หลินไป๋หลัน นิยาย บท 1

"ประเทศไทย"

ณ ใจกลางกรุงเทพมหานคร เมืองแห่งความวุ่นวายทุกชีวิตต้องดิ้นรนทำงานหาเลี้ยงชีพ ภายใน

คอนโดมิเนียมขนาดกลาง มีหญิงสาวร่างบางหน้าตาน่ารักกำลังนอนเล่นอยู่บนเตียงนอน ขณะนี้เป็นเวลา

ใกล้จะเที่ยงคืนแล้ว เธอกำลังนอนครุ่นคิดกับชีวิตอันน่าเศร้า "ข้าวหอม" หญิงสาววัย25ปีดีกรีแพทย์ บิดา

และมารดาเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์ ตอนนั้นเธออายุได้ 18 ปี ข้าวหอมเป็นเด็กเรียนเก่ง ฉลาด หัวไว เธอสอบติดคณะแพทย์ แต่เรียนแพทย์นั้นค่าใช้จ่ายสูงมาก เธอได้รับเงินประกันชีวิตของพ่อและแม่มาจำนวนไม่มากนักจึงต้องหางานพิเศษทำและเรียนไปด้วยจนกระทั่งเธอเรียนจบ ข้าวหอมครุ่นคิดเรื่องนี้แล้วน้ำตาก็เอ่อไหล เธอคิดถึงพ่อ แม่ที่จากไปมันทั้งเหงาและอ้างว้าง ถ้าเป็นไปได้เธออยากไปอยู่กับท่านทั้ง2 ข้าวหอมรู้สึกเจ็บปวดหัวใจขึ้นมาและสติของเธอก็พลันดับวูบไป

ข้าวหอมลืมตาตื่นขึ้นมาพร้อมกับขยี้ตาเบาๆเพราะแสงสว่างรอบ ๆ ทำให้เธอแสบตามาก

"ฟื้นแล้วสินะ" ชายชราเอ่ย

"คุณเป็นใครหรือคะ แล้วที่นี่ที่ไหนคะ" เธอมองไปรอบ ๆ มันเป็นพื้นที่โล่งกว้างมีแสงสีขาวโพลน ชายชราตรงหน้าอายุราว ๆ เจ็ดสิบปี มีหนวดยาวสีขาว ผมยาวสีขาวมวยครึ่งหัวปักด้วยปิ่นไม้แต่งกายด้วยชุดสีขาวคล้ายหนังจีนยุคโบราณ

"ที่นี่คือดินแดนแห่งจิตวิญญาณ ข้ามีนามว่าเทพปาเจียว" ชายชราเอ่ยตอบ

"ถ้าเช่น นั้นแสดงว่าหนูตายแล้วหรือคะ" เธอถามด้วยความตกใจ เพราะเธอจำได้ว่าเธอนอนร้องไห้อยู่ในห้องนอน แล้วรู้สึกเจ็บที่หน้าอกจนหมดสติไป

เทพปาเจียวทำสีหน้าลำบากใจตนรู้สึกผิดยิ่งนักที่ทำงานผิดพลาดเช่นนี้ อย่างว่าอายุปูนนี้แล้วมันก็ต้องมีผิดพลาดกันบ้างเป็นเรื่องธรรมดา

"จริง ๆ แล้วชะตาของเจ้ายังไม่หมดอายุขัย แต่มันเป็นความผิดพลาดของข้าเอง” เทพปาเจียวเอ่ยยอมรับผิด เขาเอาดวงวิญญาณมาผิดเพราะชื่อแซ่เหมือนกัน ต่างกันที่อายุเท่านั้น หญิงคนที่หมดอายุขัยนั้นอายุห้าสิบสามปี

ข้าวหอมทำหน้างงเพราะคิดว่าต้องมาตายฟรีและเพิ่งจะเรียนจบมาแท้ ๆ ยังไม่ได้ทำงานที่ตนเองรักเลย แต่เมื่อคิดได้ถือเสียว่าเป็นเป็นเวรกรรมของเธอเองจึงเอ่ยตอบออกไป

"เอ่อ...หนูไม่ได้เสียใจมากเท่าไรหรอกค่ะ หนูอยู่คนเดียวพ่อกับแม่ก็จากไปแล้ว" ข้าวหอมเอ่ยบอกพลางคิดในใจว่า ตอนตายก็ไม่ได้เจ็บปวดอะไรคือตายอย่างสงบแถมศพยังสวยอีกต่างหาก

เทพปาเจียวครุ่นคิดชั่วครู่ พลางหยิบลูกแก้วขึ้นมาดูว่ามีดวงวิญญาณไหนที่ใกล้จะหมดอายุขัยบ้าง และดวงจิตนั้นต้องเข้ากันได้ด้วยถึงจะสามารถใช้ร่างกายนั้นได้ดีกว่าให้นางต้องเป็นวิญญาณเร่ร่อนจนกว่าจะหมดอายุขัย

เมื่อตรวจดูก็พบว่ามีเด็กสาวผู้หนึ่งที่มีร่างกายอ่อนแอ และตอนนี้ก็ป่วยไข้ใกล้จะหมดลมหายใจเต็มที เทพปาเจียวจึงเพ่งดูดวงจิตของเด็กสาวผู้นั้นก็พบว่ามันมีสีขาวบริสุทธิ์เหมือนกับนางหนูคนนี้ เขาจึงรีบเอ่ยออกไปด้วยความดีใจ

"ข้าจะให้เจ้าไปเกิดใหม่ในร่างของเด็กอายุสิบสองปี นางกำลังจะหมดอายุขัย เจ้าจะได้มีชีวิตใหม่อีกครั้งดีกว่าต้องเป็นวิญญาณเร่ร่อนที่ต้องรอจนกว่าตนเองจะหมดอายุขัยถึงจะได้ไปเกิดใหม่ เจ้าสนใจข้อเสนอของข้าหรือไม่"

"..."  ข้าวหอมเงียบ เธอกำลังใช้ความคิดว่าจะมีชีวิตใหม่อีกครั้งดีหรือไม่เพราะกลัวว่าร่างใหม่นั้นจะมีชีวิตที่โดดเดี่ยวเหมือนที่ผ่านมาอีก ถ้าเป็นเช่นนั้นสู้เธอเจ็บปวดครั้งเดียวจะดีเสียกว่า

"เจ้ามิต้องกังวล ที่นั่นเจ้าจะมีครอบครัวที่รักเจ้า" เทพปาเจียวเอ่ย เขาได้ยินความคิดของอีกฝ่ายทั้งหมด ช่างเป็นเด็กที่น่าสงสารเสียจริง แต่นับว่าโชคดีเป็นอย่างยิ่งที่ครอบครัวใหม่นี้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตารักใคร่อบอุ่น น่าจะพอเยียวยาจิตใจได้บ้าง

"จริงหรือคะ" เธอกล่าวออกมาด้วยความดีใจ ถ้าเป็นเช่นนั้นเธอก็ยินดีเพราะอย่างน้อยก็ยังมีครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้าไม่ต้องโดดเดี่ยวอย่างทุกวันนี้

"จริงสิ แต่ที่นั่นเป็นโลกคู่ขนานยุคจีนโบราณ เป็นโลกที่ใช้พลังปราณธาตุ และมีสัตว์อสูร" เทพปาเจียวเอ่ยตอบ พลางคิดว่าที่นั้นต่างจากโลกของนางทุกอย่างคงต้องปรับตัวอีกมาก

"ข้อหนึ่ง ขอพลังธาตุทุกธาตุ รวมทั้งธาตุหายาก" ข้าวหอมคิดว่าขอเยอะ ๆ เอาไว้ก่อนเป็นดีที่สุดจะได้ใช้หรือไม่ได้ใช้ค่อยว่ากันอีกที

"ข้อสอง ขอให้สื่อสารกับสัตว์ได้” เพราะโลกใหม่มีสัตว์อสูรถ้าสื่อสารได้คงดีไม่น้อย

"ข้อสาม ขอให้มีความจำดีเลิศอ่านแค่ครั้งเดียวก็จำได้" ข้าวหอมอยากเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วเพราะถึงจะอ่านอย่างจริง ๆ จัง ๆ ก็คงต้องใช้เวลานานกว่าจะจำได้หมดทุกอย่าง

"ข้อสี่ ขอเวทย์มนวิเศษ สำหรับสร้างสิ่งของต่าง ๆ ทั้งของกินของใช้ที่เคยเห็นทั้งในโลกก่อนและในโลกใหม่ที่จะไปอยู่" ข้อนี้สำคัญมากข้าวหอมคิดว่าไหน ๆ จะขอแล้วก็ขอแบบสุด ๆ ไปเลย เพราะในโลกใบใหม่เป็นยุคโบราณบางครั้งมันอดไม่ได้ที่จะคิดถึงสิ่งของที่เคยกินเคยใช้ในภพก่อนบ้าง ส่วนภพใหม่นั้นยังไม่รู้ว่าเป็นแบบใดแต่ขอแบบรวม ๆ เอาไว้ก่อน

"เจ้าขอพรอย่างกับจะไปออกรบที่ไหน" ท่านเทพเอ่ย นางหนูคนนี้ช่างฉลาดยิ่งนัก ขอพรแต่ละข้อนี่มีประโยชน์กับนางมิใช่น้อย

"แค่เอาไว้ป้องกันตัว และอีกอย่างหนูอยากมีความรู้ ความสามารถเผื่อเอาไว้ช่วยเหลือผู้อื่น" เธออยากเป็นหมออยากรักษาคนเจ็บป่วย โลกใบใหม่ถ้าเป็นไปได้เธอก็อยากจะทำ

เทพปาเจียวคิดในใจว่านางหนูคนนี้เป็นคนมีจิตใจดีใช้ได้เลยทีเดียวถึงได้มีดวงจิตสีขาวบริสุทธิ์ "เช่นนั้นข้ามีของมอบให้เจ้าอีกหนึ่งอย่าง" ท่านเทพเอ่ยพร้อมแบมือของตน พลันปรากฏสร้อยเงินมีจี้คล้ายหยดน้ำสีฟ้าแวววาวสวยงาม

"มันคืออะไรหรือคะ" ข้าวหอมเอ่ยถามพลางสร้อยในมือของชายชรามันพบว่ามันสวยมาก

"ฮ่า ฮ่า ชอบใช่หรือไม่ มันคือมิติส่วนตัวของข้าเอง ข้ามอบมันให้เจ้ามันจะมีประโยชน์ต่อเจ้ายิ่งนัก" เทพปาเจียวเอ่ยบอก

มิติส่วนตัวหรือ!! ข้าวหอมที่ชอบอ่านนิยายแนวแฟนตาซีย้อนอดีต เลยพอจะรู้ว่ามันมีประโยชน์อย่างไรแล้วไม่ใช่ว่าใครก็จะมีมันง่ายๆ!! โอ้..สวรรค์ช่างเมตตาเธอเสียจริง ๆ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลินไป๋หลัน