ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง นิยาย บท 790

เฉี่ยนจั๋วพลันตกตะลึงไปครู่หนึ่ง พลันรีบร้อนกล่าวว่า "พระชายาเพคะ ที่ที่อันตรายที่สุดย่อมต้องเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุด. อ๋องเจ็ดหนีออกมาได้เช่นนี้ แน่นอนว่าต้องมาปลอมตัวปะปนอยู่กับราษฏรเป็นแน่ เมืองหลิงซีจะว่าใหญ่ก็ไม่ใหญ่มากนัก. หากจะว่าเล็กก็ไม่เล็กอีกเช่นกัน ราษฏรยังมีอีกเป็นแสนคน การใช้เวลาหาภายในครึ่งชั่วยามนั้นถือเป็นเรื่องที่ยากเป็นอย่างมากนะเพคะ"

ที่ที่อันตรายที่สุดย่อมต้องเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุดงั้นหรือ? หยุนชางพลันยิ้มขึ้นมาในทันที. สายตาเต็มไปด้วยควมเย็นชากล่าวว่า "ข้าพอจะเข้าใจบ้างแล้ว"

หยุนชางพูดจบ พลันหันกายกลับไปหาเฉี่ยนจั๋วว่า "ส่งคนให้ไปบอกกับใต้เท้าจางว่าให้ปิดประตูเมือง. ควบคุมคนเข้าออกให้ดี"

"ประตูเมือง? "เฉี่ยนจั๋วตกตะลึงไปครู่หนึ่ง หากแต่มิได้ถามอะไรมากนัก พลันรีบร้อนรับคำและวิ่งออกไปจากห้องไป

ที่ที่อันตรายที่สุดย่อมต้องเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุด. อ๋องเจ็ดแหกคุกหลวงออกมาได้เช่นนี้ เขาย่อมต้องรู้ว่านางมาที่เมืองหลิงซีแล้ว หากเป็นไปตามที่นางคาดการณ์ไว้ละก็ เขาต้องคิดว่านางจักต้องไปให้ความสำคัญกับในตัวเมืองอย่างแน่นอน เพราะว่า เขาจะเลือกครึ่งชั่วยามแรกในการหลบหนีออกจากเมืองไป

เฉี่ยนจั๋วออกไปได้ไม่นาน หยุนชางจึงไม่มีอารมณ์จะนอนต่อในทันที จึงลุกขึ้นยืน พร้อมเดินออกจากห้องไป พลันเห็นจ้าวฮูหยินยืนอยู่นอกประตูแล้ว สายตาจับจ้องไปยังด้านนอก เมื่อเห็นหยุนชางเดินออกมา จึงหันหน้ากลับไปหาหยุนชางพร้อมถามด้วยสายตาที่งุนงงว่า "เกิดเรื่องอันใดขึ้นงั้นหรือ? "

หยุนชางพยักหน้าเพียงเล็กน้อย พร้อมกล่าวออกมาว่า "อ๋องเจ็ดหนีไปได้แล้ว"

จ้าวฮูหยินชะงักไปเล็กน้อย พลันถามกลับด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า "ผู้คุมเยอะขนาดนั้น เขายังหนีออกมาได้"

หยุนชางมิได้เอ่ยอันใดออกมา เพียงแย้มยิ้มกล่าวต่อไปว่า "หนีออกมาแล้วก็ยังหนีไปไม่ได้เช่นนี้. กลัวอะไรกัน"

ผ่านไปเพียงครึ่งชั่วยาม เฉี่ยนจั๋วยังมิกลับมา หยุนชางพลันเห็นจางฮูหยินรีบร้อนวิ่งเข้ามาหา สีหน้าเต็มไปด้วยความซีดเผือด หยุนชางรู้สึกสงสัยเล็กน้อย "จางฮูหยินเป็นอะไรไปหรือ?"

สายตาของจางฮูหยินสั่นระริกไปมา พร้อมขบริมฝีปากของตนเองเบาๆ พลางค่อยๆกล่าวออกมาว่า "จวนของพวกเรามีคนขับม้าหลายคนเพคะ หากแต่ผู้ที่ใกล้ชิดหม่อมฉันมากที่สุดมีนามว่าอาฉี. ก่อนหน้านั้นที่หม่อมฉันจะออกไปพบปะกับฮูหยินตระกูลหลี่. หม่อมฉันกับฮูหยินตระกูลหลี่ค่อนข้างสนิทชิดเชื้อกันเป็นอย่างมาก มักจะไปหานางทุกๆ สองถึงสามวันเสมอ ทุกครั้งที่กลับมาจากตะกูลหลี่ หม่อมฉันมักจะแวะที่ถนนตงซิงเสิ่งเพื่อซื้อกระดาษห่อดอไม้. วันนี้เมื่ออกไปนั้นทุกอย่างล้วนเป็นปกติดี เมื่อครั้งที่หม่อมฉันลงจากรถม้าก็ยังพูดคุยกับอาฉีอยู่สองสามประโยค หากแต่ยามที่กลับมานั้น อาฉีก็ดูเหมือนจะเปลี่ยนไป"

"โอ้? " หยุนชางเลิกคิ้วขึ้นเล้กน้อย "เปลี่ยนไปอย่างไรกัน ?"

สีหน้าของฮูหยินซีดเผือดเล็กน้อย ราวกับนางเพิ่งรอดจากอะไรบางอย่างมา เมื่อได้ยินหยุนชางถามกลับมาเช่นนี้ จึงรีบร้อนกล่าวว่า "เมื่อครั้งที่หม่อมฉันกลับมา มักจะแวะที่ถนนตงซิงเสิ่งประจำ. หากแต่ครานี้ อาฉีกับไม่พาไปที่ถนนตงซิงเสิ่ง หลังจากที่หม่อมฉันรู้สึกถึงเหตุการณ์แปลกๆ แล้ว จึงคิดว่าอาฉีเพียงแค่ลืมไปเท่านั้น จึงสั่งออกมาสองสามประโยค ว่าให้เขาวนกลับไปที่ถนนตงซินเสิ่งเพื่อซื้อกระดาษห่อดอกไม้ อาฉีก็เลี้ยวกลับไปทันควัน หากแต่ผ่านไปครู่หนึ่ง อาฉีกล่าวว่าขอไปปลดทุกข์. เมื่อออกไปได้ไม่นาน หม่อมฉันจึงลงจากรถม้าไปเดินเล่นเล็กน้อย"

"เดินไปได้ไม่กี่ก้าว. พลันเห็นอาฉีกำลังสอบถามผู้คนอยู่. หม่อมฉันจึงเดินเข้าไป พลันได้ยินอาฉีถามว่าถนนตงซินเสิ่งมีที่ใดขายกระดาษห่อดอกไม้กัน. น้ำเสียงของเขากลับมีความนุ่มลึก ไม่เหมือนวันปกติเสียเลย" จางฮูหยินพลันขมวดคิ้วเล่าเรื่อง

"ในตอนนั้น หม่อมฉันรู้สึกสงสัยยิ่งนัก จึงรีบร้อนกลับขึ้นมาบนรถม้า การกลับไปในครั้งนี้ช่างเต็มไปด้วยความราบรื่น เมื่อมาถึงร้านขายกระดาษห่อดอไม้ หลังจากที่หม่อมฉันซื้อกระดาษห่อดอไม้เสร็จจึงกลับมาที่จวน. เมื่อลงจากรถม้า ก็ตั้งใจให้สาวใช้ข้างกายเดินออกมาอย่างช้า ๆ สาวใช้กลับเล่าให้ฟังว่า นางพลันเห็นว่าอาฉีรู้สึกว่าตนเองปวดท้อง จึงนำรถม้าจอดไว้ที่หน้าประตู แล้วจึงให้คนคอยเฝ้ารถม้าไว้ให้เพื่อให้เขานำม้ากลับไปเก็บในคอก " จางฮูหยินกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา "ทว่า สาวใช้ของหม่อมฉันกลับรู้สึกว่า อาฉีมิได้ไปที่ห้องส้วมแต่อย่างใด เพียงแค่แอบอยู่หลังประตู เพื่อแอบดูคนนำรถม้ากลับเข้าคอกไปเท่านั้น"

สายตาของหยุนชางราวกับมีแสงพาดผ่านพร้อมกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มว่า "อาฉีผู้นั้นเป็นตัวปลอมอย่างแน่นอน. เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคอกม้าอยู่ที่ใด อีกทั้งยังกลัวความหลุดอีก จึงได้คิดลองทำเช่นนี้"

จ้าวฮูหยินพลันขมวดคิ้วลง หากแต่มิได้ตอบโต้อันใดกลับมา เพียงแค่พยักหน้าเล็กน้อย แล้วจึงตอบกลับว่า "ข้าเข้าใจแล้ว"

ทั้งสองคนนั่งกันอยู่ครู่หนึ่ง จึงลุกขึ้นเดินไปที่โถงทางเดินที่ลากยาวต่อไป แล้วถึงค่อยๆ กลับตำหนักของตน เมื่อกลับมาถึงตำหนักได้ไม่นานนั้น หวังจิ้นฮวนก็กลับมาแล้ว "คนขับรถม้าผู้นั้น เป็นอ๋องเจ็ดที่ปลอมตัวมาจริง ๆ. ข้าได้ให้องครักษ์เงาจับตัวไว้แล้ว ยามนี้คงไปถึงคุกหลวงแล้วกระมัง หากแต่ได้ทำการเปลี่ยนที่คุมขังแล้ว. เป็นคุกที่อยู่กลางน้ำ. ข้าก็อยากรู้เช่นกันว่าเขาจะหนีไปได้อย่างไร "

หยุนชางเพียงสบตากับจ้าวฮูหยิน หยุนชางพลันเลิกคิ้วขึ้น สายตาเต็มไปด้วยความสงสัย "เขาทำเช่นนี้ เพื่ออะไรกันแน่ ?"

หวังจิ้นฮวนเพียงทำท่ายักไหล มิรอให้หยุนชางได้ออกคำสั่ง จึงเดินมานั้งที่เก้าอี้ด้านข้าง พร้อมหยิบสาลี่ขึ้นมากิน "จะไปคิดอะไรให้มาก. อย่างไรเขาก็ถูกจับไปแล้ว"

หยุนชางพยักหน้าเล็กน้อย พร้อมหันไปมองหวังจิ้นฮวน แล้วจึงกล่าวว่า "ไม่กี่วันมานี้ เจ้าคอยอยู่ข้างกายจ้าวฮูหยินเสีย ต้องปกป้องนางให้ดีด้วยเล่า หากเกิดเรื่องอันใดขึ้นมาข้าจะมาถามเจ้า เป็นเช่นไร ?"

หวังจิ้นฮวนตกตะลึงไปชั่วครู่. แล้วจึงเงยหน้าขึ้นมามองจ้าวฮูหยินที่กำลังนั่งนิ่งๆอยู่ที่ข้างกายหยุนชาง เมื่อเห็นจ้าวฮูหยินมิได้เอ่นอันใดออกมาเช่นนี้ จึงแย้มยิ้มออกมา แล้วจึงกล่าวว่า"ได้ อยู่ในความดูแลของหวังจิ้นฮวนเช่นนี้รับรองได้เลย แม้ว่าชีวิตของข้าจักไม่ปลอดภัย. หากแต่ข้าจะปกป้องจ้าวฮูหยินด้วยชีวิต"

หยุนชางพยักหน้าเล็กน้อย พร้อมดื่มชาไปหนึ่งคำ "ในเมื่ออ๋องเจ็ดโดนจับกุมตัวไปได้เช่นนี้แล้ว ข้ามาที่เมืองหลิงซีทั้งที คงจะไม่ไปดูไม่ได้แล้วกระมัง"

หยุนชางพูดจบพลันหันกายไปหาฉินยี "ไปดูเสียว่าเฉี่ยนจั๋วกลับมาหรือยัง หากกลับมาแล้ว ก็ให้นางพาข้าไปที่คุกหลวง"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง