หยุนชางได้ยินเช่นนั้น พลันหัวเราะออกมา หวังจิ้นฮวนผู้นั้น ช่างมีความสามารถที่ทำให้หนิงเชี่ยนเป็นเช่นนี้ได้. หนิงเชี่ยนเป็นคนที่ถูกฝึกมาพร้อมนาง นางเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ได้มากมาย อีกทั้งยังเป็นบุคคลที่เงียบสงบ. เกรงว่าจะเป็นเพราะรู้จักกับนางมานมนานแล้ว ก็ยังไม่เคยเห็นนางมีลักษณะการกระทำที่เป็นเช่นนี้ ภายในใจกลับครุ่นคิดว่า นี่ช่างเป็นเรื่องที่ดียิ่งนัก
หากแต่ เมื่อเห็นลักษณะหนิงเชี่ยนโมโหเช่นนี้แล้ว หยุนชางก็มิได้ต้องการเข้าไปยั่วยุแต่อย่างใด เพียงกล่าวด้วยรอยยิ้มเปิดประเด็นขึ้นมาว่า "เหตุใดจู่ๆ เจ้าก็มาเช่น? ยามที่ข้าอยู่ที่เมืองชางหนาน ได้ยินท่านอ๋องกล่าวว่า ได้ส่งเจ้ามาที่เมืองหวายอินแล้ว. ข้ามาถึงเมืองหวายอินตั้งนาน ยังไม่ยักจะเห็นว่าเจ้ามาหาข้า. ข้ายังนึกว่าท่านอ๋องได้ให้เจ้าไปทำภารกิจอันใดหรือไม่ ?"
หนิงเชี่ยนพยักหน้าลงเล็กน้อย "แน่นอนว่าต้องมีภารกิจเพคะ. ท่านอ๋องส่งหม่อมฉันให้เข้าไปสอดแนมในเมืองหลิงซี. เพื่อสืบดูลักษณะภูมิประเทศของเมือง และหาโอกาสไล่ตามซูหรูไห่ให้ทัน"
"เรื่องที่ซูหรูไห่จับกุมอ๋องเจ็ดได้. ที่แท้เป็นฝีมือเจ้างั้นหรือ ?" หยุนชางได้ยินเช่นนั้น พลันส่งเสียงหัวเราะออกมา. หากแต่ก็มีความกังวลเล็กน้อย "หากแต่ เมื่อครั้งที่ซูหรูไห่เข้าร่วมงานเลี้ยงในพระราชวังนั้น ใบหน้าของเจ้าที่โดดเด่นเช่นนี้ ซูหรูไห่ย่อมต้องรู้จักเป็นแน่ เช่นนั้นเขาจะไม่สร้างปัญหาให้เจ้างั้นหรือ ?"
หนิงเชี่ยนพลันโบกมือไปมาด้วยความสบายใจ "กลัวอะไรกันละเพคะ ? เป็นเพราะอย่างนี้ จึงไม่ทำให้ผู้คนเกิดความสงสัยต่างหาก. ยามที่หม่อมฉันอยู่ในวังนั้น. ทุกวันย่อมต้องแต่งองค์ทรงเครื่องเสียเต็มยศ เมื่อดูลักษณะของตนเองในยามนี้ ย่อมต้องสร้างความแตกต่างอยู่บ้าง พวกเขาเพียงแค่คิดว่าหม่อมฉันหน้าตาคล้ายเซียงเฟยแต่เพียงเท่านั้น อีกทั้งยังไม่สงสัยว่าหม่อมฉันคือเซียงเฟยอีกด้วย. ด้วยเหตุนี้ เมื่อยามที่หม่อมฉันได้พบกับอ๋องเจ็ดในเมือง. ท่านอ๋องเจ็ด ยังอยากให้หม่อมฉันมาเป็นสนมให้เขา พลางกล่าวว่าเขาสามารถให้เกียรติยศเงินทองความมั่งคั่งต่อหม่อมฉันได้จนไม่หมดไม่สิ้น "
"โอ้ ? " หยุนชางพลันเลิกคิ้วขึ้น "เขาต้องการทำเช่นไร?"
หนิงเชี่ยนยิ้มพร้อทกล่าวออกมาว่า "หม่อมฉันมิได้รับปากไปเพคะ เขาจึงมิได้เอ่ยรายละเอียดอันใดออกมา หม่อมฉันรู้สึกว่า เขาเพียงต้องการใช้ใบหน้านี้แต่เพียงเท่านั้น เพื่อที่จะกลับเข้าไปในวังโดยการหยิบยืมความโปรดปรานเช่นนี้"
หยุนชางกระตุกยิ้มมุมปากขึ้นมา "เขาชั่งดีดลูกคิดคำนวณตารางได้ดียิ่งนัก"
"เจ้าเหตุใดถึงไปร่วมมือกับซูหรูไห่ได้กัน ?"หยุนชางพลันถามข้ึนมา
หนิงเฉี่ยนได้ยินเช่นนั้น สีหน้าพลันชะงักไปทันที เพียงครุ่นคิดอยู่นาน จึงพูดด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปว่า "มิใช่หม่อมฉันร่วมมือกับซูหรูไห่เพคะ ซูหรูไห่ผู้นั้น"
หนิงเชี่ยนหยุดไปชั่วครู่ พร้อมกล่าวออกมาว่า "ชอบชายด้วยกัน"
หยุนชางชะงักไปโดยพลัน สีหน้าอดไม่ได้ที่จะฉายความประหลาดใจออกมา "เจ้ากำลังจะบอกว่า " หยุนชางไม่สามารถเปิดปากพูดต่อไปได้ พลันยกมือชี้ไปที่ด้านนอก
หนิงเชี่ยนขบริมฝีปากของนางพร้อมพยักหน้าลง "เพคะ เป็นหวังจิ้นฮวน"
หยุนชางได้ยินเช่นนั้น พลันอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงหัวเราะออกมา อาการซึมเศร้าทั้งหลายพลันหายไปทันที "เขาคงจะลำบากเช่นกัน"
"โชคดีที่ท่านอ๋องส่งข่าวกลับมาบอกว่าให้พวกเรากลับมาคอยช่วยดูแลพระชายา มิเช่นนั้น หม่อมฉันรับมือกับเขาไม่ไหวอย่างแน่นอน "หนิงเชี่ยนพลันส่ายหัวไปมา แม้ว่าใบหน้าจะแสดงออกว่าเกลียดมากมาย หากแต่นัยน์ตากับเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
หยุนชางเห็นสีหน้าของนางที่เป็นเช่นนั้น ก็รับรู้ได้ว่า ภายในใจของหนิงเชี่ยนย่อมต้องมีหวังจิ้นฮวนอยู่ด้วยอย่างแน่นอน จึงอดไม่ได้ที่จะเลิกขึ้นเล็กน้อย ดูเหมือนว่า การช่วยเหลือของนางจะมีผลลัพธ์ที่ดี
เมื่อฉินยีจัดทรงผมให้หยุนชางเสร็จ หยุนชางจึงลุกขึ้นยืน แล้วจึงเดินออกจากห้องไป ร่างของคนที่สวมอาภรณ์ชุดสีแดงที่อยู่ในตำหนักนั้น หวังจิ้นฮวนพลันนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่นางชอบนั่งอยู่เป็นประจำด้วยสีหน้าที่เกียจคร้าน พร้อมกับเงยหน้าพูดคุยกับสาวใช้ทั้งหลาย เสมือนว่าเขาจะพูดอะไรที่น่าสนใจออกมา พวกนางจึงหัวเราะคิกคักกันไม่หยุด
หยุนชางพยักหน้าลงเล็กน้อย พร้อมกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า "อื้ม ข้าก็คิดเช่นนั้นเช่นกัน. หากแต่สิ่งที่ข้ากังวลก็คือ. หากพวกเราเตรียมการป้องกันอย่างเต็มที่แล้ว ผู้อื่นยังสามารถใช้ประโยชน์จากตรงนี้ของเราได้อีก เจ้าคิดเห็นว่าอย่างไร?"
หนิงเชี่ยนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง มุมปากพลันกระตุกยิ้มขึ้นมาว่า "มิเช่นนั้น ให้หม่อมฉันลองดูได้หรือไม่เพคะ ใช้วิธีที่ที่หม่อมฉันฉันถนัดที่สุด"
ผ่านไปไม่กี่วัน ทั่วทั้งหวายอินนั้นเงียบสงบเป็นอย่างมาก เงียบเสียจนหยุนชางรู้สึกกังวลยิ่งนัก พลันรู้สึกว่า ลักษณะเช่นนี้ราวกับกำลังมีพายุขนาดใหญ่มาเยือน"
เป็นดั่งที่คาดคิด. หลังจากนั้นได้สิบวัน ทั่วทั้งเมืองจิ่นพลันได้รับข่าวที่ทำให้ผู้คนแตกตื่นขึ้นมา
"หลังจากที่ฝ่าบาทกลับไปที่พระราชวังนั้น ก็เริ่มจัดการเรื่องราวในวังหลัง ยามนี้นางสนมที่เพิ่งเข้าวังแล้วมิได้เป็นที่โปรดปรานก็เริ่มถูกส่งออกนอกวังไปหมดแล้ว. ฝ่าบาทส่งนางสนมเหล่านั้นออกไปพร้อมกล่าวว่า จะแต่งออกไปให้กับผู้ใดก็ได้ พวกนางได้รับอิสระแล้ว ชายใดที่ยอมแต่งกับนางสนมพวกนั้นฝ่าบาทยังมอบที่ดินให้อีกร้อยหมู่"
เฉี่ยนจั๋วตกตะลึงไปเล็กน้อย พร้อมกล่าวต่อไปว่า "ไม่กี่วันก่อน ซูหรูไห่ได้ส่งหลักฐานการก่อกบฏกลับไปให้ในพระราชวัง. ฝ่าบาทพิโรธเป็นอย่างมาก จึงเรียกตัวซูหรูไห่กลับไปยังเมืองจิ่นโดยเร็ว แล้วจึงสั่งให้ใต้เท้าซูกักตัวสำนึกผิด. ยามว่าความตอนเช้านั้น ยังหลุดความคิดที่จะถอนยศฮองเฮากลับคืนอีกด้วย วันที่สอง. ซูฉีจึงยื่นฎีกาต่อฝ่าบาทว่า ให้พระองค์ครุ่นคิดดีๆ พลางกล่าวว่าฮองเฮามิได้มีส่วนรู้เห็นในเรื่องนี้ วอนฝ่าบาทอย่าได้เอาอารมณ์ที่กรุ่นโกรธไปลงที่ฮองเฮา ในยามนี้ท้องพระโรงเต็มไปด้วยความดุเดือดยิ่งนัก ข้ารับใช้ล้วนแต่วิงวอนให้ถอนพระราชโองการออก อีกทั้งยังมีเหล่าขุนนางทั้งหลายไปคุกเข่าที่หน้าตำหนักไท่จี๋เป็นเวลาหลายวันแล้ว
"
หยุนชางยิ้มตาหยีออกมาเล็กน้อย แววตาเต็มไปด้วยร่องรอยที่อ่านได้ยาก เพียงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงกล่าวออกมาว่า "ซูฉีก็ยังคงคิดคำนวณทุกอย่างได้ดีเช่นเดิม ปฏิกิริยาว่องไวยิ่งนัก ที่ใช้วิธีนี้ข่มขู่เซี่ยหวนอวี่. เจ้านำจดหมายนี้ไปให้ฮูหยินอ่านเสีย"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง
ทำไมถึงอ่านบทที่ 18 และอื่นๆต่อไปไม่ได้...