ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง นิยาย บท 744

เมื่อเฉี่ยนอินเดินออกไปแล้ว ท้องฟ้าก็เริ่มมืดครึ้ม หลังจากที่หยุนชางเสวยมื้อเย็นแล้วก็ได้ไปเดินเล่นเรียบริมทะเลสาบกับฉินยีและเฉี่ยนอิน เนื่องจากเหตุการณ์ร้ายแรงที่เกิดขึ้นภายในจวนรุ่ยอ๋องวันนั้น ทำให้บรรยากาศในจวนค่อนข้างเงียบเหงา หยุนชางเดินไปได้ไม่ไกลก็ไม่อยากเดินต่อไปอีกแล้ว นางนั่งพักเท้าอยู่ที่ศาลาบริเวณทะเลสาบ

"จวนรุ่ยอ๋องของพวกเราคงจะดูเงียบเชียบที่สุดในบรรดาจวนเชื้อพระวงศ์แล้วสินะ" หยุนชางเอ่ยขึ้น

ที่ริมทะเลสาบมีลมพัดอ่อนๆ ฉินยีนำผ้ามาคลุมไหล่ให้กับหยุนชางพร้อมกับยิ้มและเอ่ยว่า "ถึงจะเงียบเชียบก็มีข้อดีนะเพคะ ไม่ต้องมีเรื่องราวมากวนใจมากนัก"

หยุนชางพยักหน้า "พอนึกถึงวังหลวงที่มีแต่เรื่องวุ่นวาย ถ้าเทียบกับจวนของเราแล้ว ที่นี่เงียบสงบกว่าเยอะเลย"

ฉินยีได้ฟังก็หัวเราะ "ตอนนี้ แม่นางหนิงเชียนก็ได้ออกจากวังแล้ว ฮองเฮาทรงถูกกักบริเวณ วังหลังในเวลานี้ก็ถือว่าตกอยู่ในมือของเสิ่นซู่เฟยไปแล้วสินะเพคะ"

หยุนชางได้ฟังฉินยีพูดดังนั้นแล้วก็ยิ้มและส่ายหน้า "ก็ไม่แน่หรอกนะ ตอนนี้ซูหรูไห่อยู่ที่ชายแดน เขาได้ส่งข่าวดีกลับมายังวังหลวง ฮ่องเต้จึงให้เกียรติตระกูลซู มิฉะนั้นแล้ว ฮองเฮาก็คงกลับมากุมอำนาจตามเดิมได้ยาก แต่ถึงแม้ว่าฮองเฮาจะทรงออกมาไม่ได้ หญิงสาวที่มารับการคัดเลือกเพื่อเข้าวังเมื่อปีที่ผ่านมา อีกไม่นานก็คงจะไต่เต้าขึ้นสู่ตำแหน่งใหญ่โต เสิ่นซู่เฟยคงจะกุมอำนาจทั้งหมดเอาไว้ผู้เดียวไม่ได้ แม้นางจะเฉลียวฉลาด แต่ในวังหลังแห่งนี้ ผู้ที่กุมอำนาจทั้งหมดมักจะได้พบกับจุดจบที่ไม่สวยงาม เจ้าจงบอกคนของเราไว้ โอกาสมาถึงแล้ว อย่าปล่อยให้ผ่านเลยไป"

ฉินยีรับคำ แล้วหยุนชางก็ลุกขึ้นยืน "เรื่องของหวังหว่านจือยังไม่ต้องรีบร้อน ประเดี๋ยวค่อยมาจัดการก็ได้"

เมื่อกลับมาถึงเรือนหนานย่วน หยุนชางก็เข้านอนแต่หัววัน

เช้าวันถัดมา หยุนชางก็ได้ตื่นนอน พระอาทิตย์ค่อยๆขึ้นมาสาดแสงส่องสว่าง

หยุนชางมองดูภาพธรรมชาติรอบๆ นางยิ้มและพูดว่า "ฤดูใบไม้ผลิมาถึงแล้ว ดอกท้อแห่งแคว้นเซี่ยมีชื่อเสียงระบือไปไกล ปีนี้ข้าก็จะได้เห็นแล้วสินะ"

ฉินยีช่วยหยุนชางสวมชุดคลุมสีชมพู "หม่อมฉันได้ยินว่าดอกท้อบนภูเขากวงอู้นั้นงดงามเกินคำบรรยาย และภูเขากวงอู้นี้ก็ยังเป็นอุทยานหลวงอีกด้วย มีผู้คนไม่มากนัก เมื่อดอกไม้เบ่งบานแล้ว พระชายาจะเสด็จไปชมก็ได้นะเพคะ"

หยุนชางขมวดคิ้วแล้วตอบกลับไปว่า "ภูเขากวงอู้ เหมือนจะเคยมีคนมาพูดกับข้าถึงเรื่องดอกท้อบนภูเขากวงอู้ ใช่แล้ว คนคนนั้นก็คือหลิ่วหยินเฟิงนั่นเอง......"

เมื่อพูดจบ ก็นึกถึงหลิ่วหยินเฟิงขึ้นมาได้ หยุนชางจึงได้หันไปหาเฉี่ยนหลิ่วและบอกกับเฉี่ยนหลิ่วว่า "เจ้าส่งคนไปดูที่เมืองชางหนานที หลิ่วหยินเฟิงได้อยู่ในกองทัพที่เมืองชางหนานด้วยหรือไม่"

"พระชายาจะทรงอยากทราบเรื่องคุณชายหลิ่วไปทำไมกันล่ะเพคะ? ไม่กลัวท่านอ๋องทรงหึงหรือเพคะ?" ฉินยีพูดจาเย้าแหย่

"เหลวไหลน่า คุณชายหลิ่วเคยให้การช่วยเหลือข้ามาหลายครั้ง แม้แต่ชีวิตของข้าก็ได้เขาช่วยเอาไว้ ข้าก็แค่อยากจะรู้ว่าเขาหายตัวไปหรือไม่ อยากจะรู้ว่าเขายังปลอดภัยดีอยู่หรือเปล่าก็แค่นั้น" หยุนชางจ้องมองฉินยี แล้วจึงเดินออกมาจากจวน

รถม้าได้เตรียมเอาไว้พร้อมแล้ว หยุนชางขึ้นไปบนรถม้า มุ่งหน้าสู่จวนกั๋วกง

ที่จวนกั๋วกงก็ดูเงียบเชียบไม่แพ้กัน โดยปกติแล้วที่ประตูใหญ่ของจวนกั๋วกงจะมีการเปิดแง้มเล็กน้อย แต่ตอนนี้กลับถูกสั่งปิดอย่างแน่นหนา หยุนชางได้ให้คนไปเคาะประตู หลังจากนั้นไม่นาน ประตูก็ถูกแง้มออกเล็กน้อย "นั่นผู้ใดมา?"

เมื่อหยุนชางเดินลงมาจากรถม้าแล้ว เขาจึงเปิดประตูและทำการคารวะ "พระชายาเสด็จมาแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ?"

หยุนชางพยักหน้าเบาๆ แล้วจึงนำฉินยีและเฉี่ยนหลิ่วเดินเข้ามาด้านใน

"ช่วงกลางวันแท้ๆ เหตุใดจึงไม่เปิดประตูล่ะ?" เมื่อหยุนชางเดินเข้ามาภายในจวนกั๋วกงแล้ว คนเฝ้าประตูก็รีบปิดประตูทันที ทำให้หยุนชางเกิดความสงสัย

กั๋วกงฮูหยินขมวดคิ้ว "พวกเจ้าออกไปกันก่อนเถอะ อีกสักพัก พวกเด็กๆก็คงจะเลิกเรียนภาคเช้ากันแล้วล่ะ"

เหล่าฮูหยินน้อยทำความเคารพและจึงพากันเดินออกไป

เมื่อเหล่าฮูหยินน้อยเดินออกไปกันจนหมดแล้ว กั๋วกงฮูหยินก็ได้สั่งให้มามาที่อยู่ข้างๆไปนำเก้าอี้มาเพิ่ม นางยิ้มแล้วตบไปที่เก้าอี้เบาๆ "มาสิ มานั่งตรงนี้"

หยุนชางเดินไปนั่งที่เก้าอี้ใกล้ๆกับกั๋วกงฮูหยิน กั๋วกงฮูหยินก็ได้ถามไถ่นางเบาๆว่า "ไม่เป็นอะไรใช่ไหม? ลั่วชิงเหยียนสบายดีใช่หรือไม่?"

หยุนชางพยักหน้าและได้เอ่ยกับกั๋วกงฮูหยินว่า "ท่านตาก็ไปที่เมืองชางหนานเช่นกัน ชิงเหยียนก็เพิ่งไปเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่ในวังได้แจ้งข่าวว่าข้าหายตัวไป เดิมทีข้าก็เตรียมตัวตามเสด็จท่านอ๋องไปเช่นกันค่ะ แต่ดันมีเรื่องมาขวาง ทำให้ข้าต้องย้อนกลับมาค่ะท่านยาย"

"ตอนนี้เจ้ากำลังตั้งครรภ์อยู่นะ ยังคิดที่จะไปสนามรบอยู่อีกหรือ มีแต่คมหอกคมดาบ อันตรายยิ่งนัก หลิงเอ๋อร์ลูกแม่......" กั๋วกงฮูหยินพูดมาถึงตรงนี้แล้วก็ได้หยุดชะงักไป นางถอนหายใจ แล้วจึงเปลี่ยนเรื่องคุย "องค์หญิงใหญ่ถูกจับได้หรือยัง?"

เมื่อหยุนชางได้ฟังกั๋วกงฮูหยินเอ่ยถึงฮวาฮองเฮาขึ้นมาก็ทำให้นางนึกขึ้นมาได้ว่า ฮวาฮองเฮาได้ออกมายังสนามรบในขณะที่ทรงครรภ์รุ่ยอ๋องอยู่ ก่อนจะเกิดเรื่องราวอันน่าสะเทือนใจขึ้นมา

หยุนชางเข้าใจดีว่ากั๋วกงฮูหยินคงไม่อยากพูดถึงเรื่องราวอันน่าสะเทือนใจนี้ หยุนชางจึงได้ตอบกั๋วกงฮูหยินไปว่า "จับได้แล้วค่ะ องค์หญิงใหญ่ทรงคิดการใหญ่ นางต้องการอาศัยช่วงจังหวะที่อ๋องเจ็ดและชิงเหยียนไม่อยู่ในเมืองจิ่นปล้นเอาบัลลังก์ฮ่องเต้ไปเป็นของตนเอง ฮ่องเต้ที่ทรงทราบเรื่องนี้ดีก็แสร้งทำเป็นไม่ทราบค่ะ"

เมื่อกั๋วกงฮูหยินได้ฟังก็หัวเราะ "นางคิดว่าฮ่องเต้ทรงไม่รู้ความงั้นหรือ หลายปีมานี้ เมื่อสมัยที่พระองค์ยังเป็นองค์ชายอยู่นั้นก็ได้รู้จักการแสร้งทำเป็นหมูเพื่อล่อลวงพญาเสือมาแล้วจับกิน เขาจึงได้บัลลังก์มาครอบครอง หลังจากที่พระองค์ได้ทรงครองราชย์ จวนซูก็ได้คิดการบางอย่าง ฮ่องเต้ทรงติดตามและสังเกตสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา แต่ก็ทรงแสร้งทนทำเป็นไม่รู้อะไรเสียเลย ด้วยเหตุนี้ ตระกูลซูคงจะรุ่งเรืองต่อไปได้อีกไม่นาน เมื่อครั้งที่หลิงเอ๋อร์ยังคงเป็นฮองเฮาอยู่นั้น นางจะเป็นคนคอยพูดกับฮวากั๋วกงเพื่อไม่ให้เขาต้องเจอเรื่องเดือดร้อนในภายหลังเสมอ"

"ในตอนนั้น ข้าก็ยังไม่เข้าใจ เนื่องจากเซี่ยหวนอวี่ในตอนนั้นดูเป็นคนสุภาพอ่อนโยน ทุกคนต่างพูดว่า เขาได้ขึ้นครองราชย์เพราะโชคช่วย แต่ในช่วงหลายปีมานี้ ข้าก็ได้เห็นแล้วว่า เซี่ยหวนอวี่เป็นคนคิดการถ้วนถี่ และยังรู้จักอดทนกับการเสแสร้งตบตาผู้คนได้ดีอีกด้วย" กั๋วกงฮูหยินยิ้ม แววตาของนางแฝงไปด้วยความเกลียดชัง "หลังจากที่หลิงเอ๋อร์จากไปนานหลายปี ข้าก็ได้แต่อยากรู้ความจริง ว่าจวนซูจะได้พบจุดจบอย่างไร ข้าสงสัยมาโดยตลอดว่า การหายตัวไปของหลิงเอ๋อร์จะต้องเกี่ยวข้องกับจวนซูเป็นแน่"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง