"ไม่ได้จำผิด ของสิ่งนี้เป็นของปลอมเลย" หยุนชางยิ้มเย็น "ตามหลักแล้ว เซี่ยงเหวินกับเซี่ยงฝูเข้าวังมาในปีที่ยี่สิบเอ็ดในรัชสมัยหมิงฉี่ ลายมือบนกระดาษนี้ควรถูกเขียนขึ้นในปีนั้น บันทึกสุดท้ายก็เป็นเพียงเรื่องที่พวกเขาถูกย้ายไปที่ตำหนักไท่จี๋หลังจากการสิ้นพระชนม์ของทาเฮาเมื่อปีที่แล้ว หรือก็คือลายมือบนกระดาษนี้อย่างช้าที่สุดก็ต้องเป็นเวลาตั้งแต่ปีที่แล้ว" สายตาของหยุนชางทอดลงมองบนกระดาษ
"อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่ารอยหมึกบนกระดาษนี้จะดูเก่าไปหน่อย แต่หมึกที่ใช้กลับเป็นน้ำหมึกจวินจื่อที่เพิ่งทำขึ้นเมื่อต้นปี ข้าคิดว่ากระดาษนี้เพิ่งถูกเขียนขึ้นเมื่อคืนหรือเมื่อเช้านี้เอง ส่วนสภาพเก่าแก่นี่นั้นคงจะมีคนพรมน้ำลงบนกระดาษและนำไปผิงไฟจงใจทำให้ดูเหมือนของเก่า"
หยุนชางมีสีหน้าเรียบเฉยแต่กลับมีท่าทางมั่นใจมาก ฉินยีเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะเอ่ยว่า "ใครเป็นคนทำให้เป็นเช่นนี้หรือเพคะ?"
"ใครงั้นหรือ?" หยุนชางยิ้มเย็นและหันไปตอบฉินยี "พวกเจ้าไปถามเหล่าคนที่แฝงตัวอยู่ว่าก่อนหน้านี้หลังจากที่ไฉ่ยีและฉีรุ่ยไห่ออกจากตำหนักเฉาเซี่ยแล้วไปที่ใดมาบ้าง"
"พระชายาสงสัยไฉ่ยีกับ..." ฉินยีได้ยินเช่นนั้นก็รีบรับคำและหันออกไปสั่งการ
หยุนชางถือกระดาษไว้ด้วยสีหน้าเฉยชาครู่หนึ่ง จากนั้นมุมปากของนางก็ค่อยๆ ยกขึ้น ดูเหมือนว่าทุกอย่างไม่ได้ไปได้ด้วยดีนัก แต่อย่างน้อยนางก็รู้แล้วว่าลั่วชิงเหยียนกำลังจะทำอะไรต่อจึงรู้สึกโล่งใจ
ในขณะที่กำลังคิดอยู่ เฉี่ยนจั๋วก็เดินเข้ามาจากข้างนอกพร้อมถาดในมือ บนนั้นกลับมีผ้าเช็ดหน้าวางอยู่
หยุนชางมองเฉี่ยนจั๋วอย่างไม่เข้าใจนัก สีหน้าของเฉี่ยนจั๋วกังวลเล็กน้อย นางรีบพูดขึ้นอย่างรวดเร็วว่า "พระชายา ฮองเฮาสั่งให้คนนำมันมาส่งเพคะ"
ฮองเฮา? หยุนชางขมวดคิ้ว ทำไมนางจึงส่งผ้าเช็ดหน้ามาให้? เมื่อหยุนชางเอื้อมมือไปหยิบผ้านั้นมาเปิดออกสีหน้าของนางก็พลันเปลี่ยนไป
ผ้าเช็ดหน้านั้นมีสีเรียบๆ มุมล่างขวาปักด้วยลายกล้วยไม้เล็กๆ ดูเรียบง่ายสวยงาม ใต้ภาพกล้วยไม้มีอักษรสองตัวปักไว้ว่าซูจิ่น
หยุนชางขยำผ้าเช็ดหน้านั้นเป็นก้อนกลมทันทีแล้วเก็บเข้าไปในแขนเสื้อพลางยืนขึ้นและพูดกับเฉี่ยนจั๋ว "ฉินยีมีธุระต้องออกไปทำ เจ้าไปตำหนักเว่ยยางกับข้าเถอะ"
เพราะสองวันนี้มีเรื่องเกิดขึ้นมากมาย หยุนชางจึงได้ลืมเรื่องที่ฮองเฮาประทานปิ่นให้นางในวันนั้นไปเสียสนิท เกรงว่าฮองเฮาจะรอไม่ไหวแล้วจึงได้ถึงกับมาส่งผ้าเช็ดหน้าที่ปักชื่อเสด็จแม่ของนางมา
เฉี่ยนจั๋วไม่รู้ต้นสายปลายเหตุแต่ก็รีบร้อนตามหยุนชางไปที่ตำหนักเว่ยยาง
เมื่อพวกนางมาถึงตำหนักเว่ยยางก็ได้รับแจ้งว่าฮองเฮากำลังชมดอกไม้อยู่ที่อุทยานหลวง หยุนชางมุ่งหน้าไปยังอุทยานหลวงแทน
ในช่วงปลายฤดูหนาวนั้นในอุทยานหลวงเต็มไปด้วยความหดหู่ มีดอกไม้ให้ชมเสียที่ไหนกัน
หยุนชางเดินเข้าไปในอุทยานก็เห็นฮองเฮานั่งอยู่ในศาลาบนภูเขาจำลอง นางจึงรีบเดินขึ้นไป ฮองเฮากำลังนั่งอยู่ในศาลา ด้านนอกศาลามีนางกำนัลยืนอยู่อีกแปดคน ด้านหน้าของนางที่พิณตั้งอยู่ มือของนางดีดเบาๆ พิณนั้นเปล่งเสียงติ๊งๆ ออกมาโดยไม่เป็นเพลง
เมื่อเห็นหยุนชางเดินเข้ามา นางก็ยิ้มบางๆ พลางเงยหน้าขึ้นมองหยุนชางและชี้ไปที่เก้าอี้ตรงข้ามกับตนเอง "พระชายารุ่ยอ๋องมาแล้วหรือ นั่งลงเถอะ"
มือของหยุนชางกดสายพิณในมืออย่างแรง เมื่อได้ยินเช่นนั้นนางก็หัวเราะขึ้น "เป็นดังเช่นที่ฮองเฮาว่ามาเพคะ ตอนที่หม่อมฉันยังเล็กรู้สึกว่ามีมารดาที่อยู่ในตำหนักเย็นเป็นเรื่องที่น่าอัปยศอดสูอย่างยิ่ง เสด็จแม่ของหม่อมฉันควรเป็นฮองเฮาผู้สูงศักดิ์ ตอนนั้นหม่อมฉันยังเล็กและไม่รู้ความ นิสัยเอาแต่ใจ หากใครเอ่ยถึงชาติกำเนิดของหม่อมฉันย่อมต้องโดนลงโทษ"
"หือ? เช่นนี้แล้วความสัมพันธ์ระหว่างเจ้ากับมารดาผู้ให้กำเนิดเจ้าก็คงไม่ได้ใกล้ชิดกันนักกระมัง? ข้าได้ยินมาว่าภายหลังเมื่อมารดาของเจ้าถูกปล่อยออกจากตำหนักเย็นแล้ว อีกทั้งตอนนี้ยังเป็นถึงจิ่นกุ้ยเฟยและยังให้กำเนิดองค์ชายอีกคน องค์ชายเฉินซีผู้นั้นเป็นองค์ชายองค์เดียวของแคว้นหนิง" ดวงตาของฮองเฮายังคงจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของหยุนชาง
หยุนชางไม่รู้ว่านางต้องการอะไรกันแน่จึงเงยหน้าขึ้นและยิ้มอย่างเงียบๆ ดวงตาของนางสงบนิ่ง "แม้จะรู้ว่าคำถามนี้ออกจะดูไม่สุภาพนัก แต่หม่อมฉันกลับถามจะถามท่านว่าหากท่านเป็นหม่อมฉัน ถูกมารดาทอดทิ้ง ตั้งแต่เล็กจนโต สิบห้าปีไม่เคยพบมารดาเลย ท่านจะทำเช่นไรเพคะ?"
เมื่อฮองเฮาได้ยินเช่นนั้นก็เพียงยิ้มเงียบๆ แต่ไม่ได้เอ่ยอะไร แต่ดวงตาของนางกลับฉายแววเย็นชา
หยุนชางรีบกล่าวว่า "หม่อมฉันล่วงเกินแล้ว"
นางหยุดไปเล็กน้อยก่อนจะกล่าวต่อว่า "นางเป็นเสด็จแม่ของหม่อมฉัน นี่เป็นความจริงที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ หม่อมฉันเคารพนางแต่ไม่อาจสนิทสนม อย่างไรสิบห้าปีที่ขาดหายไปก็เป็นความน่าเสียดายที่ไม่อาจชดเชยได้"
ฮองเฮายิ้มอย่างเงียบๆ "เจ้าช่างเป็นผู้ที่มีนิสัยใจคอตรงไปตรงมานัก"
"ขอบพระทัยที่ฮองเฮากล่าวชมเพคะ" หยุนชางคร้านจะอ้อมค้อมกับฮองเฮาอีก ดังนั้นนางจึงเอ่ยปากออกมาตามตรง "ดังนั้นปิ่นปักผมในวันนั้นและผ้าเช็ดหน้าในวันนี้นั้น เป็นเพราะสาวใช้ข้างกยาของหม่อมฉันเคยเป็นสาวใช้ข้างกายเสด็จแม่มาก่อนจึงได้รู้ว่านี่เป็นสิ่งของของนาง ฮองเฮามองของสองสิ่งนี้ให้หม่อมฉัน ไม่ทราบว่ามีสาเหตุอันใดหรือไม่?" หยุนชางดึงสายพิณ เสียงพิณไพเราะเสนาะหู สายตาของหยุนชางจับจ้องอยู่บนพิณ บางทีอาจเป็นเพราะนางไม่ได้เล่นพิณมานาน ที่นิ้วจึงมีแผลเล็กๆ และเลือดเปื้อนที่สายพิณ หยุนชางเช็ดคราบเลือดออกเบาๆ ด้วยสีหน้าราบเรียบ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง
ทำไมถึงอ่านบทที่ 18 และอื่นๆต่อไปไม่ได้...