รอยยิ้มในดวงตาของหยุนชางค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นความเย็นชา นางเงยหน้าขึ้นมองลั่วชิงเหยียน เขาก็มีท่าทางครุ่นคิดเช่นกัน ลั่วชิงเหยียนพยักหน้าให้ชายชุดขาว "เจ้าไปเตรียมยาแก้พิษของฮวากั๋วกงเถอะ"
หลังจากพูดจบเขาก็หันไปหาหยุนชางและกล่าวว่า "กั๋วกงฮูหยินยังไม่รู้เรื่องนี้ ต้องลำบากชางเอ๋อร์ไปหานางหน่อยแล้ว"
หยุนชางพยักหน้าเบาๆ ทั้งหมดต้องใช้เวลาประมาณสองเดือนกว่าจะล้างพิษออกได้อย่างสมบูรณ์ หากจะปิดบังกั๋วกงฮูหยินก็เป็นไปไม่ค่อยได้นัก หยุนชางเหลือบมองฮวากั๋วกงที่นอนอยู่บนเตียงแล้วจึงหันหลังเดินออกไป เมื่อนางลงไปข้างล่างแล้วก็มุ่งหน้าไปยังห้องที่ฮวากั๋วกงอาศัยอยู่
เมื่อหยุนชางอยู่ต่อหน้ากั๋วกงฮูหยินแล้วก็อธิบายเรื่องราวอย่างละเอียดโดยไม่มีการปิดบังใดๆ เมื่อกั๋วกงฮูหยินได้ยินว่าฮวากั๋วกงถูกวางยาพิษก็หน้าซีดเผือด เมื่อฟังหยุนชางเล่าเรื่องให้นางฟังจนจบ นางก็ค่อยๆ สงบลง หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง นางก็เอ่ยว่า "ข้าเคยคิดว่าในจวนของข้าจะสะอาด คิดไม่ถึงเลยว่าจะตกหลุมพรางนี้ เรื่องนี้ต้องขอโทษชิงเหยียนแล้ว"
พูดแล้วนางก็ลุกขึ้นรีบรุดไปที่ห้องของฮวากั๋วกง
หยุนชางประคองนางพลางรีบพูดว่า "ท่านยายพูดอะไรเช่นนั้น เป็นข้าและชิงเหยียนต่างหากที่ไม่รอบคอบ ทำให้ท่านตาตกเป็นเป้าหมาย"
พิษของฮวากั๋วกงมีชายชุดขาวเป็นผู้แก้ ผู้วางยาที่อยู่เบื้องหลังก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นจึงไม่มีอะไรต้องเดา หยุนชางและลั่วชิงเหยียนอยู่ที่นั่นอีกครู่หนึ่งก่อนจะถูกกั๋วกงฮูหยินไล่กลับไป
เมื่อกลับมาถึงที่พัก หยุนชางเดินไปที่ประตูห้อง แต่จู่ๆ ก็ชะงักลง "ท่านตาล้มป่วยลงเช่นนี้ เกรงว่าผู้ที่ต้องออกไปรบก็คงจะต้องเป็นท่านอ๋องแล้ว"
ลั่วชิงเหยียนขมวดคิ้วเล็กน้อย เสียงของเขาแหบพร่า "ไม่แน่หรอก" เขาพูดแล้วก็ตรงไปยังห้องหนังสือ
หยุนชางอึ้งไปเล็กน้อยแล้วจึงเข้าห้องไป
ฉินยีช่วยหยุนชางปลดเสื้อคลุมออก เฉี่ยนจั๋วก็ก้าวเข้ามาและเอ่ยปากเบาๆ ว่า "ตอนที่พระชายาอยู่นอกเมืองได้ให้สายลับไปสืบเรื่องคนแซ่อิงที่เมืองเยว่เฉียนหรือไม่เพคะ?"
หยุนชางพยักหน้า "ใช่แล้ว มีข่าวแล้วหรือ?"
เฉี่ยนจั๋วยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้หยุนชาง "เมื่อครู่มีสายลับส่งนี่มาเพคะ"
หยุนชางรับมันมาเปิดดูและยิ้มเย็นที่มุมปาก "เป็นเช่นนี้จริงๆ"
ฉินยีมองหยุนชางอย่างอยากรู้อยากเห็นเล็กน้อย "ที่เมืองเยว่เฉียนไม่มีคนแซ่อิงหรือเพคะ?"
หยุนชางยิ้มและส่งกระดาษให้ฉินยี "จะไม่มีได้อย่างไร ไม่เพียงแต่มีเท่านั้น แต่แซ่อิงเป็นตระกูลใหญ่ในเมืองเยว่เฉียน มีคนแซ่อิงเยอะเกินไปและทุกคนก็รู้ว่าเมืองเยว่เฉียนถูกน้ำท่วมและมีคนเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก หลายครอบครัวถูกทำลายไป"
หยุนชางเดินไปที่โต๊ะและใคร่ครวญ จากนั้นก็สั่งเฉี่ยนจั๋ว "เฉี่ยนจั๋ว เจ้าไปหาพ่อบ้าน ให้เขานำสมุดบัญชีของหยวนซานจวงมาให้ข้า ข้าจะดูให้ละเอียดเสียหน่อย"
เฉี่ยนจั๋วรีบรับคำและไปนำสมุดบัญชีมา
หยุนชางเปิดดูอย่างละเอียดแล้วจึงนึกย้อนไปถึงรายการซื้อของในมือพ่อบ้านหลิวที่นางเห็นเมื่อเช้าวานนี้ ในนั้นเขียนว่าเมล็ดมันเทศ หยุนชางหาคำว่ามันเทศในสมุดบัญชีและเปรียบเทียบอย่างระมัดระวัง เป็นสองรูปแบบที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
เงียบไปอยู่นานก่อนที่หยุนชางจะพูดกับเฉี่ยนจั๋วว่า "ให้สายลับไปสืบมาว่าองค์หญิงใหญ่สามารถเลียนแบบลายมือของผู้อื่นได้ หรือไม่ หรือว่านางสามารถเขียนด้วยลายมือมากกว่าสองแบบขึ้นไป"
เฉี่ยนจั๋วไม่เข้าใจนัก แต่นางก็พยักหน้าเบาๆ และก้าวถอยหลังออกไป แต่ดวงตาของฉินยีกลับเปล่งประกายประหลาดใจ นางเงียบไปนานก่อนจะพูดเบาๆ ว่า "พระชายาสงสัยว่ายายอิงผู้นั้นคือองค์หญิงใหญ่ใช้วิชาแปลงโฉมปลอมตัวมาหรือเพคะ?"
หยุนชางส่ายหัวเล็กน้อย "ไม่ได้แปลงโฉม ยายอิงนั้นไม่ได้แปลงโฉม หากมีการแปลงโฉมข้าต้องดูออกแน่"
หลังเที่ยงของวันรุ่งขึ้น หยุนชางได้ยินสาวใช้มารายงาน "พระชายา พระชายาองค์ชายเจ็ดมาเพคะ"
หยุนชางกำลังอ่านหนังสืออยู่ นางคลุมเสื้อคลุมไว้อย่างลวกๆ เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะอย่างเนิบนาบและพยักหน้าลุกขึ้นเดินไปที่เตียงพลางเลิกยกผ้าห่มขึ้นและล้มตัวนอนลงบนเตียง
มีเสียงฝีเท้าเบาๆ ดังมาจากข้างนอก ฮวาอวี้ถงนั่นเอง หยุนชางจึงจงใจตะโกนเรียกฉินยี "อวี้ถงมาแล้ว ฉินยี พยุงข้าขึ้นหน่อย" สีหน้าของนางดูซีดกว่าเมื่อครู่มาก
ทันทีที่สิ้นเสียง ฮวาอวี้ถงก็เปิดม่านและเดินเข้ามา เมื่อเห็นสภาพของหยุนชางก็ตกใจ นางรีบเดินมานั่งลงที่เตียงแล้วถามว่า "ชางเอ๋อร์ เจ้าเป็นอะไรไป? ทำไมสีหน้าย่ำแย่เช่นนี้?"
หยุนชางตกใจ จากนั้นยกมือขึ้นสัมผัสใบหน้า "สีหน้าของข้าแย่มากหรือ?"
ฉินยีอ้าปากและไม่พูดอะไร ฮวาอวี้ถงจึงได้รู้ตัวว่านางเหมือนจะพูดอะไรผิดไปจึงกัดริมฝีปากแน่น "ก็ไม่ได้แย่นัก แค่ดูซีดไปหน่อย"
หยุนชางถอนหายใจเล็กน้อยและกล่าวว่า "อวี้ถงรู้เรื่องที่ฮวากั๋วกงถูกวางยาหรือยัง?"
เกรงว่าฮวาอวี้ถงจะยังไม่รู้ เมื่อได้ยินเช่นนั้นนางก็ตะลึงไป "วางยาอะไรกัน?"
"หา? เจ้าไม่รู้หรือ?" หยุนชางเบิกตากว้างและเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวว่า "เมื่อวานท่านตาโดนวางยา หมอพบว่าเขากินบัวหิมะปุยที่หน้าตาเหมือนกับบัวหิมะเทียนซานเข้าไปโดยไม่รู้ตัว พิษนั้นไม่ร้ายแรงถึงชีวิต แต่รักษาลำบากมาก แม้ว่าจะมียาก็ต้องใช้เวลาสองเดือน"
ฮวาอวี้ถงมีแววตาตื่นตระหนก นางรีบกล่าวว่า "มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นแต่ข้ากลับไม่ได้รับข่าวใดๆ เลย อีกเดี๋ยวข้าจะไปดูที่จวนกั๋วกงเสียหน่อย"
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง นางก็เอ่ยว่า "ท่านตาถูกพิษแต่ไม่ได้เป็นอันตรายถึงชีวิต เหตุใดชางเอ๋อร์จึงได้เป็นกังวลนัก?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง
ทำไมถึงอ่านบทที่ 18 และอื่นๆต่อไปไม่ได้...