ภายในห้องโถงรับแขกด้านหลังมีหอพักส่วนตัวคอยรับรองอยู่ หยุนชางเดินขึ้นบันไดด้วยความรีบร้อนพร้อมกับเสี่ยวเอ้อร์ เมื่อเดินเข้ามาไปในห้องพักห้องหนึ่ง พลันเห็นอ๋องเจ็ดก็อยู่ภายในห้องนั้นด้วยเช่นกัน นอกจากอ๋องเจ็ดแล้ว ภายในห้องยังชายอายุประมาณสี่ห้าสิบปีอยู่อีกสองคน ดูจากการแต่งตัวแล้วเกรงว่าจะเป็นหมอ
หยุนชางหลี่ตาลงเล็กน้อย มุมปากพลันกระตุกยิ้มขึ้นมาอย่างเย็นชา เกรงว่าองค์ชายเจ็ดจะกลัวว่าตนเองจะต้องตกเป็นผู้ต้องสงสัยไปด้วย จึงรีบเชิญหมอมาจับชีพจรให้ตนเองกระมัง
หยุนชางเหลือบไปมองสีหน้าของอ๋องเจ็ดที่ดูน่าเกลียดเป็นอย่างมาก บนหน้าผากมีร่องรอยเส้นเลือดสีน้ำเงินปูดบวมขึ้นมา สายตาจับจ้องไปยังบนเตียงที่มีลั่วชิงเหยียนนอนอยู่ หยุนชางพลันยิ้มออกมาอย่างเย็นชา หากไม่มีองค์รักษ์เงาคอยสอดส่องอยู่ เกรงว่าอ๋องเจ็ดคงจะแอบลงมือสังหารไปแล้วกระมัง
หยุนชางรีบเดินไปยังเบื้องหน้าของลั่วชิงเหยียน สีหน้าเต็มไปด้วยความวิตกกังวล จึงรีบจับที่ข้อมือของลั่วชิงเหยียนทันทีเพื่อจับชีพจรให้เขา. หลังจากจับชีพจรไปได้ไม่นานจึงลอบสังเกตุอาการของลั่วชิงเหยียนอย่างละเอียด พลันอุทานออกมาว่า "เป็นพิษบัวหิมะปุย"
สายตาของอ๋องเจ็ดจับจ้องไปที่ร่างของหยุนชาง หยุนชางเหมือนว่าจะได้ยินเสียงเยาะเย้ยออกมาจากปากเขาเบา ๆ หลังจากนั้นเขาก็ถอนสายตาออกไป
"พี่สะใภ้มีทักษะการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ คงจะมีวิธีช่วยรักษาเสด็จพี่กระมัง ? " แม้ว่าคำพูดของอ๋องเจ็ดจะเสียงเบาไปหน่อย ทว่ากับเต็มไปด้วยความเยาะเย้ย
หยุนชางพลันถอนหายใจออกมาเบา ๆ พร้อมขบริมฝีปากไปมาว่า "ก่อนหน้านั้น. หม่อมฉันมิเคยพบพิษที่แปลกประหลายเช่นนี้มาก่อน ทว่า เมื่อวานฮวากั๋วกงก็เพิ่งถูกพิษชนิดนี้ไปเช่นเดียวกัน หม่อมฉันจึงตั้งใจหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับยาพิษชนิดนี้ออกมา หากแต่วัตถุดิบที่จะทำยาถอนพิษนั้น ล้วนแต่หาได้ยากเป็นอย่างยิ่ง การจะจัดเตรียมสมุนไพรเพื่อทำยาถอนพิษได้นั้นจำเป็นต้องใช้เวลานานถึงสองเดือน เพื่อกำจัดพิษในร่างกายให้หมดไปได้ หากว่ายาพิษมิออกอาการแล้ว อาจจะทำให้ผู้ที่โดนพิษไม่สามารถฟื้นขึ้นมาได้แน่. หม่อมฉันเพียงแค่มีความรู้ทางการแพทย์เล็กน้อยเท่านั้น มิได้รู้เรื่องยาพิษอะไรมาก "
ท่าทางของหยุนชางราวกับว่ากำลังวิตกังวล พลางลุกขึ้นยืนเดินไปเดินมาภายในห้องสองรอบ จึงเงยหน้าขึ้นมาถามอ๋องจ็ดว่า "หม่อมฉันมีเรื่องที่ไม่ค่อยเข้าใจเพคะ อยากให้อ๋องเจ็ดช่วยไขข้อข้องใจให้กระจ่าง. วันนี้ในตอนเที่ยงท่านอ๋องบอกกับหม่อมฉันว่า จะมาทานอาหารกับอ๋องเจ็ดที่หอหลงเฟิ่ง. อ๋องเจ็ดช่วยเล่าให้หม่อมฉันฟังได้หรือไม่ว่า. ในตอนที่พวกท่านทานอาหารอยู่นั้น เกิดเหตุการณ์อันใดขึ้นกันแน่ ทำไม ท่านอ๋องถึงได้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นได้ แล้วเหตุใดอ๋องเจ็ดถึงไม่มีอาการอันใดเลย ? "
อ๋องเจ็ดยิ้มออกมาเล็กน้อย พร้อมพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า "พี่สะใภ้กล่าวเช่นนี้. จะกล่าวหาว่าข้าไม่ปกป้องเสด็จพี่ให้ดีงั้นหรือ ? "
"จะพูดว่ากล่าวหามิได้เพคะ. หม่อมฉันเป็นภรรยาของชิงเหยียน. ตอนนี้ชิงเหยียนนอนเป็นผักเป็นปลาเช่นนี้ หม่อมฉันย่อมอยากรู้ว่า แท้จริงแล้วท่านอ๋องโดนพิษได้เช่นไร ? " หยุนชางกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา พร้อมจ้องมองอ๋องเจ็ดด้วยแววตาที่ว่างเปล่า
อ๋องเจ็ดเพียงแสยะยิ้มออกมา "ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน เสด็จพี่ทานสิ่งใด ข้าก็ทานสิ่งนั้น หากแต่ข้ากับไม่ "
เมื่อกำลังพูดอยู่นั้น. พลันได้ยินเสียงฝีเท้าที่เดินอยู่ตรงบันไดด้านนอกดังเข้ามา เสมือนว่ามีผู้คนกำลังเดินขึ้นมาด้านบนนี้ หยุนชางพลางหันหน้ากลับมา พร้อมกุมมือลัวชิงเหยียนไ้ว้ สีหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าโศก
ประตูพลันถูกเปิดออกมา หยุนชางมิได้หันกลับไป พลางได้ยินเสียงด้านหลังกำลังคุกเข่าลงด้วยความรีบร้อน. "จักรพรรดิเสด็จ"
หยุนชางทำตัวราวกลับว่าไม่รับรู้สิ่งใด เพียงแค่กุมมือลัวชิงเหยียนไว้เช่นนั้น
ผ่านไปครู่หนึ่ง น้ำเสียงที่เย็นชาของเซี่ยหวนอวี่พลันดังขึ้นมาว่า "พระชายารุ่ยอ๋อง เจ้าหลีกทางให้หมอหลวงจับชีพจรดูอาการรุ่ยอ๋องหน่อยเถิด"
อ๋องเจ็ดพลันคุกเข่าโขกศีษะลงกับพื้นเพื่อรับคำสั่ง. ยามที่เงยหน้าขึ้นมามองนั้น พลันกวาดสายตามองไปที่หยุนชาง ด้วยสายตาเย็นชาเล็กน้อย
หยุนชางเสแสร้งทำเป็นมิรู้สึกอันใด เซี่ยหวนอวี่พลันลุกขึ้นยืนแล้วจึงบอกกับหยุนชางว่า "ให้คนนำตัวรุ่ยอ๋องกลับไปรักษาที่จวนเถิด " พูดจบพลันหันกายเดินจากไป
หยุนชางพลางคำนับอีกรั้ง แล้วจึงลุกขึ้นยืนพร้อมตบมือเพียงไม่กี่ครั้ง องครักษ์เงาสวมชุดดำสองคนที่ซ่อนตัวอยู่บนคานห้อง พลันกระโดดมาที่เบื้องหน้าของอ๋องเจ็ด พร้อมเดินไปที่ข้างเตียง เพื่อประคองลั่วชิเหยียนขึ้นมาแล้วจึงเดินออกไปจาห้องทันที
หยุนชางโค้งกายต่อหน้าอ๋องเจ็ดเล็กน้อยว่า "ต้องรบกวนอ๋องเจ็ดแล้วเพคะ"
เมื่ออ๋องเจ็ดได้ยินเช่นนั้น. สายตาจับจ้องไปที่ใบหน้าของหยุนชาง พร้อมกระตุกริมฝีปากขึ้นมาแล้วจึงค่อย ๆ เผยรอยยิ้มออกมาว่า "พี่สะใภ้มิต้องเกรงใจ พี่สะใภ้คิดว่าเสด็จพี่ต้องพิษเช่นนี้. ข้าจักสบายใจได้หรือ ?"
หยุนชางพลางเลิกคิ้วขึ้น พร้อมค่อย ๆ หันไปหาอ๋องเจ็ดที่มีสีหน้าซีดขาว พลางกระตุกยิ้มด้วยความเย็นชาว่า "ท่านอ๋องเจ็ดพูดอะไรงั้นหรือ. ทำไมหม่อมฉันไม่ค่อยเข้าใจถึงสิ่งที่พระองค์สื่ออกมาเลยเล่า ? ท่านอ๋องเจ็ดร่างกายมิแข็งแรง มิรู้ว่า ประชาชนจะเชื่อในอาการเจ็บป่วยออด ๆ แอด ๆของท่านอ๋องหรือไม่ "คำพูดของที่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ของหยุนชาง สามารถทำให้สีหน้าของอ๋องเจ็ดแปรเปลี่ยนไปได้ทันที หยุนชางพลันส่งเสียงเยาะเย้ยออกมาเบาๆ
พร้อมหันหน้าเดินออกไปจากห้องแล้วไม่กลับมาอีก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง
ทำไมถึงอ่านบทที่ 18 และอื่นๆต่อไปไม่ได้...