เฉี่ยนจั๋วพยักหน้าเล็กน้อย เดินออกไปอย่างรวดเร็ว และหลังจากนั้นไม่นาน ก็พาจางฮูหยินเข้ามา สีหน้าของจางฮูหยินซีดเล็กน้อย ดูเหมือนนางจะตกใจกับสถานการณ์ภายนอก เมื่อเห็นหยุนชางนางก็พูดตะกุกตะกัก "นี่...ข้างนอก...ข้างนอกเกิดอะไรขึ้นหรือเพคะ?"
หยุนชางยิ้ม ยิ้มปลอบประโลมให้นางก่อนจะพูดเบาๆว่า "ไม่มีอะไร แค่มีใครบางคนรนหาที่ตายแค่นั้น ทำไมจางฮูหยินถึงมาที่นี่ได้ ดึกเยี่ยงนี้แล้วยังไม่พักผ่อนอีก?"
จางฮูหยินดูเหมือนจะยังไม่ได้ดึงสติกลับมา นางเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้น "ข้าได้ยินคนใช้รายงานว่ามีการเคลื่อนไหวผิดปกติที่นี่ รู้สึกเป็นห่วงพระชายา จึงรีบมาเพคะ"
หยุนชางมองมาที่จางฮูหยิน นางปักผมด้วยปิ่นหยก หวีมวยตกหลังม้า และสวมชุดสีน้ำเงิน
"ตอนนี้มิเป็นไรแล้ว จางฮูหยินมิต้องกังวล แต่เกรงว่าอาจจะมีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นในจวนสักพัก วันรุ่งขึ้นข้าจะแจ้งใต้เท้าจาง ให้เขาเสริมกำลังการลาดตระเวนในยามราตรี และข้าจะจัดองครักษ์ลับมาเสริม ยามค่ำยามคืน จางฮูหยินอย่าได้ออกไปไหนมาไหนเป็นดีที่สุด นักฆ่าเหล่านี้ล้วนมุ่งมาที่ข้า หากจางฮูหยินหลบอยู่ที่ห้องก็จะปลอดภัย" หยุนชางเตือนด้วยความกรุณา
จางฮูหยินตกใจกับซากศพด้านนอกจนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว หลังจากได้ฟังคำพูดของหยุนชาง นางพยักหน้าด้วยความตื่นตระหนก ดวงตาของนางกวาดไปทางหญิงวัยกลางคนที่นั่งเงียบๆ ข้างหยุนชาง
แต่มีอีกเสียงหนึ่งดังมาจากข้างนอกตามมาด้วยเสียงฝีเท้าตื่นตระหนก เฉี่ยนจั๋วรีบยื่นหัวออกไปดูอย่างรวดเร็ว จากนั้นหันกลับมาพูดเบาๆว่า "พระชายา ใต้เท้าจางมาเพคะ"
จางสิงรีบเดินเข้ามา ผมเผ้าที่ยุ่งเหยิง ยิ่งกว่านั้นบนตัวของเขาก็แค่คลุมด้วยเสื้อคลุมอย่างลวกๆ ใต้เสื้อคลุมก็เผยให้เห็นเสื้อซับในสีขาวอย่างลางๆ และรองเท้าที่สวมอยู่ที่เท้ายังกลับด้านกัน หลังจากเข้าประตู เขาก็พูดอย่างตาลีตาเหลือก "พระชายา พระชายา พระชายาทรงเป็นอะไรไหมพ่ะย่ะค่ะ? นักฆ่าหนีไปได้แล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ?"
หยุนชางเงยหน้าขึ้น ยิ้มให้จางสิง และพูดเบาๆ "ข้าไม่เป็นไร คนที่เป็นอะไรนั้นคือนักฆ่า นักฆ่าถูกองครักษ์ลับจัดการแล้ว…"
จางสิงจึงถอนหายใจ สายตาเขาตกลงบนจางฮูหยิน ขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นรีบหลบตาและกล่าวว่า "ข้าน้อยขอไปช่วยกำจัดศพเหล่านี้ก่อน และตรวจดูว่ามีเบาะแสอะไรหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ"
หยุนชางพยักหน้า โบกมือโดยไม่ใส่ใจนัก จางสิงจึงจากไปอีกครั้ง หลังจากที่จางสิงจากไป จางฮูหยินก็รีบโค้งคำนับและขอตัวออกไป
จ้าวฮูหยินมองการจากไปของทั้งคู่เพียงยิ้มและพูดออกมาว่า "ดูเหมือนว่า ใต้เท้าจางและจางฮูหยินก็ไม่ได้รักกันมากเท่าข่าวลือที่ว่ากันเลย อย่างน้อย พวกเขาก็ได้อยู่ด้วยกัน"
หยุนชางยิ้ม ไม่ได้โต้ตอบใดๆ แต่พูดเบาๆว่า "ทุกบ้านล้วนมีพระคัมภีร์ที่สวดยากประจำบ้าน(ทุกบ้านมีปัญหาของตัวเอง)"
หยุนชางลุกขึ้นเดินไปที่หน้าต่าง มองไปที่ท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มืดมิดหลังจากเงียบไปนาน นางพูดออกมาว่า "ตอนนี้ข้ารู้สึกสงสัยข้อหนึ่ง"
ทุกคนในห้องเงยหน้าขึ้นมองหยุนชาง
หยุนชางยิ้มเบาๆแล้วพูดต่อ "ตามหลักแล้ว นักฆ่าเหล่านี้มาถึงเมืองหลิงซีเพียงวันสองวันเท่านั้น เราอาศัยที่จวนเจ้าเมืองมันอาจจะไม่ใช่ความลับ แต่ยอดองครักษ์ลับจัดวางในลานบ้านก็ไม่น้อย พวกเขารู้ได้อย่างไรว่าเราอาศัยอยู่ในลานบ้านส่วนนี้โดยสถานการณ์ที่ไม่ทำให้องครักษ์ลับตื่นตัวได้"
พอฟังคำพูดของหยุนชางทุกคนในห้องขมวดคิ้ว
หยุนชางตั้งคำถาม แต่ไม่ต้องการคำตอบ เมื่อเห็นว่าทุกคนไม่สามารถตอบได้ว่าทำไม นางก็ไม่ดึงดันกับเรื่องนี้อีก
วุ่นวายมาทั้งคืน หยุนชางก็รู้สึกง่วงแล้ว สั่งให้เฉี่ยนจั๋วและคนอื่นๆร่วมมือกับจางสิงในการตรวจสอบร่วมกัน จากนั้นจึงกลับห้องไปพักผ่อนก่อน
เป็นเวลาหลายวัน จนเกือบทุกคืน ในลานที่หยุนชางอาศัยอยู่ก็จะมีนักฆ่าลอบเข้ามา แต่ทว่าโชคดีที่แต่ละครั้งจำนวนคนไม่มากเกินไป และสามารถรับมือได้
หยุนชางยิ้มและฟังทั้งสองพูดคุยกัน เห็นจ้าวฮูหยินมองมาทางนาง จึงพูดอย่างไม่รีบร้อนว่า "ช่วงเวลานี้ ข้าคิดมาโดยตลอดว่า พวกนักฆ่ามาลอบสังหารเจ็ดวันเจ็ดคืนติดต่อกัน ยกเว้นวันแรก ข้าพอเข้าใจได้ว่าพวกเขามาเพื่อสำรวจเส้นทางเท่านั้น แต่เหตุใดหลายวันต่อจากนั้น กลับเป็นการลอบสังหารที่มีนักฆ่าไม่มากนัก แต่ละวันมีสามสี่สิบคน รวมทั้งหมดก็มีสองสามร้อยคน ถ้าคนสองสามร้อยคนร่วมกันบุก แนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จก็จะมีมากมิใช่หรือ"
ทุกคนฟังหยุนชางพูดเช่นนี้ ต่างก็เหมือนคิดอะไรบ่างอย่างอยู่
หยุนชางกล่าวต่อ "ข้ารู้สึกว่า นี่เป็นกลวิธีอย่างหนึ่ง หนึ่งคือการลดความระแวดระวังของเรา สองคือ ข้านับวันเวลาแล้ว คนตระกูลซู เกรงว่าจะมาถึงในวันสองวันนี้"
การต่อสู้ที่แท้จริง ยังไม่ได้เริ่มต้น
หยุนชางเกี่ยวมุมปากของนาง แต่ว่า นางไม่มีอะไรต้องกลัว การต่อสู้ครั้งนี้หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เนื่องจากการปรากฏตัวของฮองเฮาฮวา มันจึงเกิดขึ้นก่อนเท่านั้น หยุนชางหันไปมองจ้าวฮูหยินนั่งเอนกายบนเก้าอี้ที่เผยรอยยิ้ม และหัวเราะออกมา นางได้วางแผนไว้แล้ว รอแต่ซูฉีจะเข้ามาเอง
เพียงแต่สิ่งที่หยุนชางไม่คาดคิดก็คือ ซูหรูจีถึงกับเหยียบย่างถึงประตูจวนด้วยตัวเองโดยตรง
ตอนหยุนชางได้ยินจางฮูหยินมารายงานพร้อมสีหน้าที่มีความประหลาดใจ ก็เกิดความประหลาดใจเช่นกัน หันกลับไปมองสีหน้าที่ไร้อารมณ์ของจ้าวฮูหยิน เงียบไปนาน แล้วค่อยพึมพำว่า "นี่คือการประกาศศึก?"
ไม่น่าแปลกใจเลยที่หยุนชางจะคาดเดาเช่นนี้ เพียงเพราะว่าเรื่องที่ซูหรูจีกำลังมาที่เมืองหลิงซีควรปิดบังให้มากที่สุด แต่ซูหรูจีก็ทำอย่างโจ่งแจ้ง ซึ่งเกินความคาดเดาของหยุนชางจริงๆ
จ้าวฮูหยินเลิกคิ้ว แววตาสับสนเล็กน้อย เงียบไปครู่หนึ่งค่อยกล่าวว่า "ข้าความจำเสื่อมแล้ว"
หยุนชางได้ยิน เกี่ยวปากหัวเราะออกมา แววตาที่เผยถึงการได้เห็นบางสิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจ เงยหน้าขึ้นดูจางฮูหยินที่มีสีหน้าดูประหลาดใจ ยิ้มเบาๆและพูดว่า "ไปเชิญฮอง..." หยุนชางหยุดคิดอยู่ครู่หนึ่ง นึกขึ้นได้ว่าฮองเฮาถูกปลดไปแล้ว ตอนนี้นางก็เป็นเพียงสามัญชน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง
ทำไมถึงอ่านบทที่ 18 และอื่นๆต่อไปไม่ได้...