ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง นิยาย บท 717

หยุนชางพยักหน้าเบา ๆ เสียงของนางคลุมเครือเล็กน้อย " ก่อนหน้านี้ข้าง่วงมากเกินไปจึงลืมไปว่า ก่อนหน้านี้ข้าพบซีผิดที่ตำหนักหลักของตำหนักหมิงชุ่ย นางกล่าวว่านางกำนัลของนางพบเจอของบางอย่างในวันที่หลิวเกิงยีเกิดเรื่องขึ้น จึงบอกข้าว่าหากมีเวลาว่างให้ข้าไปหานางที่วังหมิงชุ่ย เจ้าพยุงข้าหน่อย........."

หยุนชางลืมตา จากนั้นก็เห็นแววตาของไฉ่ยีเผยความกังวลออกมา ฉินยีหยุดชะงักเล็กน้อย จากนั้นก็เข้าใจแล้วว่าตอนนี้หยุนชางคงกำลังเริ่มวางแผนแล้วกระมั้ง

"รับทรายค่ะเพคะ" ฉินยีก้มลงแล้วพยุงหยุนชางขึ้นมา แล้วพาหยุนชางไปนั่งอยู่หน้ากระจก แปรงผมที่ยุ่งเหยิงของหยุนชางออกแล้วมวยผมขึ้นมาเป็นทรงมวยหลังม้า

หยุนชางมองเข้าไปในกระจก ดูเหมือนว่าไฉ่ยีจะเหม่อลอยเล็กน้อย หยุนชางจึงอมยิ้มขึ้นมา และเรียกเบาๆ ว่า "ดูเหมือนว่าเซียงเฟยเหนียงเหนียงจะชอบขนมกุ้ยฮวาอย่างมาก ช่วงนี้ข้าเองก็ได้รับการดูแลจากเซียงเฟยเหนียงเหนียงอย่างมาก ไฉ่ยีเจ้าไปสั่งให้ทางครัวทำขนมกุ้ยฮวาสักหน่อย ประเดี๋ยวนี้ข้าจะนำไปให้กับเซียงเฟยเหนียงเหนียง"

อาจเป็นเพราะได้ยินหยุนชางเรียกชื่อนาง ไฉ่ยีจึงได้สติขึ้นมา แล้วจึงเร่งตอบรับว่า " รับทราบค่ะเพคะ หม่อมฉันจะไปสั่งให้ทางครัวเตรียมประเดี๋ยวนี้เลยเพคะ" ขณะที่กล่าวนางก็เดินออกไป

เมื่อไฉ่ยีกลับมาถึงที่ห้องอีกครั้ง หยุนชางก็เตรียมตัวเรียบร้อยแล้ว

หยุนชางยืนขึ้นและสั่งฉินยีว่า" เจ้าตามข้าไปที่ตำหนักหมิงชุ่ยเถิด"

ฉินยีพยักหน้าเบา ๆ และพยุงหยุนชางกำลังจะออกจากบ้านไป หยุนชางเดินไปถึงหน้าประตูแล้วดูเหมือนจะจำอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงหันไปหาไฉ่ยีและกล่าวว่า " วันนี้ฝ่าบาทอาจจะเสวยพระกระยาหารที่ตำหนักเซียงจู๋ เจ้าเตรียมให้เรียบร้อย พยายามส่งไปก่อนที่จะถึงเวลาเสวยพระกระยาหารค่ำ ให้ฝ่าบาทได้ชิมบ้าง"

หยุนชางเห็นร่างกายของไฉ่ยีสั่นสะท้านอย่างแรง สีหน้าของนางขาวซีดขึ้นมาทันที นางมิได้รอให้ไฉ่ยีตอบรับ นางก็เดินออกจากตำหนักบรรทมไปพร้อมฉินยี

หลังจากออกจากวังหลิงหลงไป ฉินยีจึงกล่าวเบาๆ ว่า " พระชายากลัวว่าไฉ่ยีจะแอบสะกดรอยตามเรามาใช่หรือไม่เพคะ?"

หยุนชางพยักหน้าเบา ๆ "หากว่าข้าคาดเดาไม่ผิด วันนั้นที่ไฉ่ยีลงมือกับหลิวเกิงยี นางอาจจะเตรียมการได้ไม่พร้อมเท่าไหร่ ข้ากล่าวว่ามีคนในตำหนักหมิงชุ่ยเห็นอะไรบางอย่าง แน่นอนว่านางจะต้องกระวนกระวายอย่างแน่นอน โบราณเขาว่าสุนัขจนตรอกกล้าทำทุกอย่าง แม้กระทั่งกระต่ายหากว่าจนตรอกก็กล้าทำทุกอย่างเช่นกัน ข้าอยากเห็นจริงๆ ว่านางจะจัดการกับมันอย่างไร"

อันที่จริงแล้วหยุนชางและซีผินมิได้สนิทกัน นางใช้ข้ออ้างเดินผ่านจึงเข้าไปที่ตำหนักหมิงชุ่ย นาง พูดคุยกับซีผินเรื่องเสื้อผ้าเครื่องประดับ แต่นางก็อยู่ในตำหนักนั้นนานกว่าครึ่งชั่วโมงแล้วจึงออกจากตำหนักหมิงชุ่ยไป

เมื่อกลับไปถึงตำหนักเฉาเซี่ย ไฉ่ยีก็ยังไม่กลับมา หยุนชางและฉินยีเดินเข้าตำหนักในไปพร้อมกัน ฉินยีเห็นว่ามีแจกันดอกไม้วางอยู่ข้างหน้าต่าง นางตงิดใจจึงเดินไปที่แจกันดอกไม้แล้วย้ายแจกันออก ข้างล่างนั้นมีจดหมายวางอยู่

ฉินยีหยิบจดหมายนั่นออกมา แล้วยื่นให้กับหยุนชาง หยุนชางคลี่ออกแล้วดู นางเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วโยนจดหมายเข้าไปในเตาถ่านและเผาทิ้ง

"มีข่าวกระไรหรือเพคะ?" ฉินยีเห็นเช่นนี่จึงเร่งถาม

สีหน้าของหยุนชางเเปลกไปเล็กน้อย ดูเหมือนจะสบายใจ แต่ก็เผยความเหลือเชื่อออกมา ผ่านไปครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า " เป็นสารจากหวังหว่านจือ นางกล่าวว่ามีสารลับจากทางชายแดนแจ้งมาว่าอ๋องเจ็ดและซูหรูไห่นำทัพไปถึงนอกเมืองหลิงซีแล้ว "

ฉินยีตกตะลึง ดูเหมือนเรื่องนี้จะไม่เกี่ยวข้องกับพระชายามากเท่าไหร่นัก

หยุนชางกล่าวต่ออีกว่า " กองทัพของเซี่ยหวนอวี่มีกองกำลังห้าแสนนาย แต่ทัพที่อ๋องเจ็ดและซูหรูไห่นำออกไปนอกเมืองหลิงซีไปมีเพียงแค่แสนห้านาย"

"พระชายาเพคะ หม่อมฉันนำขนมกุ้ยฮวาไปส่งแล้วเพคะ" เสียงของไฉ่ยีดังขึ้นอย่างอ่อนโยนและสุภาพ

หยุนชางพยักหน้าและตอบกลับอย่างแผ่วเบาว่า "ดีแล้ว ส่งไปแล้วก็ดี ฝ่าบาทอยู่ที่ตำหนักเซียงจู๋หรือไม่?" หลังจากพูดจบนางก็ลืมตาขึ้นมาช้าๆ หยุนชางได้เก็บซ่อนอารมณ์ตื่นตระหนกเมื่อสักครู่นี้กลับไปอย่างไม่มีร่องรอย

ไฉ่ยีพยักหน้าเบา ๆ และยิ้มพร้อมกล่าวว่า " ฝ่าบาทได้ยินว่าขนมนั่นพระชายาเป็นคนสั่งให้นำไปส่ง พระองค์จึงยิ้มและชมว่า เมื่อครั้งอยู่ที่แคว้นหนิง พระองค์ทรงเคยเสวยขนมกุ้ยฮวานี้ที่หออวี่หมั่น และมันรสชาติดีอย่างมาก จากนั้นพระองค์ทรงเสวยไปพร้อมกับเซียงเฟยเหนียงเหนียง เซียงเฟยเหนียงเหนียวเสวยไปสองชิ้น ฝ่าบาทเสวยไปหนึ่งชิ้นเพคะ"

"เยี่ยม ฝ่าบาททรงโปรดก็ย่อมดี" หยุนชางดูอ่อนแรงเล็กน้อย ดูเหมือนว่าไม่ค่อยมีแรงเท่าไหร่

ไฉ่ยีมองดูสีหน้าของหยุนชางและฉินยี จึงยิ้มแล้วกล่าวว่า " เหตุใดพระชายาไปที่ตำหนักหมิงชุ่ยมาแต่กลับดูอ่อนแรงกว่าเดิมเพคะ? นางกำนัลของตำหนักหมิงชุ่ยพบเห็นกระไรหรือเพคะ?"

หยุนชางหลับตาลงแล้วพูดเสียงต่ำว่า "นางกำนัลนั้นกล่าวว่าตกค่ำค่อนข้างมืด นางมองไม่ชัด จึงพบเพียงแค่ว่ามีหญิงสาวคนหนึ่งกำลังพูดคุยกับเซี่ยงเหวินเซี่ยงฝู ตอนหลังนางมิทันได้สังเกต และไม่ทราบว่าเกิดกระไรขึ้น เมื่อเห็นครั้งที่สองนางก็ไม่พบเซี่ยงเหวินและเซี่ยงฝูแล้ว ส่วนหลิวเกิงยีก็เดินออกจากตำหนักข้างทางตอนตะวันออกไปพร้อมกับหญิงสาวคนนั้น"

มือของไฉ่ยีแอบสั่นเล็กน้อยอยู่ในแขนเสื้อ แล้วจึงเร่งตามอีกว่า "มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ? นางกำนัลนั้นเห็นใบหน้าของหญิงสาวคนนั้นหรือไม่เพคะ"

เมื่อหยุนชางได้ยินไฉ่ยีถามเช่นนี้ จึงเงยหน้าขึ้นและมองไปทางไฉ่ยี ราวกับว่ากำลังครุ่นคิด หลังจากนั้นไม่นานจึงกล่าวขึ้นมาอย่างเฉยเมยว่า " นางอยู่ห่างจากที่ตรงนั้นเล็กน้อย จึงมองไม่ชัด เพียงแต่ว่านางกำนัลนั้นกล่าวว่ารูปร่างของหญิงสาวนั้นคุ้นตาอย่างมาก หากว่านางพบอีกครั้งก็คงจำได้อย่างแน่นอน ประเดี๋ยวข้าจะส่งคนให้ไปแจ้งกับฉีรุ่ยไห่สักหน่อย ให้เขาพานางกำนัลคนนั้นเดินวนรอบวัง แล้วดูว่าจะพบเบาะแสกระไรหรือไม่ พระราชวังนี้มีคนอยู่มากมาย หากว่าตั้งใจจะตามหาจริงๆ ก็คงจะพบได้อย่างแน่นอน และคนในวังหลายคนล้วนรู้สึกว่าเป็นข้า ฉะนั้นก็ให้ฉีรุ่ยไห่เริ่มตรวจหาจากข้าเถิด แต่เสียดายที่ยังไม่พบตัวเฉี่ยนจั๋ว มิเช่นนั้นก็สามารถคืนความเป็นธรรมให้นางได้"

ไฉ่ยีฟังหยุนชางกล่าว นางก็มิได้เอ่ยปากอยู่นาน จากนั้นนางจึงยิ้มและกล่าวไปตามหยุนชางว่า "ใช่แล้วเพคะ หากว่าเฉี่ยนจั๋วอยู่ก็คงดีเพคะ" "

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง