ต่อมาแทนไทก็ลองเสื้อผ้าอีกสองชุด แต่ละชุดถูกเขาสวมใส่ให้ความรู้สึกเหมือนเคยเห็นในวารสารมาก่อน
เหล่าบรรดาพนักงานขายก็พูดชมไม่หยุด พวกลูกค้าผู้ชายเนื่องจากพอเห็นเขาลองสวมใส่แล้ว ก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงตัดสินใจซื้อแบบเดียวกันเลยทันที
ไม่นานก็เหลือตัวสุดท้ายแล้ว
หลังจากที่แทนไทเปลี่ยนอย่างรวดเร็วเสร็จ ก็เดินออกมาจากห้องลองเสื้อ
ตัวสุดท้าย เป็นชุดสูทสีน้ำเงินเข้มหนึ่งตัว ข้างในจับคู่กับเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงเก้าส่วน เผยให้เห็นข้อเท้า
การตัดเย็บที่พอดีตัวทำให้เผยให้เห็นรูปร่างที่ไร้ที่ติของเขาได้อย่างเต็มที่ ขาสูงยาว
"ตัวนี้ ก็ดูดีเหมือนกัน!"ชัชนันท์แววเต็มไปด้วยความตกตะลึง
ตัวนี้ เรียกได้ว่าเป็นตัวที่ดูดีที่สุดที่เขาลองมาเลย
"อย่างนั้นเหรอ? ถ้าอย่างนั้นคุณชอบตัวนี้มากที่สุด?"เขาเดินมาอยู่ตรงหน้าของเธอ พร้อมกับพูดถามขึ้น
"ตัวนี้......จริงๆแล้วตัวอื่นฉันก็ชอบเหมือนกันนะ"ชัชนันท์รู้สึกลำบากใจไม่น้อย หลังจากที่คิดพิจารณาอยู่สองสามวินาทีแล้ว ก็โบกมือไปยังพนักงานขาย"เอาทั้งหมดเลยค่ะ"
จากนั้น เธอก็มองเขาพร้อมกับพูดขึ้น"ตัวนี้เอาไว้ใส่เข้าร่วมงานแต่งงาน ส่วนสามตัวที่เหลือคุณเอาไว้ใส่ตามปกติ คุณไปเปลี่ยนกลับได้เลย"
เขาไม่ได้พูดอะไร เข้าไปในห้องลองเสื้ออย่างเงียบๆ
ผู้จัดการใหญ่ของห้างเดินผ่านประตูร้านมา ก็เห็นภาพตรงหน้านี้ เขารู้สึกว่าแปลกประหลาดมากๆ
พอเปลี่ยนกลับเป็นเสื้อเดิมของตัวเองแล้ว แทนไทก็เดินตามชัชนันท์ออกจากร้าน
ทั้งสองคนเดินเคียงไหล่กัน ชัชนันท์ก้มหน้าลงดูเวลา ยังเหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมงก่อนที่ห้างจะปิด
"พวกเราไปดูเครื่องประดับแล้วก็เครื่องสำอางสักหน่อยก็แล้วกัน"เธอกะที่จะซื้อเครื่องประดับ เอาไว้ใส่ในวันงานแต่งงานของชลิตา จากนั้นก็ซื้อลิปสติกสักสองสามแท่ง
เธอมีงานอดิเรกเยอะแยะมากมาย การซื้อลิปสติกก็เป็นหนึ่งในนั้น
"ได้"เขาพูดขึ้น
หลังจากที่ลงมาชั้นล่างแล้ว ชัชนันท์ก็ไปซื้อสร้อยคอสองเส้น จากนั้นก็เริ่มไปดูลิปสติกในร้านเครื่องสำอางใหญ่ๆมากมายหลายร้าน
ร้านไหนที่เธอเข้าไปดูมา เธอก็จะซื้อมาสองสามแท่งทุกร้าน เขาตามอย่างเงียบๆอยู่ตลอดเวลา ไม่พูดอะไรแม้แต่ประโยคเดียว
"ชอบซื้ออันนี้มากเลยเหรอ?"เขาพูดถาม จากนั้นก็รับถุงชอปปิงที่ใส่ลิปสติกเอาไว้จากมือของเธออย่างเป็นธรรมชาติ
"อื้อ"ชัชนันท์พยักหน้า
เขาไม่ได้พูดอะไร หยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดไลน์ แล้วเปิดแชทที่ตัวเองคุยกับเกริกอย่างเงียบๆ
หลังจากที่พิมพ์ไปสองสามประโยคแล้ว เขาก็เก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋า
ระหว่างที่พูด ชัชนันท์ก็เดินเข้าไปในYSL......
หลังจากที่เธอลองสีของลิปสติกไปสองสามสีอย่างรวดเร็วแล้ว ก็ซื้อมาสามแท่งเลยทันที
เพิ่งจะจ่ายเงินเสร็จ ก็มีพนักงานขายคนหนึ่งเดินเข้ามา "คุณผู้หญิง ยินดีด้วยค่ะท่านเป็นลูกค้าผู้โชคดีในวันนี้ของทางร้านพวกเราค่ะ ท่านจะได้รับกล่องของขวัญขนาดใหญ่ที่บรรจุลิปสติกไว้สองกล่อง ข้างในของแต่ละกล่องก็จะมีลิปสติกกล่องละหนึ่งร้อยแท่งค่ะ"
ชัชนันท์แววตาไม่อยากจะเชื่อ"จริงเหรอคะ?"
ซื้อลิปสติกมาหลายปีขนาดนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ ก่อนหน้านี้ก็ไม่เห็นได้ยินว่าร้านแบรนด์พวกนี้มีกิจกรรมแบบนี้เลยนี่นา?
"จริงค่ะ กิจกรรมนี้พวกเราจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในปีนี้ค่ะ......หนึ่งปีมีครั้ง วันนี้ท่านโชคดีมากๆก็เลยได้รับไปค่ะ"อีกฝ่ายพูดขึ้นมาต่อ
"ขอบคุณพวกคุณมากนะคะ"ชัชนันท์รู้สึกดีอกดีใจ
สำหรับพวกที่คลั่งไคล้ลิปสติกแล้ว เรื่องราวดีๆที่จู่ๆก็ได้ลิปสติกมาฟรีๆขนาดนี้ ช่างน่าดีใจเหลือเกิน
รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอ ยิ้มเบิกบานสว่างสดใสมากขึ้น
พอเห็นรอยยิ้มของเธอ มุมปากของเขาก็ยกโค้งเล็กน้อย"ดีใจไหม?"
ชัชนันท์พยักหน้าอย่างหนักแน่น
"คุณผู้หญิงคะ ขอที่อยู่ของท่านหน่อยนะคะ เดี๋ยวพวกเราจะส่งของไปถึงที่ให้กับท่านเลยค่ะ"พนักงานขายยื่นปากกากับกระดาษมาให้
ชัชนันท์เขียนชื่อสกุล เบอร์โทรศัพท์ และที่อยู่ไว้บนกระดาษทันที
จากนั้น เธอก็พาแทนไทออกจากร้านไป
"ใช่ค่ะ ถึงตอนนั้นหนูจะตามแก้แค้นให้อย่างสาสม!ชัชนันท์นังสารเลว แกรอฉันก่อนเถอะ!ฉันไม่มีทางปล่อยแกไปแน่นอน!"ชลิตากัดฟันกรอดๆ พอคิดถึงชัชนันท์ เธอก็แทบอยากจะเข้าไปฉีกกระชากเธอด้วยมือของตัวเองอย่างรอแทบไม่ไหวแล้ว!
พูดจบ สายตาที่เย็นชาของเธอก็กวาดมองไปในโรงอาหารที่มีผู้คนมากมายล้นหลาม
มองพวกนักโทษที่กำลังกินซุปจืดชืดขนมปังแป้งข้าวโพด แถมยังเขมือบมูมมามท่าทางเยี่ยงสัตว์ป่าอีก ชลิตารู้สึกขยะแขยงสุดๆ
ดีมากจริงๆ ในที่สุดก็ไม่ต้องอยู่ร่วมกันกับพวกคนชั้นต่ำพวกนี้อีกต่อไปแล้ว แล้วก็ไม่ต้องถูกพวกคนชั้นต่ำกลั่นแกล้งรังแกแล้วด้วย
พอเธอออกไปแล้ว เธอจะแก้แค้นเอาคืนพวกคนที่เคยกลั่นแกล้งรังแกเธอทั้งหมด!พอเธอออกไป เธอก็จะไม่ต้องกินข้าวหมูที่นี่แล้ว!เธอจะได้ออกไปกินไอศกรีม!ได้กินอาหารชั้นสูงพวกนั้นสักที
ของเน่าเสียพวกนี้ ขนาดหมาบ้านพวกเขาอย่างไม่กินเลย!
ขนมปังแป้งข้าวโพดเอย หมั่นโถวเอย เมื่อก่อนตกลงบนพื้น เธอยังไม่ได้แม้แต่จะเหลียวมองเลยสักนิด!
"แม่จะช่วยลูกเอง ลูกไม่ต้องไปคิดเรื่องพวกนั้นก่อน หลังจากกลับไปแล้วพวกเราเตรียมงานแต่งงานอย่างตั้งอกตั้งใจก่อนดีกว่า วันนี้ช่วงบ่ายแม่จะพาลูกไปทำสวยทั้งตัว พรุ่งนี้จะได้เป็นเจ้าสาวที่เจิดจรัสที่สุด"
หทัยจับมือของชลิตาไว้แน่น แววตาเต็มไปด้วยความตั้งหน้าตั้งตารอคอย
"อื้อ!ว่ากันว่าตอนที่ผู้หญิงใส่ชุดเจ้าสาวจะสวยที่สุด พรุ่งนี้หนูจะต้องสวยโดดเด่นกว่าชัชนันท์อย่างแน่นอน!"ชลิตาใบหน้าตั้งตารอคอย
"พรุ่งนี้หนูกับพี่วินจะต้องเจิดจรัสแพรวพราว แสงรัศมีของพวกเรา จะปกคลุมบดบังชัชนันท์และสามีของมันจนมิด"
"ชัชนันท์ดูดีอยู่แค่คนเดียวมันจะมีประโยชน์อะไร สามีคนนั้นของมันน่าเกลียดจะตาย พวกมันอยู่ด้วยกันไม่มีทางดึงดูดสายตาของผู้คนมากกว่าคู่ของหนูกับพี่วินอย่างแน่นอน"ชลิตาพูดขึ้นมาต่อ
เธอเริ่มตั้งหน้าตั้งตารอคอย ภาพที่ชัชนันท์พาสามีที่น่าเกลียดคนนั้นออกงาน สัญชาตญาณบอกกับเธอว่าผู้ชายคนนั้นจะต้องน่าเกลียดอย่างแน่นอน
"ถูกต้อง ผู้ชายคนนั้นจะต้องไม่ได้ดูดีสักเท่าไรหรอก แถมเรียนแพทย์จริงๆหรือเปล่า อันนี้ก็ต้องรอพิจารณาเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นก็คงจะไม่รอให้พวกเราเอารัดเอาเปรียบแล้วมันถึงค่อยไปฟ้องพ่อของลูกหรอก"หทัยสบถหึออกมาอย่างเย้ยหยัน
"ช่างเถอะค่ะ เห็นของพวกนี้แล้วคลื่นไส้ พวกเราไปกันเถอะ เดี๋ยวออกไปแล้วพวกเราไปหาอะไรอร่อยๆกินกันดีกว่า"ชลิตาพูดขึ้น
"ได้สิ"หทัยบ่งบอกว่าเห็นด้วย สองแม่ลูกเริ่มเดินออกไปข้างนอกอย่างดีอกดีใจ
"โอ้ ดูท่าทางของพวกแกแล้ว ถ้าไม่รู้อะไรก็จะนึกว่าวันนี้พวกแกจะได้ออกจากเรือนจำแล้วนะเนี่ย"นักโทษหญิงหัวล้านและเหล่าบรรดานักโทษหญิงที่อยู่ห้องขังเดียวกันกับพวกเธอเดินตรงเข้ามา หยุดอยู่ตรงหน้าของพวกเธอสองคน
พอเห็นพวกเธอ สองแม่ลูกก็ถอยหลังไปหนึ่งก้าวตามสัญชาตญาณทันที จากนั้นชลิตาก็ยิ้มออกมาอย่างสะใจ"ก็ใช่ไง ฉันจะได้ออกไปวันนี้"
"ใครบอกเธอ ว่าเธอจะได้ออกไปวันนี้?"ผู้คุมเรือนจำหญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาด้วยใบหน้าเย็นชา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลีกทางหน่อย... ยัยเป็ดขี้เหร่กลับมาแล้ว
บทที่ 244-339 หาอ่านได้ที่ไหนค่ะ...
คมสันกับขจีจบลงยังไงคะ...