# ศูนย์พักพิงบ้านหลันฮวายามชื่อ(9.00-10.59)
และแล้วฤกษ์งามยามดีก็มาถึง ผ้าคลุมป้ายสีแดงถูกเปิดออกโดยท่านเจ้าเมืองเหอจื่อหมิง ศูนย์พักพิงบ้านหลันฮวาได้เปิดขึ้นอย่างเป็นทางการ วันนี้มีผู้มาร่วมงานเป็นแขกแขกพิเศษอย่างท่านเจ้าเมือง พ่อค้าสามท่าน คุณชายซิ่นเฉิงและคุณชายเฟยเทียน ส่วนพี่หลงไม่ได้มาร่วมงานเพราะยังไม่มีใครรู้ว่าแท้จริงแล้วเขาคือผู้ใด
พี่หลงยังฝากของขวัญมาให้ผ่านทางหัวหน้าอี้นั่นคือซองแดงตั๋วเงินจำนวนหนึ่งแสนเหรียญทองเพื่อสมทบทุนเข้าศูนย์พักพิง นางยังอดสังสัยไม่ได้ว่าพี่หลงกับหัวหน้าอี้เกี่ยวข้องกันอย่างไร เพราะเมื่อคืนนางง่วงนอนจึงยังไม่ได้สอบถาม แต่เอาไว้ค่อยถามทีหลังแล้วกัน
วันนี้ผู้ใหญ่ตงได้แจกอาภรณ์ที่นางทำขึ้นให้ชาวบ้านได้สวมใส่กันช่างเป็นภาพที่สวยงามมากเลยทีเดียว เมื่อพิธีเสร็จสิ้นเรียบร้อยก็ช่วยกันจัดอาหารคาวหวานออกมาต้อนรับแขก
ชาวบ้านทุกคนวันนี้นางปล่อยให้พวกเขากินดื่มกันได้เต็มที่ เมื่อทุกคนเห็นอาหารและขนมที่แม่ครัวทำต่างหน้าตาตะลึงงันด้วยสีสันที่สวยงามและไม่เคยเห็นมันมาก่อนนางจึงเอ่ยแนะนำชื่อขนมต่างๆและบอกว่ามันทำมาจากไข่ พวกเขาต่างทำหน้าตาเหมือนไม่อยากจะเชื่อเท่าไรนัก เพราะไม่มีใครเคยนำไข่มาทำเป็นขนมเลยด้วยกลิ่นคาวของมัน
ท่านเจ้าเมือง กลุ่มพ่อค้า คุณชายเฟยเทียนและคุณชายซิ่นเฉิง ที่ได้ชิมรสชาติขนมต่างชื่นชอบเพราะกินกับน้ำชาที่มีรสชาติฝาดเฝื่อนแล้วมันช่างเข้ากันยิ่งนัก และบอกว่าอยากติดต่อสั่งทำขนมชนิดนี้เวลามีงานเลี้ยง
นางจึงปรึกษากับแม่ครัวทุกคนจึงลงความเห็นกันว่าจะรับทำขนมชนิดนี้ตามสั่ง ส่วนเงินที่ได้รับหักต้นทุนที่ใช้ทำเอาไว้ ส่วนกำไรก็แบ่งเท่า ๆ กันทุกคนรวมถึงแบ่งให้ส่วนกลางเพื่อเอาเงินเข้าศูนย์ด้วยเช่นกัน
เมื่อกินอาหารเสร็จเรียบร้อยกลุ่มพ่อค้าก็เข้าเยี่ยมชมสินค้าที่นางจัดแยกเอาไว้ด้านใน เมื่อทุกคนได้เห็นสินค้าแทบจะไม่เชื่อสายตามันมีรูปทรงแปลกประหลาดแต่ช่างสวยงามยิ่งนัก เพราะพวกเขาเดินทางขึ้นเหนือล่องใต้แต่ก็ยังไม่เคยเจอสินค้าที่มีลักษณะเช่นนี้มาก่อน
สิ่งที่นำมาจักสานกันนั้นมันช่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนที่ใดเลยจริง ๆ ช่างเป็นโชคดีของพวกเขาแท้ๆที่ท่านเจ้าเมืองติดต่อมา งานนี้คงขายดิบขายดีได้กำไรมิใช่น้อยเป็นแน่ เมื่อตกลงราคาเป็นที่น่าพอใจทั้งสองฝ่ายต่างรับเงิน รับสินค้ากันไปทางศูนย์พักพิงของนางก็ฟันกำไรมิใช่น้อยเช่นกัน
คุณชายเฟยเทียนและคุณชายซิ่นเฉิงได้บอกกล่าวว่าพวกเขาทั้งสองจะเดินทางกลับเมืองหลวงในวันพรุ่งนี้ นางจึงกล่าวอำลาและขอให้พวกเขาทั้งสองเดินทางโดยปลอดภัย
ส่วนคุณหนูเหอเพ่ยอิงนั้นอาการเจ็บปวดได้ทุเลาลงไป แต่แผลของนางไม่สามารถรักษาให้หายได้คงจะมีเพียงยาวิเศษหรือน้ำทิพย์สวรรค์เท่านั้นที่จะช่วยให้กลับมาหายเป็นปกติได้ นางคงไม่กล้าออกเรือนไปกับผู้ใดได้อีกแต่ยังโชคดีที่ใบหน้าของนางยังคงมีความงดงามเช่นเดิม
ยามฉวี(19.00-20.59) บ้านสกุลหลิน
เมื่อทั้งหมดเดินทางกลับมาถึงบ้านก็นั่งคุยปรึกษากัน เรื่องของศูนย์พักพิงนั้นก็ดำเนินการมาจนเสร็จสิ้นเป็นที่น่าพอใจ และชาวบ้านก็พอจะมีอาชีพที่มั่นคงได้ และตอนนี้ทั้งหมดกำลังนั่งปรึกษากันเกี่ยวกับการเดินทางไปงานคัดเลือกศิษย์ที่จะถึงในอีกสี่เดือนข้างหน้า
"เช่นนั้นเราเดินทางไปเมืองหลวงกันเลยดีหรือไม่ ตอนนี้ท่านพ่อก็มีร่างกายแข็งแรงดีเหมือนเดิมแล้ว" เฉินหยางเอ่ยขึ้นหลังจากที่ปรึกษากันเพราะสถานที่สอบคัดเลือกนั้นอยู่ใกล้เมืองหลวงไปทางทิศใต้
"พ่อก็ว่าดีเหมือนกันเพราะทางนี้ก็ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงแล้ว เจ้ามีความเห็นเช่นไรหรือหลันเอ๋อร์" เฉินหยวนเอ่ยถามบุตรสาว ศูนย์ของนางก็สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่รู้ว่านางยังมีอะไรต้องจัดการอีกหรือไม่
"ลูกไม่มีอะไรต้องห่วงทางนี้แล้ว เราเดินทางไปเมืองหลวงกันเลยก็ดีเจ้าค่ะ เมื่อเข้าที่เข้าทางแล้วลูกค่อยเดินทางไปงานคัดเลือกศิษย์" ไป๋หลันเอ่ย ยังดีที่งานคัดเลือกศิษย์จัดขึ้นในอีกสี่เดือนข้างหน้า ยังพอมีเวลาให้เดินทางและได้จัดการหาที่พักในเมืองหลวงให้เรียบร้อยเสียก่อน
"เช่นนั้นเจ้าต้องแจ้งทางศูนย์พักพิงให้พวกเขาทราบด้วย พวกเขาคงจะเสียใจไม่น้อยที่พวกเราจะต้องจากไป" อู๋เย๋าเอ่ย ชาวบ้านที่ศูนย์รักและเทิดทูนครอบครัวของพวกตนมาก ถ้าต้องจากลาคงจะเสียใจกันมากเป็นแน่
"ลูกก็รู้สึกใจหายเหมือนกันเจ้าค่ะท่านแม่" ไป๋หลันเอ่ยด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย นางรู้สึกใจหายขึ้นมาทันทีเมื่อพูดคำว่าต้องจากลา
"พวกเราก็รู้สึกเช่นเดียวกันกับเจ้า รอให้เราเข้าเมืองหลวงจัดการทางนั้นเรียบร้อยเราค่อยกลับมาเยี่ยมพวกเขาก็ได้" เฉินหยวนเอ่ยปลอบใจบุตรสาว อย่าว่าแต่นางเลยเขาเองก็รู้สึกไม่ต่างจากนางสักนิดเดียว
"เจ้าค่ะท่านพ่อ แล้วเราจะออกเดินทางกันเมื่อไรดีเจ้าคะ" ไป๋หลันเอ่ยถาม นางจะได้เตรียมตัวเตรียมใจและบอกกล่าวคนที่ศูนย์ได้ถูกต้องชัดเจน
"เอาเป็นอีกสิบวันเราจะออกเดินทางไปเมืองหลวงกัน เราจะได้มีเวลาเตรียมตัวกันด้วย" เฉินหยวนเอ่ย สิบวันคงจะพอมีเวลาเตรียมตัวต้องหาซื้อรถม้าสักคันเดินทางกัน ใช้เวลาเดินทางราว ๆ สิบห้าวันก็จะถึงเมืองหลวง
"ตกลงตามนั้นเจ้าค่ะ/ขอรับ"
ทั้งหมดเอ่ยขึ้นพร้อมกันด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย ในคราแรกพวกเขาก็ไม่รู้สึกผูกพันกับเมืองนี้สักเท่าไร แต่พอได้สร้างศูนย์พักพิงบ้านหลันฮวาแล้ว พวกเขารู้สึกผูกพันเป็นอย่างมากจึงเศร้าใจเมื่อต้องจากลากัน
"เสี่ยวหลันข้าวของเครื่องใช้พวกนี้ช่างแปลกตายิ่งนักเจ้าไปหาซื้อจากที่ใดกันหรือ?" หนานเหวินหลงที่สงสัยมานานจึงเอ่ยถามขึ้น
"คืออย่างนี้เจ้าค่ะ..." ไป๋หลันเอ่ยเล่าเรื่องเกี่ยวกับโลกในฝันแล้วเรื่องท่านปู่ให้ฟังบางส่วนเท่านั้นนางยังไม่ได้เล่ารายละเอียดต่างๆแค่บอกว่าหยิบข้าวของมาได้เท่านั้น
หนานเหวินหลงที่ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกประหลาดใจอยู่ไม่น้อยแต่นางก็หยิบนั่นนี่ออกมาให้ดูแถมยังมีแต่หน้าตาประหลาดที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน พลางคิดว่า
'เสี่ยวหลันของเขาช่างไม่เหมือนใครจริง ๆ'
เขาอยู่คุยกับนางอยู่เกือบสองชั่วยามจึงร่ำลาเดินทางกลับเมืองหลวง ได้สั่งให้ตงชุนคอยอยู่ดูแลความปลอดภัยและคอยรายงานเขาเมื่อนางเดินทางถึงเมืองหลวง
เช้าวันที่เก้าก่อนเดินทางไปเมืองหลวง ไป๋หลันและครอบครัวได้เดินทางมายังศูนย์เพื่อร่ำลาชาวบ้าน นางถามพี่หลงเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของหัวหน้าอี้ เขาจึงเล่าทุกอย่างให้ฟัง
เมื่อได้ฟังก็ตกใจอยู่ไม่น้อยนางจึงมากล่าวขอโทษที่ล่วงเกินพวกท่านทั้งสองไป พวกท่านทั้งสองบอกว่าไม่เป็นไรนางไม่ได้ล่วงเกินอะไรพวกเขาสักนิดและยังบอกว่าจะอยู่ที่ศูนย์แห่งนี้ต่ออีกสักระยะท่านบอกว่าไม่ต้องห่วงพวกเขาจะคอยดูแลชาวบ้านให้เอง
ในช่วงหลายวันที่ผ่านมานางได้สอนชาวบ้านกลุ่มจักสานทำลวดลายใหม่ๆและได้จดใส่กระดาษเอาไว้เผื่อชาวบ้านจะลืมอีกทาง
นางมอบยารักษาโรคพื้นฐานอย่างเช่น แก้ไข้หวัด ไอ ปวดท้องฯ ให้ผู้ใหญ่ตงและเขียนรายละเอียดเกี่ยวกับการใช้ยาเอาไว้เรียบร้อยทั้งหมดแล้ว
ไป๋หลันให้ผู้ใหญ่ตงจัดหาอาจารย์มาสอนหนังสือชาวบ้านและเด็ก ๆ เพราะจะได้มีความรู้อ่านออกเขียนได้ เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อยก็ถึงเวลาร่ำลากัน
ชาวบ้านทุกคนต่างเสียใจจนร้องไห้ออกมาโดยเฉพาะลู่คงที่เข้ามากอดนางเอาไว้แน่นพร้อมกับร้องไห้เสียงดัง นางและครอบครัวก็ไม่ต่างกันการจากลาเป็นสิ่งที่นางไม่ชอบเลยจริง ๆ แต่ชีวิตต้องดำเนินต่อไปข้างหน้าถ้าคิดถึงก็ยังสามารถกลับมาหาพวกเขาได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลินไป๋หลัน
1...