของพระองค์เถอะเพคะ"

ลั่วชิงเหยียนหัวเราะออกมาอีกครั้ง แต่ยิ่งหัวเราะก็ยิ่งทำให้หยุนชางจ้องเขม็งมาที่เขา

เมื่อเสวยมื้อเช้าเสร็จแล้ว ฉินยีก็เข้ามาช่วยหยุนชางแต่งตัว หยุนชางครุ่นคิดอยู่สักครู่แล้วจึงเอ่ยขึ้นมาว่า "สวมชุดที่เฉียนสุ่ยส่งมาให้เมื่อวานนี้ดีกว่า ข้าอยากสวมเสื้อผ้าที่ดูสดใส"

ฉินยีรับคำ นางยิ้มและเอ่ยว่า "นายท่านเซียวชอบดูพระชายาสวมฉลองพระองค์ที่เหมือนตุ๊กตาแห่งโชคลาภ" พูดจบก็ไปหาชุดกระโปรงบานๆสีแดงปักลายเมฆมาให้หยุนชางสวมใส่ จากนั้นก็สวมชุดคลุมสีขาวปักลายเมฆเช่นเดียวกันทับอีกชั้นหนึ่ง เมื่อหยุนชางก้าวเดิน ก็งดงามราวกับปุยเมฆเคลื่อนตัว

ฉินยีเองถึงกับอุทานออกมาว่า "ฝีมือของแม่นางเฉียนสุ่ยช่างไม่ธรรมดาจริงๆ ฉลองพระองค์ชุดนี้แม้จะไม่เน้นทรงเอวดังเช่นฉลองพระองค์รัดเอว แต่กลับดูฟูฟ่องสวยงาม สวมใส่ออกมาแล้วราวกับเป็นเทพธิดาผู้เลอโฉมเสด็จลอยลงมาจากสรวงสวรรค์เลยเพคะ"

หยุนชางถึงกับหัวเราะ "ประเดี๋ยวเราไปที่หอเฉียนสุ่ยอี้เหรินกันนะ เจ้าจะได้ไปชื่นชมผลงานของนางให้นางฟังด้วยตัวเอง นางคงจะภูมิใจมากเลยทีเดียว"

ฉินยีก็หัวเราะออกมาเช่นเดียวกัน นางมองดูชุดที่หยุนชางสวมใส่ แล้วจึงให้หยุนชางไปนั่งลงที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง "พอดีเลยเพคะ ทำพระเกษาทรงนางอัปสร แล้วปักปิ่นลายดอกท้อ จะต้องทรงพระสิริโฉมงดงามเหนือผู้ใดเป็นแน่"

หยุนชางเห็นท่าทางที่มุ่งมั่นของฉินยีแล้ว จึงให้นางทำผมไปตามใจนาง เมื่อทำผมเสร็จแล้ว จึงไปหาลั่วชิงเหยียนที่ห้องหนังสือ

ทันทีที่ลั่วชิงเหยียนได้เห็นหยุนชางก็ถึงกับตกตะลึงไปพักใหญ่ เมื่อเขาได้สติคืนมาแล้ว จึงเดินเข้าไปหาหยุนชาง "ข้าไม่เคยเห็นเจ้าแต่งกายเช่นนี้มาก่อนเลย ช่างงามเหลือเกิน"

"โคมไฟนี่สวยจริงๆ เฉียนสุ่ยมอบให้ข้าอันหนึ่งนะ ข้าจะนำกลับไปที่จวนรุ่ยอ๋อง" หยุนชางเอ่ยกับเฉียนสุ่ย

เฉียนสุ่ยเพิ่งจะรู้ตัวว่าหยุนชางมาที่นี่ นางยิ้มและตอบกลับไปว่า "พอดีเลยเพคะ หม่อมฉันทำเกินมา 2 อัน พระชายาทรงรับไปทั้งหมดนี่เลยก็แล้วกันนะเพคะ"

ในขณะที่หยุนชางกำลังจะเอ่ยปาก ฉินยีก็ได้มากระซิบที่ข้างหูของหยุนชางว่า "พระชายา นั่นมันพระชายาอ๋องเจ็ดไม่ใช่หรือเพคะ?"

หยุนชางรีบหันไปดู ก็ได้เห็นฮวาอวี้ถงเดินนำหน้าสาวใช้ 2 คนออกมาจากร้านค้าผ้าที่อยู่ข้างๆ

หยุนชางเมื่อได้เห็นฮวาอวี้ถงแล้วก็รู้สึกดีใจอย่างยิ่ง นางโบกมือแล้วร้องเรียก "อวี้ถง"

เมื่อฮวาอวี้ถงได้ยินก็หันหน้ามาและได้พบกับหยุนชาง นางรีบเดินเข้ามาหาหยุนชางในทันที นางเห็นว่าใกล้ๆกับหยุนชางมีรถม้าจอดอยู่ จึงเอ่ยถามขึ้นมาว่า "นี่ชางเอ๋อร์กำลังจะไปที่ใดหรือ?"

หยุนชางยิ้มและตอบไปว่า "อีกไม่กี่วันก็จะมีพระราชพิธีหมื่นพรรษาแล้ว แต่ละแคว้นก็ได้ส่งทูตมาถวายพระพรแด่ฮ่องเต้ ทูตที่แคว้นหนิงส่งมาคือท่านตาของข้าเอง ข้ากับท่านอ๋องกำลังจะไปรับเขาที่ชานเมือง พอดีผ่านมาทางนี้ จึงอยากให้ร้านนี้ตัดชุดให้กับข้าสักหน่อย แล้วก็จะลองเดินเลือกเครื่องประดับดูน่ะ"

ลั่วชิงเหยียนก้าวลงมาจากรถม้า เขาพยักหน้าให้ฮวาอวี้ถงเป็นการทักทาย แล้วจึงเดินไปพูดกับหยุนชางว่า "ไม่ใช่จะมาเลือกเครื่องประดับหรอกหรือ มัวยืนทำอะไรที่ประตูทางเข้าอยู่ล่ะ?"

หยุนชางจึงจูงมือฮวาอวี้ถงเดินเข้าไปในหอเฉียนสุ่ยอี้เหริน "เครื่องประดับของร้านนี้ทำได้ประณีตงดงามมาก ข้ามักจะมาซื้อสินค้าที่นี่เป็นประจำ วันนี้พอดีได้มาเจอเจ้า หากเจ้าถูกใจสินค้าตัวไหนก็บอกข้ามาได้เลย เหมือนว่าข้าจะยังไม่เคยมอบของกำนัลให้เจ้าเลยสักครั้ง"

เมื่อฮวาอวี้ถงได้ฟังก็ยิ้มออกมา "เช่นนั้นข้าก็ไม่ขอเกรงใจแล้วนะ"

เฉียนสุ่ยนำสินค้าที่ออกใหม่มาให้หยุนชางและฮวาอวี้ถงเลือก นางมองไปที่ฮวาอวี้ถงแล้วจึงยิ้มพร้อมพูดขึ้นมาว่า "ฮูหยินท่านนี้คงจะเพิ่งมาที่นี่เป็นครั้งแรก หากฮูหยินต้องการสิ่งใด เชิญบอกข้ามาได้เลยนะคะ"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง