“พวกท่านกล่าวถูกต้อง ข้าไม่ใช่น้องสาวของข้า และข้าก็ไม่ได้ใจดีเหมือนนาง ทุกคนที่เคยรังแกข้าและเคยเหยียดหยามข้า ข้าจะเอาคืนให้หมด”
น้ำเสียงของเวินซื่อเย็นชา นางมองชุยเส้าเจ๋อ จากนั้นก็เอ่ยคำพูดที่ชาติก่อนนางนึกเสียใจนับครั้งไม่ถ้วนที่ไม่อาจเอ่ยออกมาต่อหน้าผู้คนด้วยปากของตัวเอง...
“ชุยเส้าเจ๋อ ท่านอยากถอนหมั้นไม่ใช่หรือ? ได้ ข้าตกลง และไม่ต้องให้ท่านตกลงเงื่อนไขใด ๆ ด้วย เพียงแต่ว่าหลังจากนี้ไป ข้าเวินซื่อไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับจวนจงหย่งโหวของพวกท่านอีกต่อไปแล้ว!”
เมื่อสิ้นคำพูดของนาง ทั่วทั้งงานก็เงียบกริบ
แม้แต่ชุยเส้าเจ๋อก็อดตกตะลึงไม่ได้
ยะ....ยอมตกลงเช่นนี้เลย?
เขานึกว่าเรื่องการถอนหมั้นในวันนี้จะไม่มีทางราบรื่นเป็นอันขาด
เขานึกว่าเวินซื่อคงไม่ยินยอมง่าย ๆ
นึกว่าเวินซื่อจะตามตื๊อ จะร้องไห้โวยวาย...
ก่อนจะมาชุยเส้าเจ๋อเคยคิดถึงความเป็นไปได้มากมาย แต่สิ่งเดียวที่เขาไม่เคยคิดก็คือเวินซื่อจะยอมตกลงง่ายดายเช่นนี้จริง ๆ
ไม่สิ ก็ไม่ถือว่าง่ายดาย
นางยังตบเขาหนึ่งฉาดด้วย
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ชุยเส้าเจ๋อที่รู้สึกเสียหน้าก็ทำหน้าเคร่งขรึมทันที
เขาลูบแก้มที่แสบร้อนของตัวเอง มองเวินซื่ออย่างเย็นชาแวบหนึ่ง “เห็นว่าเจ้ายังรู้จักดูสถานการณ์ คนใจกว้างเช่นข้าจะไม่ถือสาเจ้าเรื่องฝ่ามือนี้ แต่ทางที่ดีเจ้าจำเอาไว้ว่าต่อไปหากเจ้ากล้าตามตื๊อข้า หรือว่าเล่นลูกไม้อะไรกับน้องเยวี่ยเอ๋อร์อีก ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปง่าย ๆ เป็นอันขาด!”
“ปัง!”
เสียงฟาดโต๊ะอย่างหนักหน่วงพลันดังขึ้นจากตรงตำแหน่งที่นั่งของประธานพิธี
เวินเฉวียนเซิ่งค่อย ๆ ลุกขึ้น กวาดตามองพวกเขาสองคนด้วยใบหน้าไร้อารมณ์
“พูดจบหรือยัง?”
เวินซื่อหลุบตา เอ่ยอย่างเรียบนิ่งว่า “ลูกพูดจบแล้วเจ้าค่ะ ที่เหลือท่านพ่อโปรดตัดสินใจเถิด”
นางรู้ว่าหลังจากผ่านเหตุการณ์วุ่นวายในวันนี้ ต่อให้เวินเฉวียนเซิ่งให้เกียรติหลานชายอย่างชุยเส้าเจ๋ออีกแค่ไหน ก็ไม่มีทางทำเหมือนว่าไม่มีเรื่องอันใดเกิดขึ้นและเลิกแล้วต่อกันเช่นนี้
เป็นไปตามที่คาดไว้เลย วินาทีต่อมาก็ได้ยินเวินเฉวียนเซิ่งเอ่ยปาก
“ในเมื่อเจ้าคิดดีแล้ว เช่นนั้นเรื่องการหมั้นหมายนี้ก็สิ้นสุดลงเพียงแค่นี้ วันพรุ่งนี้จะคืนของหมั้นให้กัน”
เมื่อได้ยินคำกล่าวนี้ ไม่ว่าจะเป็นชุยเส้าเจ๋อหรือว่าเวินหย่าลี่ สองแม่ลูกคู่นี้ล้วนมีสีหน้าปีติยินดี
“แต่ว่า...”
เวินเฉวียนเซิ่งทองมองไปที่ชุยเส้าเจ๋อด้วยสายตากดดันถึงที่สุด “ถอนหมั้นได้ แต่ขอแต่งงานไม่ได้”
“ท่านลุง!”
ชุยเส้าเจ๋อร้อนใจแล้ว “แต่ข้ากับน้องเยวี่ยเอ๋อร์มีใจให้กัน ท่านไม่อาจ...”
“เหลวไหล!”
“หุบปากสุนัขของเจ้าไปเสีย!”
“เจ้าอย่าพูดให้ร้ายน้องหกนะ!”
เวลานี้ชุยเส้าเจ๋อบอกว่ามีใจให้กัน เช่นนั้นก็เป็นการยอมรับว่าเวินเยวี่ยล่อลวงคู่หมั้นพี่สาวของตนเองจริง ๆ ไม่ใช่หรือ?
พวกเวินจื่อเฉินมีปฏิกิริยาเร็วสุด ตวาดเสียงดังด้วยความโกรธเกรี้ยวขัดคำพูดของชุยเส้าเจ๋อทันที
แม้แต่เวินเยวี่ยก็อดไม่ได้ลอบด่าในใจอย่างลับ ๆ ว่า ‘โง่เง่า’
หลังจากที่ถูกตัดบท ชุยเส้าเจ๋อก็ตระหนักได้ว่าตนกล่าวผิดไปแล้ว จึงรีบหุบปาก
แต่ถ้าเกิดเขาไม่ต่อสู้เช่นนี้ แล้วเขากับน้องเยวี่ยเอ๋อร์จะทำอย่างไร?
ชุยเส้าเจ๋ออดส่งสายตาไปหามารดาของตนเองเพื่อขอความช่วยเหลือไม่ได้
เวินหย่าลี่รู้สึกปวดใจแทนบุตรชาย ทำได้เพียงเอ่ยปากพูดอึกอักอย่างระมัดระวังว่า “พี่ใหญ่ ท่านก็รู้ว่าความจริงแล้วข้าชอบเยวี่ยเอ๋อร์มากมาโดยตลอด ไม่เช่นนั้น...”
นางยังไม่ทันกล่าวจบ สายตาของเวินเฉวียนเซิ่งก็ทำให้นางหุบปากในพริบตา
“เยวี่ยเอ๋อร์ไม่เลว แต่ว่าชุยเส้าเจ๋อนับเป็นอะไรได้?”
บุตรสาวของเขาเวินเฉวียนเซิ่งต่อให้โง่งมชั่วร้ายอีกเพียงใด ก็ไม่ถึงตาให้ชุยเส้าเจ๋อมาเหยียดหยามต่อหน้าผู้คน
คำพูดที่ชุยเส้าเจ๋อกล่าวในวันนี้ดูเหมือนด่าทอแค่เวินซื่อ แต่ก็ไม่ต่างอะไรกับการท้าทายบารมีของจวนเจิ้นกั๋วกงแล้ว
วันนี้คนที่เขาดูหมิ่นคือเวินซื่อ วันหน้าเกรงว่าคงจะเหยียบศีรษะของเวินเฉวียนเซิ่งแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก