หลีกทางหน่อย... ยัยเป็ดขี้เหร่กลับมาแล้ว นิยาย บท 146

คำพูดที่หยาบคาย ทำให้เธอได้ยินแล้วรู้สึกกระดากหู

เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว มองจ้องหน้าของมาวินนิ่ง “มาวิน พูดจาให้มันดีๆ หน่อย”

ชัชนันท์รู้ว่า ครั้งนี้ที่เขาวิ่งพรวดเข้ามาด้วยความโมโหเช่นนี้ คงเพราะอยากใช้เรื่องของมารีญาเป็นข้ออ้าง เพื่อมาคิดบัญชีกับเธอ

“เป็นอะไรไป เมื่อก่อนเธอก็เคยขอร้องให้ฉันนอนกับเธอไม่ใช่หรือไง?” มาวินยกมุมปากพลันฉีกยิ้มที่เย็นชาออกมา พร้อมทำสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความเสียดสี

ประโยคนี้ราวกับเข็มเล่มหนึ่ง ทิ่มแทงลงไปในส่วนลึกสุดของหัวใจเธอ และเหมือนว่ามันได้ทะลุเป็นรูเล็กไปแล้วสักที่หนึ่ง

เรื่องวันวานที่ไม่อยากหวนนึกถึง ราวกับเม็ดโฟมที่สะสมอยู่ในลูกโป่ง เมื่อมีรูรั่วก็พรั่งพรูออกมาอย่างรวดเร็ว

ปีนั้น ตอนที่เธอทั้งขี้เหร่และอวบอ้วน เพื่อที่จะรั้งคนตรงหน้านี้ไว้ เธอจึงยอมยกเรือนร่างให้เขาไปครั้งหนึ่ง

แต่เขากลับบอกเธอด้วยคำพูดที่มีเหตุผลว่า เขาหวังว่าเธอจะเก็บครั้งแรกไว้จนกว่าจะถึงคืนวันแต่งงานของพวกเขา และยังบอกอีกว่าเขาปฏิเสธการมีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่ง

เธอเชื่อไปอย่างโง่ ๆ แถมยังรู้สึกซาบซึ้งจนจะเป็นจะตาย และคิดในใจว่าพี่วินของเธอช่างแตกต่างจากผู้ชายคนอื่น เขาช่างเป็นสุภาพบุรุษที่แท้จริง

ดังนั้น ยิ่งเธอรักเขามากเท่าไร เพื่อที่จะรั้งตัวเขาไว้ เธอก็ยิ่งทำตัวน่าสมเพชมากเท่านั้น

แต่ว่า จนกระทั่งเธอได้เห็นเขากับชลิตาซุกตัวอยู่ด้วยกันกับตาตัวเอง เธอถึงค่อยเข้าใจว่า ความจริงแล้ว เขาไม่ได้เป็นสุภาพบุรุษบ้าบออะไรนั่นเลย

การที่ผู้ชายไม่อยากนอนกับผู้หญิง ก็คงมีเพียงเหตุผลเดียว คืออีกฝ่ายยังสวยและเซ็กซี่ไม่พอ

เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้หญิงสวย ๆ ใครจะยังสามารถทำตัวเป็นผู้ชายด้านชาได้อีก?

ตัวเธอคนเก่า ทำให้เธอรู้สึกละอายมาก การกระทำพวกนั้นช่างโง่เสียจนน่าขำ

ในคืนวันนั้น มาวินเผชิญหน้ากับเธอที่มอบเรือนร่างให้เขาเอง ในใจของเขาคงอยากอ้วกเต็มทนแล้วสินะ?

“หน้าไม่อาย!” ชัชนันท์ด่าออกมา

“เอาตรงๆ เลยนะ มันหน้าไม่อายตรงไหนเหรอ?” มาวินบีบคางของเธอเบา ๆ ด้วยสีหน้าไม่จริงจัง

“เอามือสกปรกของนายออกไป ถ้านายมาหาฉันเพื่อพูดเรื่องนี้ล่ะก็ งั้นฉันคงต้องขอตัวก่อน” ชัชนันท์ดึงมือเขาออกอย่างไม่พอใจ พลันหันหลังขึ้นรถไป

เธอเพิ่งจะขึ้นมา มาวินก็ตามขึ้นมาจากอีกฝั่งของรถด้วย

จากนั้น จู่ๆ ก็มีกลิ่นหอมฉุนตลบอบอวลอยู่เต็มทั้งคันรถ

เป็นกลิ่นที่เธอไม่เคยได้ดมจากที่ไหนมาก่อน และกลิ่นฉุนมากจนรู้สึกเวียนหัว

คล้ายกับว่าจะเป็นยาเสน่ห์อย่างหนึ่ง

และต่อจากนั้น เธอก็ภาพตัดทันที พร้อมกับนอนฟุบลงไปบนพวงมาลัย และไม่รู้สึกอะไรอีกเลย

มาวินทำท่าดูถูก พลันรีบเก็บขวกสเปรย์ที่เต็มไปด้วยน้ำที่มีสีใสในมือทันที

จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทร “มาขับรถไปได้แล้ว……”

ไม่นาน ชายชุดดำคนหนึ่งลงจากเบาะหลังของรถคาเยนน์ และมานั่งตรงฝั่งคนขับ พลันขับรถออกไปทันที

………………

พอชัชนันท์ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที พบว่าตัวเองอยู่ในห้องนอนขนาดใหญ่สไตล์วังยุโรปที่หรูหราห้องหนึ่ง

บริเวณหัวเตียง รวมถึงที่ข้างเตียง ล้วนมีกระจกบานใหญ่อยู่ทุกด้าน

เธอสามารถมองเห็นตัวเองทุกอณูผ่านกระจกเหล่านั้น

เธอในตอนนี้ถูกมัดในท่านอนแผ่อ้าซ่าอยู่บนเตียง มือและเท้าทั้งสองข้างถูกมัดด้วยโซ่เหล็กที่หนักอึ้ง ทำให้ดิ้นไปไหนไม่ได้เลย

กระดูกและกล้ามเนื้อทั่วร่างเหมือนถูกเลาะออกไปจนหมด จึงรู้สึกไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่นิดเดียว

แม้ขยับเพียงเล็กน้อยยังทำไม่ได้เลย

เธอรู้ดีว่า นี่เป็นเพราะฤทธิ์ยายังไม่หมด

ฤทธิ์ของยานั้น นอกจากจะทำให้คนหมดสติแล้ว ยังทำให้รู้สึกหมดเรี่ยวแรงด้วย

มาวินนั่งลงตรงข้างๆ เธอ เขาทำสีหน้าเย็นชา พลางมองเธอ พร้อมกับสูบบุหรี่ไปด้วย

เขาต้องพนันอยู่แน่ว่า ด้วยฐานะของเธอ หากต้องมาเจอกับเรื่องแบบนี้ ตระกูลรัตนากรกุลคงเลือกที่จะอดกลั้นความโกรธไว้ เพื่อจะได้หลีกเลี่ยงความขายขี้หน้า

ความรู้สึกที่ไม่เพียงพูดไม่ได้ แม้กระทั่งขยับก็ทำไม่ได้เหมือนกัน ทำได้เพียงปล่อยให้คนอื่นปู้ยี่ปูยำ เธอจึงแทบจะเป็นบ้าแล้ว

ความรู้สึกกลัวและโกรธแบบขั้นสุด ที่อยู่ภายใต้ความกดดันนี้ ทำให้หัวใจแทบเต้นหลุดออกมาจากคอ

“ชัชนันท์ ฉันโมโหเธอจนแทบเป็นบ้าแล้วนะ ทำไมเธอถึงได้ทำแบบนั้นกับน้องสาวฉัน? ต่อให้เธอทำผิด ก็ไม่น่าถึงขั้นบอกให้เธอเข้าไปจริง ๆ นี่?”

เรื่องของมารีญา เป็นสาเหตุให้เขาระเบิดอย่างที่คิดไว้เลย

“อีกอย่าง ช่วงนี้ตระกูลของผมก็สืบอยู่ตลอด ทุกอย่างที่ฉันต้องเผชิญก่อนหน้านี้ แม้ว่าจะยังไม่มีหลักฐานที่บ่งชี้ไปที่ตัวเธอ แต่ว่าชัชนันท์ เธอบอกความจริงฉันมาหน่อย ว่าที่จริง มันเป็นฝีมือของเธอใช่ไหม?”

“นายเป็นอย่างที่ชลิตาพูดจริง ๆ ที่กลับมาก็เพื่อแก้แค้นพวกเราใช่ไหม? นายอยากผลักพวกเราไปอยู่ในจุดที่ต้องตายแบบไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดเลยใช่ไหม?”

“ชัชนันท์ เธอนี่ใจร้ายมากเลยนะ ต่อให้ตอนนั้นฉันทำผิดต่อเธอ เธอก็ไม่เห็นต้องทำถึงขั้นกำจัดให้สิ้นซากเลยนี่หน่า?” มาวินยิ่งพูดก็ยิ่งโมโห พร้อมพูดอย่างกระทบกระแทกทุกคำ

ดวงตาคู่นั้นของเขาแดงก่ำ ราวกับว่าอีกประเดี๋ยว เขาจะสามารถกลืนคนเป็นๆ เข้าไปได้เลย

“ไม่ว่ามันจะใช่หรือไม่ อย่างไรวันนี้ฉันก็จะนอนกับคุณเพื่อระบายความโกรธ เธอทำลายน้องสาวฉัน งั้นฉันก็จะทำลายเธอบ้าง”

“และฉันขอเตือนเลยนะ ชัชนันท์ ถ้าฉันสืบเจอว่า ทุกอย่างที่ฉันต้องเจอเป็นฝีมือของเธอ ฉันจะฉีกเธอเป็นชิ้นๆ ด้วยมือของฉันเอง”

ช่วงหลายวันมานี้ เขาอัดอั้นมากจริงๆ

เขาไม่เพียงสูญเสียความเชื่อมั่นจากพ่อ แถมยังสูญเสียทุกอย่างที่เป็นของเขาอีก

เมธีที่เป็นพี่ใหญ่ของเขา หาผู้ลงทุนให้กับตระกูลวงศ์ดีประสิทธิ์ได้เมื่อเช้านี้ ซึ่งนำไปอุดในเซ็นเทอรี่ลองที่เพิ่งถูกถอนการลงทุนไปได้พอดี คุณพ่อจึงปลื้มปริ่มมาก

คุณพ่อยังพูดต่อหน้าเขาด้วยว่า จะเขียนพินัยกรรมเดี๋ยวนั้นเลย ว่าต่อไปให้เมธีเป็นผู้สืบทอดตระกูลวงศ์ดีประสิทธิ์ และตอนที่คุณพ่อยังอยู่ เขาจะมีสิทธิ์ถือหุ้นเพียง 5% เท่านั้น มันเท่านั้นเลยจริงๆ

ดูท่าคุณพ่อคงตัดสินใจไปแล้ว เขาอยากได้โอกาสในการพลิกทุกอย่างกลับมาเป็นของตัวเอง แต่โอกาสนั้นกลับน้อยเอามากๆ

แม่ว่าพี่ใหญ่ได้เคยบอกคุณพ่อหลายครั้งแล้วว่า เขาไม่อยากบริหารกิจการ แต่คุณพ่อก็ยังตัดสินใจแบบนั้น

​​

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลีกทางหน่อย... ยัยเป็ดขี้เหร่กลับมาแล้ว