“นันท์ การกระทำของมารีน่ะ ถึงจะเกินไป แต่ก็คงไม่ถึงขั้นที่จะต้องเข้าคุกหรอกจริงไหม?” ภราดรพูดต่อ
ชัชนันท์พูดเหน็บแนบ “ลุงคิดว่าไม่ถึงขั้นนั้นงั้นเหรอคะ?”
อีกฝ่ายจึงพูดต่อ “ลุงคิดว่ามันไม่ขนาดนั้น มารีแค่ปลุกปั่นคนในโลกออนไลน์ที่กำลังติดตามข่าวนี้ให้มาต่อว่าเธอ แต่ไม่ได้ทำร้ายเธออย่างหนักหนาสาหัสนี่นา”
สำหรับทัศนคติของเขา ชัชนันท์รู้สึกว่าตนเองก็มึนๆงงๆอยู่นะ
ไม่ได้ทำร้ายอย่างหนักหนาสาหัส? โดนโจมตีด้วยคำพูด โดนทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง นี่ไม่ถือเป็นการทำร้ายจริงๆงั้นเหรอ?
“แน่นอนว่ามีดเล่มนี้ไม่ได้แทงไปที่ตัวลุง ลุงถึงไม่รู้ว่ามันเจ็บขนาดไหน” ชัชนันท์ฝืนยิ้ม
“ก็ได้ๆๆ นันท์ ลุงเข้าใจแล้ว แต่เรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว ลุงขอโทษเธอแทนมารีแล้วกัน หวังว่าเธอจะเห็นแก่หน้าของลุงหน่อย ได้ไหม?” ภราดรพูดด้วยน้ำเสียงจริงใจ
แต่ เธอรู้ดีว่า ความจริงใจนี้เขาแสร้งทำออกมาทั้งหมด
คนของตระกูลวงศ์ดีประสิทธิ์เป็นยังไง เธอชัดเจนกว่าใครทั้งนั้น
สาเหตุที่เขาแสดงท่าทีอย่างนี้ออกมา แค่กลัวว่าลูกสาวสุดที่รักของตนเอง จะต้องเข้าไปอยู่ในสถานกักกันจริงๆน่ะสิ
“ขอโทษด้วยค่ะ หนูคงเห็นแก่ลุงไม่ได้ ถ้าลุงไม่มีเรื่องอะไรแล้ว หนูขอวางสายก่อนนะคะ”
พูดจบชัชนันท์ก็วางสายไป
แต่ในทันที ภราดรก็โทรเข้ามาอีก
เธอเห็นแล้วจึงตัดสายทิ้งอย่างไม่ลังเล จากนั้นจึงสตาร์ทรถ เลี้ยวออกไป
ในใจของชัชนันท์ชัดเจนดี การปฏิเสธภราดรอาจทำให้เธอต้องเผชิญหน้ากับผลที่จะตามมา บางทีอาจจะเป็นอย่างที่มารีญาบอกจริงๆก็ได้ ที่บอกว่าภราดรจะถอนทุนออกจากโครงการที่ร่วมงานกับรัตนากรกุลกรุ๊ป
โครงการนั้น เป็นบ้านเดี่ยวที่มีทัศนียภาพแสนหรูหรา ซึ่งรัตนากรกุลกรุ๊ปกับวงศ์ดีประสิทธิ์กรุ๊ปร่วมมือกันสร้างขึ้นมา ลงทุนไปทั้งหมดสองหมื่นล้าน ฝั่งรัตนากรกุลกรุ๊ปลงทุนไปหนึ่งหมื่นสองพันล้าน ส่วนฝั่งวงศ์ดีประสิทธิ์กรุ๊ปลงทุนไปแปดพันล้าน
พวกเขาทั้งสองตระกูลตกลงร่วมงานกันได้สำเร็จ ก่อนที่เซ็นเทอรี่ลองจะถอนทุนออกไปจากวงศ์ดีประสิทธิ์กรุ๊ป
ถ้าพวกเขาถอนแปดพันล้านออกไปอย่างกะทันหัน โครงการนั้นต้องหยุดลงชั่วคราวแน่ๆ
แม้รัตนากรกุลกรุ๊ปจะมีเงิน แต่ถ้าจะเอาเงินแปดพันล้านมาเติมลงไปในทันที ก็ยากเอาเรื่องเช่นกัน
แต่ถ้าจะหาคนมาลงทุนอีกครั้ง ก็คงไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น ถึงยังไงแปดพันล้านก็ไม่ใช่จำนวนน้อยๆนี่นา
แต่เธอไม่กลัวสักนิด
เพราะ เธอมีเงิน
ถึงเงินจะไม่สามารถทำได้ทุกอย่าง แต่มันกลับต่อลมหายใจให้มนุษย์เราได้
............
ในขณะเดียวกัน ทางฝั่งห้องทำงานของประธานเซ็นเทอรี่ลองกรุ๊ป
“คุณชายห้า เรื่องของคุณผู้หญิง เธอจัดการด้วยตัวเองแล้วนะครับ ตอนนี้คำค้นหายอดฮิตทั้งหมดต่างกำลังก่นด่ามารีญาอยู่ทั้งนั้น”
เกริกมองชายหนุ่มที่กำลังจดจ่ออยู่กับการอ่านเอกสารอย่างนอบน้อม รายงานสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างกระตือรือร้น
เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีดำ คู่กับกางเกงสีดำ แขนเสื้อเชิ้ตม้วนขึ้นเล็กน้อย ท่ามกลางความเป็นระเบียบที่ปะปนไปด้วยความสบายๆ
อวัยวะบนใบหน้าที่ราวกับใช้มีดแกะสลัก ภายใต้แสงอาทิตย์ที่สาดลงมา ทำให้ดูหล่อเหลา น่าหลงใหลเป็นพิเศษ
แสงอาทิตย์ที่แสนอบอุ่น กลับหลอมละลายความเย็นยะเยือกและท่าทีเผด็จการบนร่างกายของเขาออกไปไม่ได้เลย
แทนไทค่อยๆเงยหน้าขึ้น ปิดแฟ้มเอกสารสีดำที่ไร้ร่องรอยขีดข่วน ยิ้มมุมปากอย่างชื่นชม ยื่นมือออกไปหยิบมือถือที่อยู่ข้างๆ
“คุณชายห้า ตอนนี้คุณอย่าเพิ่งเข้าทวิตเตอร์จะดีที่สุดนะครับ” เกริกหน้าตากังวล
“............” เขาไม่พูด แต่มองไปที่ใบหน้าของเกริกอีกครั้ง แววตาค้นหา
สบเข้ากับสายตาของเขา เกริกจึงพูดต่อ “มีบางเนื้อหาที่อาจจะทำให้คุณรู้สึกไม่ดีน่ะครับ”
ได้ฟัง แทนไทก็ยิ่งอยากรู้
“อีกอย่างหนึ่งไปติดต่อรัตนากรกุลกรุ๊ปด้วย บอกว่าเซ็นเทอรี่ลองมีความต้องการที่จะร่วมลงทุนด้วย ถ้าพวกเขาติดขัดอะไร สามารถติดต่อพวกเราได้ทุกเมื่อ จำนวนเงินไม่ใช่ปัญหา”
พูดจบ สายตาของแทนไทก็ตกไปอยู่ที่คำค้นหายอดฮิตอีกครั้ง
เห็นประโยคที่ชัชนันท์โพสต์ไว้ว่า เธอกับสามีของตนเองรักกันดี ความเย็นชาบนใบหน้าของเขาจึงละลายไปเล็กน้อย
แค่เกริกได้ฟัง ก็หน้าตาตกตะลึง
เขาจะไม่รู้จุดประสงค์ที่แทนไททำอย่างนี้ได้ยังไงล่ะ?
ระหว่างรัตนากรกุลกรุ๊ปกับวงศ์ดีประสิทธิ์กรุ๊ปกำลังร่วมมือกันทางธุรกิจ ถ้าวงศ์ดีประสิทธิ์กรุ๊ปเอาเรื่องถอนทุนมาข่มขู่รัตนากรกุลกรุ๊ป ไม่แน่ชัชนันท์อาจจะยอมอ่อนข้อให้ ปล่อยมารีญาไปก็ได้
แต่ถ้าตอนนี้เซ็นเทอรี่ลองต้องการร่วมงานด้วย งั้นตอนที่โดนวงศ์ดีประสิทธิ์กรุ๊ปข่มขู่ พวกเขาก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องสนใจ
เขาคิดไม่ถึงว่า คุณชายห้าของพวกเขาจะทำถึงขั้นนี้ แม้แต่เรื่องยิบย่อยก็ยังคิดได้
“ได้ครับคุณชายห้า ผมจะออกไปดำเนินการตอนนี้เลย”
พูดจบ เกริกก็รีบเดินออกไป
“ก๊อกๆๆ......” เกริกเพิ่งออกไป เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
“เข้ามา” แทนไทขานรับอย่างไม่ใส่ใจ หยิบปากกาเซ็นชื่อราคาสูงที่ข้างๆมือขึ้นมา เซ็นชื่อของตนเองลงบนเอกสารอย่างไหลลื่น
กชนิภดันประตูเปิดออก เดินเข้ามาทันที
เห็นเธอมา แทนไทจึงวางปากกาในมือลง ถามขึ้นนิ่งๆ “มาได้ยังไงครับ?”
พูดจบ เขาก็ลุกขึ้นยืน ไปนั่งที่โต๊ะน้ำชากับกชนิภ
“ที่เจ้าหกโพสต์ข้อความนั้นอย่างโจ่งแจ้งบนทวิตเตอร์น่ะ แม่จะไม่มาได้เหรอ? แกก็อย่าโมโหเลยนะ แกก็รู้ ตั้งแต่เขาเข้าวงการบันเทิง ก็แทบไม่ได้สนใจเรื่องในครอบครัวเลย ปกติก็ยุ่งจนไม่มีเวลากลับบ้านอยู่แล้ว”
“ดังนั้น เขาถึงรู้แค่ว่าแกแต่งงานแล้ว แต่ไม่รู้ว่าภรรยาของแกชื่ออะไร เรื่องในตอนนี้ ก็พอจะให้อภัยกันได้ แม่โทรหาเขาแล้วแหละ แต่โทรไม่ติด” กชนิภพูด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลีกทางหน่อย... ยัยเป็ดขี้เหร่กลับมาแล้ว
บทที่ 244-339 หาอ่านได้ที่ไหนค่ะ...
คมสันกับขจีจบลงยังไงคะ...