หยุนชางจึงกล่าวต่อว่า "เป็นเพราะเรื่องนี้เฉี่ยนหลิ่วจึงได้นำเรื่องที่ข้าไปคังหยางไปบอกซูฉี เมื่อคืนนี้ยังคิดจะนำเรื่องของจ้าวฮูหยินคือฮวาฮองเฮาไปบอกซูฉีด้วย แต่ถูกข้าสกัดไว้แล้ว ดังนั้นข้าจึงอยากถามว่าโจวจิ้นจงทำผิดอะไร?"
ลั่วชิงเหยียนอึ้งไปเล็กน้อย แต่ในแววตากลับไม่มีความเคลื่อนไหวใด เขาครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยว่า "ชางเอ๋อร์คิดว่าบนสนามรบนั้น แม่ทัพที่กลัวที่จะพบที่สุดเป็นอย่างไร?"
หยุนชางไม่รู้ว่าเหตุใดลั่วชิงเหยียนจึงได้ถามเช่นนี้ นางไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งจึงตอบเบาๆ ว่า "แม่ทัพที่กลัวจะเจอที่สุด หนึ่งที่ผู้ทรยศประเทศชาติ สองผู้ที่หยิ่งทระนงเกินไป กระทำการสุ่มสี่สุ่มห้าตามอำเภอใจ"
ลั่วชิงเหยียนได้ยินคำตอบของหยุนชางก็ส่ายหน้า "แม่ทัพที่กลัวที่จะเจอที่สุดก็คือผู้ที่เห็นชีวิตคนเป็นผักปลา ที่เจ้าพูดมาว่าทรยศชาติและเย่อหยิ่งนั้นเป็นเพียงการแสดงออกอย่างเป็นรูปธรรมสองแบบเท่านั้น"
"ในการรบครั้งหนึ่ง ผู้ที่พุ่งเข้าไปสังหารศัตรูเพื่อประเทศก็มักจะเป็นทหารธรรมดา แม่ทัพมักจะหลบอยู่ด้านหลังทหารเหล่านี้ มีคำกล่าวที่ว่าวางกลยุทธ์หรือยอดแม่ทัพหยัดยืนบนหมื่นกระดูก แต่แม่ทัพผู้นั้นกลับลืมไปแล้วว่าทหารก็เป็นคนมีบิดามารดา หากโชคร้ายตายบนสนามรบก็มีโศกเศร้าเสียใจกับการจากไป"
เส้นเลือดบนหน้าผากของลั่วชิงเหยียนปูดโปน เขาแค่นหัวเราะเย้ยหยันและเอ่ยว่า "ทัพใหญ่ของแคว้นเย้หลางอยู่ที่ด้านนอกเมือง ตอนที่ข้าเข้าเมือง โจวจิ้นจงผู้นั้นจัดงานเลี้ยงรับรองต้อนรับข้า เพื่อแสดงกายกรรมให้ข้าดู ให้คนไปจับสิงโตป่ามาและนำผู้กล้าใส่กรงขังไว้ ให้พวกเขาเหล่านั้นและสิงโตต่อสู้กันเพื่อเอาชีวิตรอด ตอนที่ข้าลาดตระเวนอยู่นั้นก็พบโจวจิ้นจงดื่มสุราเล่นการพนันอยู่ในค่ายทหารและยังมาหญิงงามมากมายให้เหล่าแม่ทัพเหล่านั้นเสพความบันเทิงอย่างกำเริบเสิบสาน เหล่าสตรีเหล่านั้นก็ไม่มีใครรอด ข้าถามเขาว่าหากแคว้นเย้หลางเข้าโจมตีตอนนี้เขาจะทำอย่างไร? โจวจิ้นจงก็บอกว่าจะกลัวอะไร ยังมาทหารอีกมากมายมิใช่หรือ หากพวกนั้นยังไม่ตายจะมาถึงทีของเขาได้อย่างไร? และยังเชิญชวนให้ข้าเข้าไปร่วมวง..."
หยุนชางตะลึงไป นางรู้เพียงว่าที่ลั่วชิงเหยียนสังหารโจวจิ้นจงไปนั้นเขาอธิบายเพียงว่าโจวจิ้นจงเห็นชีวิตคนเป็นผักปลา แต่คิดไม่ถึงเลยว่าโจวจิ้นจงผู้นั้นจะเป็นคนสำมะเลเทเมาได้ถึงเพียงนี้... ไม่ต้องพูดถึงผู้ที่ล้มลุกคลุกคลานอยู่ในค่ายทหารและมีความสัมพันธ์อันดีกับเหล่าทหารเช่นลั่วชิงเหยียน เกรงว่าแม้แต่นางเป็นผู้ไปพบเห็นก็ย่อมต้องบันดาลโทสะแน่"
หยุนชางเงียบไปอยู่นานแล้วจึงหันไปหาเฉี่ยนจั๋ว "นำเรื่องที่ท่านอ๋องกล่าวไปบอกเฉี่ยนหลิ่ว อย่าให้ขาดตกไปแม้แต่คำเดียว"
เฉี่ยนจั๋วรับคำเบาๆ
หยุนชางจึงหันไปพูดว่า "แต่โทษของเขาไม่ควรไปถึงครอบครัวของเขา แม้โจวจิ้นจงจะมีโทษหนักแต่คนที่จวนของเขาก็ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ด้วย ท่านอ๋องปล่อยครอบครัวของเขาไปเถอะเพคะ"
ลั่วชิงเหยียนขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่นานจึงพยักหน้าเบาๆ "ทำตามเจ้าว่าก็แล้วกัน"
หยุนชางเงยหน้าส่งสัญญาณให้เฉี่ยนจั๋ว เฉี่ยนจั๋วจึงรีบออกไป
หยุนชางจึงยิ้มและให้ฉินยีจัดเตรียมเครื่องเสวยมื้อกลางวัน
อาหารยังไม่ทันเตรียมเสร็จ หยุนชางก็เห็นทหารรีบร้อยสิ่งเข้ามาคุกเข่าลงหน้าลั่วชิงเหยียน "ท่านอ๋อง เกิดในเมืองหลิงซีก่อจลาจลและจับตัวท่านอ๋องเจ็ดไว้พ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้แม่ทัพซูหรูไห่นำทัพออกไปรบกับแคว้นเย้หลางแล้ว"
ทหารก่อจลาจล? แล้วยังจับตัวอ่านอ๋องเจ็ดไว้อีกงั้นหรือ? อีกทั้งซูหรูไห่ยังนำทัพบุกแคว้นเย้หลาง?
ดวงตาหยุนชางฉายแววตกใจ นางคิดว่าโลกนี้ช่างน่าพิศวงนัก
"ซูหรูไห่กับท่านอ๋องเจ็ดแตกหักกันหรือ? อีกทั้งซูหรูไห่เป็นผู้ชนะหรือ? จับตัวท่านอ๋องเจ็ดไว้งั้นหรือ?" หยุนชางเงยหน้าขึ้นมองลั่วชิงเหยียน "นี่มันเรื่องอะไรกัน?"
ซูหรูไห่ที่รีบร้อนสร้างผลงานย่อมมีความคิดขัดแย้งกับองค์ชายเจ็ดมากมาย เขามีความขัดแย้งกับองค์ชายเจ็ดอยู่แล้ว หากจะถึงขั้นทะเลาะแตกหักกันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพียงแต่ว่าสิ่งที่ทำให้หยุนชางรู้สึกประหลาดใจนั้นก็คือการที่องค์ชายเจ็ดเป็นฝ่ายพลาดท่าเสียทีและยังให้ซูหรูไห่สามารถนำทัพออกไปโจมตีโม่ฮว๋ายได้ เหตุการณ์เช่นนี้นับว่าไม่ปกตินัก
ความสามารถและนิสัยขององค์ชายเจ็ดนั้นนางพอจะคุ้นเคยอยู่บ้าง หรือว่าทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่เขาจัดฉากขึ้น?
เมื่อหยุนชางคิดได้เช่นนี้ก็ตกใจ นางรีบลุกขึ้นตั้งใจจะไปบอกลั่วชิงเหยียน แต่จู่ๆ ก็พลันชะงักฝีเท้าลง ไม่สิองค์ชายเจ็ดมีนิสัยเจ้าเล่ห์เพทุบาย ลั่วชิงเหยียนเองก็ไม่ใช่ผู้ที่จะถูกรังแกได้โดยง่าย บางทีอาจจะเจ้าเล่ห์กว่าองค์ชายเจ็ดเสียด้วยซ้ำ
แต่ยามที่เขาได้ยินทหารมารายงานเรื่องนี้ สีหน้าของเขากลับไม่มีท่าทีตกใจเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังไม่มีความลังเลก็ออกคำสั่งจัดกำลังเดินทัพ
ลั่วชิงเหยียนไม่ใช่ผู้ที่มีนิสัยหุนหันพลันแล่น หรือว่าเรื่องนี้อยู่ในการคาดการณ์ของเขาอยู่แล้ว?
ซูหรูไห่และองค์ชายเจ็ดไม่อาจร่วมงานกันได้และย่อมไม่ฟังคำพูดของลั่วชิงเหยียน แต่หากไม่ใช่มีคนวางแผนอยู่เบื้องหลัง ซูหรูไห่ย่อมไม่มีทางสำเร็จง่ายดายเช่นนี้แน่ บางทีอาจจะมีคนของลั่วชิงเหยียนของกระซิบอยู่ข้างหูของซูหรูไห่ก็เป็นได้ เพื่อชักนำให้ซูหรูไห่ทำเรื่องเช่นนี้?
แต่ว่าเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว องค์ชายเจ็ดย่อมต้องคิดได้ว่านี่เป็นฝีมือของลั่วชิงเหยียน...
ในสมองของหยุนชางรู้สึกสับสน เมื่อถึงเวลาพลบค่ำสายลับที่ออกไปสืบข่าวก็ยังไม่กลับมา หยุนชางรู้สึกร้อนใจอยู่ตลอดเวลาและไม่รู้ว่าตอนนี้ลั่วชิงเหยียนไปอยู่ที่ไหน สถานการณ์ตอนนี้เป็นเช่นไร
ฉินยีเห็นท่าทางเช่นนี้ของหยุนชางจึงให้นางนั่งอยู่ที่เบาะจนถึงยามจื่อแล้วจึงเกลี้ยกล่อมให้นางเข้านอน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง
ทำไมถึงอ่านบทที่ 18 และอื่นๆต่อไปไม่ได้...