หลินไป๋หลัน นิยาย บท 44

ปลายยามจื่อแล้วพวกนางนั่งพูดคุยกันจนกระทั่งมีมี่ที่ทนไม่ไหวเพราะจัดหนักลองดื่มสุราของยุคนี้อยากลิ้มของแปลกจนคอพับคออ่อนสลบไสลไม่ได้สติ นางจึงพยุงสหายขึ้นไปนอนบนเตียงแล้วจัดการห่มผ้าให้เรียบร้อย

"ก๊อก ๆ ๆ" เสียงเคาะหน้าต่างดังสามครั้งเบา ๆ ไม่บอกก็รู้ว่าเป็นใคร เพราะเป็นโค้ดลับที่รู้กันสองคนนางจึงเดินไปเปิดทันที

"พี่หลงทำไมถึงได้มาดึกดื่นเช่นนี้เจ้าคะ" ไป๋หลันเอ่ยถามด้วยความสงสัย

หนานเหวินหลงที่กระโดดเข้ามาภายในห้องเมื่อมองคนตัวเล็กก็นิ่งงันอย่างตกตะลึง!!

ไป๋หลันเห็นเขานิ่งเงียบมองจ้องตาไม่กระพริบพลันนึกขึ้นได้ว่าตนเองใส่ชุดนอนวาบหวิวมาปาร์ตี้กับสหายเมื่อได้ยินเสียงเคาะหน้าต่างก็รีบมาเปิดให้จึงลืมหยิบผ้ามาคลุมให้มิดชิด

ถามว่าอายไหมตอบเลยว่าไม่!!

"อุ๊ย...ขอโทษเจ้าค่ะ" ไป๋หลันรีบยกมือปิดหน้าอกแล้วหันหลังเสกผ้าคลุมไหล่ออกมาคลุมตัวเอาไว้

        หนานเหวินหลงได้สติกลับมาก็กระแอมกระไอด้วยความเก้อเขินนางช่างไม่ระมัดระวังเลย แต่งตัวเช่นนี้ได้อย่างไรโป้เปลือยจนมองเห็นเลือนร่างไปหมดทุกสัดส่วนเช่นนี้ ปากก็เอ่ยบ่นคนร่างเล็กแต่ในหัวก็พลันแต่นึกถึงภาพที่เห็นเมื่อครู่

"ข้าหาดูจวนเอาไว้ให้ห้าแห่งเจ้าลองไปเลือกดูเอาเถิด" หนานเหวินหลงเอ่ย พร้อมกับส่งแผนที่ของจวนทั้งหมดไปให้คนตัวเล็กตรงหน้า

"ลำบากท่านแล้ว" ไป๋หลันเอ่ยพร้อมกับยื่นมือไปรับของจากมือใหญ่นางรู้สึกขอบคุณเขาเหลือเกินขนาดดึกดื่นป่านนี้ยังอุตส่าห์นำแผนที่จวนมาให้นางอีก

เขาน่ารักเกินไปแล้ว!

"พี่หลงเข้ามานั่งดื่มน้ำชาก่อนสิเจ้าค่ะไม่ต้องห่วงสหายของข้านางคงจะสลบยันเช้า" ไป๋หลันเอ่ยชักชวนชายหนุ่ม พร้อมกับเดินนำมายังโต๊ะมุมห้อง

"ข้ามาตั้งนานแล้วแต่รออยู่ด้านนอกได้ยินพวกเจ้าคุยกันแต่ฟังไม่รู้เรื่องว่าเจ้าพูดภาษาอะไรกัน" หนานเหวินหลงสงสัยจึงเอ่ยถาม เพราะเขามารออยู่ตั้งนานแต่ไม่อยากรบกวนพวกนาง เขาเองก็กำลังจะกลับอยู่เหมือนกันแค่ได้มาเห็นกับตาว่านางปลอดภัยและสบายดีเขาก็หายห่วง แต่ดูเหมือนว่าสหายของนางจะเมาจนหลับไปเขาจึงลองเคาะเรียกดู

"นางคือสหายคนสนิทของข้าที่พบเจอกันที่โลกในฝันและท่านปู่เทพก็ส่งนางมาเป็นสหายของข้า เราเลยพูดคุยกันเป็นภาษาของโลกในฝันเจ้าค่ะ" ไป๋หลันเอ่ยโกหกเล็กน้อยเพื่อไม่ให้เป็นที่สงสัย ดีนะที่เขาฟังไม่รู้เรื่องไม่เช่นนั้นคงคิดว่าพวกนางเป็นผีสางที่มาเข้าสิงคนเป็นแน่

"เช่นนั้นหรือ? เจ้าช่างทำให้ข้าประหลาดใจยิ่งนัก" 

"เจ้าค่ะ" ไป๋หลันเอ่ยตอบเพียงสั้น ๆ พลางคิด 'ยังมีเรื่องให้น่าประหลาดยิ่งกว่านี้อีกเจ้าค่ะ'

"ดึกแล้วเจ้าพักผ่อนเถิด" หนานเหวินหลงเอ่ยพร้อมกับลุกขึ้นเดินมายังหน้าต่าง

"ขอบคุณท่านมากนะเจ้าคะ" ไป๋หลันเอ่ยขอบคุณเขาอีกครั้งที่คอยช่วยเหลือนางมาตลอดและยังส่งคนคอยตามคุ้มครองอีกด้วยจากนั้นนางตัดสินใจทำบางอย่าง

"จุ๊บ…รางวัลเจ้าค่ะ" ไป๋หลันประกบปากจุมพิตคนตัวสูงแล้วรีบผละออกมา

จะว่านางไวไฟก็ได้นางไม่เถียงเพราะมันคือเรื่องจริง!!

หนานเหวินหลงที่โดนเสี่ยวหลันของตนจุมพิตก็ยกยิ้มอย่างพอใจแล้วดีดตัวออกไปทันทีด้วยความลิงโลด

'นางจะน่ารักเกินไปแล้ว'

เช้าวันรุ่งขึ้นเมื่อทุกคนกินอาหารเรียบร้อยก็ขึ้นรถม้าออกเดินทางไปหาซื้อจวนกัน ไป๋หลันเป็นคนให้บิดาคอยบังคับม้าไปตามเส้นทางที่นางบอก คราแรกท่านก็สงสัย นางจึงโป้ปดคำโตไปว่าสอบถามจากแม่ค้าที่ตลาดมาบ้างเมื่อคืนนี้

'นี่นางกลายเป็นเด็กเลี้ยงแกะไปแล้วหรือ?'

นางและครอบครัวเดินทางไปยังจวนที่พี่หลงของนางเขียนแผนที่มาให้มีทั้งหมดห้าหลังด้วยกัน เมื่อดูจนครบทุกหลังแล้วจึงตัดสินใจกันว่าจะเลือกจวนหลังหนึ่งที่อยู่ห่างจากตลาดประมาณห้าลี้ จวนหลังนี้มีขนาดใหญ่เนื้อที่กว้างขวาง มีสวนดอกไม้ สระบัวและเก๋งนั่งเล่นใกล้ ๆ

"ขอบใจเจ้ามากมี่เอ๋อร์" เฉินหยางเอ่ยพร้อมกับส่งยิ้มละมุนไปให้น้องสาวบุญธรรม ตั้งแต่ที่นางเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวในคราแรกเขาเองก็รูสึกเกร็ง ๆ บอกไม่ถูกอาจเป็นเพราะว่านางเป็นหญิงเลยไม่กล้าที่จะสนิทสนมมากนัก แต่พออยู่นาน ๆ เข้าด้วยนางเป็นคนช่างพูดช่างคุยมีความน่ารักสดใสเหมือนกับน้องสาวของเขาจึงพูดคุยสนิทสนมกันมากขึ้นอย่างรวดเร็ว

"ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ" มีมี่ยิ้มหวานพลางส่ายหัวเล็กน้อยพี่ชายบุญธรรมของนางเริ่มจะเมาแล้ว ยิ้มซะใจละลายเลย มีมี่คิดในใจพลางหันหน้าไปยักคิ้วลิ่วตากับสหายที่ส่งสายตาฟาดฟันมาให้

ทั้งหมดกินอาหารและพูดคุยวางแผนการใช้ชีวิตในเมืองหลวง ในคราแรกพวกเราคิดจะเปิดโรงเตี๊ยมและเหลาอาหาร แต่ติดที่ต้องใช้เวลาก่อสร้างและใช้คนจำนวนมากกว่าจะสำเร็จลุล่วงจึงพับโครงการนี้ไป

ไป๋หลันจึงเสนอให้เปิดร้านคาเฟ่ หรือร้านน้ำชาขึ้นมาเพราะเป็นกิจการที่น่าสนใจใช้เวลาตกแต่งไม่นานและใช้คนงานไม่มากมีมี่ก็เห็นด้วยกับโครงการนี้จึงเอ่ยสนับสนุนเต็มที่

ไป๋หลันอธิบายรายละเอียดให้ทุกคนฟังและทุกคนก็เห็นด้วยจึงตกลงจะเปิดร้านน้ำชากัน เมื่อพูดคุยกันเสร็จเรียบร้อยก็ล่วงเลยเวลามามากโข บิดาและมารดาจึงขอแยกไปพักผ่อนก่อนเพราะรู้สึกมึน ๆ ตึง ๆ นิดหน่อย ส่วนตัวนาง มีมี่และพี่ชายอยู่พูดคุยกันต่อเพราะติดลมพูดคุยกันเรื่องร้านคาเฟ่ ส่วนมากจะเป็นนางและสหายที่พูดคุยกันเสียมากกว่าเพราะพวกนางเคมีเดียวกัน

"พี่ใหญ่พรุ่งนี้ข้าและมีมี่จะออกไปหาทำเลเช่าร้านทำโรงน้ำชากัน" ไป๋หลันเอ่ยบอกพี่ชายที่นั่งหน้าแดงตาปรือจนแทบจะปิด

"พี่จาปาย...เป็นเพื่อน..." เฉินหยางพูดเสียงยานคงเป็นเพราะเขาไม่เคยได้ดื่มเหล้าเลยรู้สึกเมาง่ายไปนิดหน่อย

"ฮ่า ๆ ๆ พี่หยางท่านพูดจาตลกยิ่งนัก" มีมี่เอ่ยพร้อมหัวเราะออกมาเสียงดังเพราะขำที่พี่ชายบุญธรรมพูดจาเช่นนี้ ปกติจะทำเสียงเข้มๆ เสียมากกว่า

"มี่เออร์~...เจ้า~...หัวเราะพี่...หรือ..." 

"ข้าว่าพาพี่ใหญ่ไปนอนกันเถอะขืนดื่มต่อมีหวังล้มพับตรงนี้แน่" ไป๋หลันเอ่ยบอกสหาย

"พี่หยางท่านลุกขึ้นไหวหรือไม่ข้ากับหลันหลันจะพาท่านไปส่งที่ห้อง" มีมี่เอ่ยถามพี่ชายบุญธรรมและช่วยกันพยุงแขนของเขาให้ยืนขึ้น

เฉินหยางได้ยินเสียงบอกให้ลุกยืนจึงทำตามทันทีเขารีบลุกขึ้น แต่ทำไมมันถึงยืนไม่ตรงแถมพื้นดินยังสูง ๆ ต่ำ ๆไม่เท่ากัน ทำให้เซล้มลงไปทับคนด้านข้างจนทำให้ปากของเขาชนเข้ากับปากของนางพอดี เขาที่ยังพอมีสติอยู่แต่ก็ไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลินไป๋หลัน