“พนักงานขาย”
เสียงทุ้มอธิบาย “ฉันไม่ได้มีพวกประกาศนียบัตรหรือประสบการณ์ งานขายเป็นงานเดียวที่รับฉันทำได้!”
ฉันเห็นด้วย “ดีแล้วที่ลองเปิดประสบการณ์ทำงานให้ตัวเอง”
“ถ้าให้พูดกันตรง ๆ ฉันอยากลงหลักปักฐานและมีงานเป็นของตัวเองแล้ว เพราะตอนนี้ไม่ได้ตัวคนเดียวเหมือนเมื่อก่อน แต่ฉันเป็นพ่อคนแล้ว! แม้เอเลนจะยังไม่ให้อภัยฉัน แต่ฉันก็ยังเป็นพ่อของลูกเธออยู่ดี! มันถูกแล้วที่ตอนนี้ฉันไม่สมควรได้มีโอกาสเจอพวกเขา ฉันไม่สมควรได้รับการให้อภัยจากเธอจริง ๆ แต่ในอนาคต... ถ้าฉันยังมีชีวิตถึงตอนนั้น ถ้าเธอยังไม่แต่งงานใหม่ และถ้าฉันประสบความสำเร็จมนหน้าที่การงานแล้ว ฉันจะเอาเธอคืนมาอยู่ข้างกายให้ได้!”
มันไม่ง่ายเลยนะที่จะขอเธอคืนดี ว่างั้นไหม?
“ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานนี่เป็นเรื่องที่ยากมากไม่ใช่เหรอ?”
จะเป็นไปได้เหรอที่คนไม่มีอำนาจและพื้นเพภูมิหลังที่ดีจะประสบความสำเร็จได้?
แล้วยิ่งแอนดรูไม่มีประสบการณ์การทำงานด้วยแล้ว
คนที่เอนหลังบนเก้าอี้ไม่ยอมตอบคำถามของฉัน ทว่าอีกฝ่ายกลับถามสาเหตุที่ฉันตามหาเขาแทน และพอคิดถึงสัญญาที่ให้ไว้กับเอเลนว่าจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ ฉันก็เลือกที่จะโกหกไปว่า “เร็ว ๆ นี้ฉันจะต้องเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายเซลล์เม็ดเลือด นายช่วยอะไรฉันหน่อยได้ไหม?”
เป็นคำโกหกที่แย่โคตร ๆ
แอนดรูขมวดคิ้ว “เธอป่วยเป็นอะไรเนี่ย?”
“ลูคีเมีย” ฉันตอบ
“ทำไมเธอโชคร้ายขนาดนี้เนี่ย? เดี๋ยวก็มะเร็งมดลูก เดี๋ยวก็ลูคีเมีย แถมตอนเด็กยังเคยไตวายอีก ชีวิตเธอแม่งโคตรเฮงซวยเลยว่ะ!”
แอนดรูเริ่มบ่นฉัน แต่ก็ยอมบริจาค
เราสองคนเป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร ทะเลากันบ้าง แต่ก็ไม่เคยหันหลังให้กันเลยซักครั้ง นี่คือความรู้สึกของคำว่าครอบครัว
แอนดรูกลับไปที่โรงพยาบาลพร้อมกับฉัน และเข้ารับการทดสอบร่างกาย พอทดสอบเสร็จ สายตาดันไปเห็นพยาบาลที่อุ้มกล่อมเจดเดินไปมาเสียก่อน แอนดรูอมยิ้มกับภาพที่เห็น “หน้าตาเหมือนเอเลนเลยนะ”
แคโรเบิกตากว้าง “นายเคยเห็นเจดแล้วเหรอ?”
ฉันรีบส่งสายตาให้นางพยาบาล และเธอก็ฉลาดพอที่จะพาเจดเดินออกไปเงียบ ๆ
ร่างสูงหมุนตัวมองตามพยาบาลคนเดิม เด็กน้อยที่ซบอยู่บนไหล่ของเธอหัวเราะเอิ้กอักชอบใจ
จนท้ายที่สุด ฉันก็ตัดสินใจได้
ฉันเข้าพบหมอสูตินรีเวช เธอถามถึงผลตรวจร่างกายครั้งล่าสุด หญิงสาวจึงตอบไปตามจริง “เดือนที่แล้ว ตอนที่ลูกของฉันมีอายุราวสี่ถึงห้าสัปดาห์ แต่เมื่อวานนี้ฉันก็ไม่เช็คร่างกายอีกรอบ ผลออกมาพบความดันโลหิตกับระบบยิบย่อยอย่างอื่นอีกเล็กน้อย”
“แต่คุณไม่ได้รับการตรวจบีสแกนตอนช่วงสิบสองสัปดาห์เหรอคะ?”
ใช่ ฉันไม่ได้ตรวจบีสแกน ทว่ากลับตรวจเพียงเช็คร่างกายทั่วไปเพื่อให้แน่ใจว่าลูกยังอยู่ดีแค่นั้น และฉันรู้ว่าต้องเข้ารับการอัลตราซาวด์ทุก ๆ สามเดือน แต่ฉันก็ช้าตลอด
จนกระทั่งเมื่อวานที่หมอยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดด้วยท่าทางเคร่งเครียด
ความกลัวสุมอยู่เต็มอก พร้อมกังวลว่าจะเกิดผลกระทบร้ายแรงต่อเด็กหรือไม่
ความกดดันกำลังบีบอัดทั้งกายและจิตใจ แต่ฉันอยากเก็บลูกไว้จริง ๆ แม้จะต้องใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังและพะวงกลัวไปพร้อมกัน
แต่อาจจะเป็นโรคเครียดได้หากปล่อยในทุกอย่างดำเนินต่อไปแบบนั้น
“ใช่ค่ะ มันเกิดปัญหาอะไรหรือเปล่าคะ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หัวใจ ฉัน เป็น ของ เธอ