หลินไป๋หลัน นิยาย บท 52

"ดี ๆ เช่นนั้นเรามาลุยไปด้วยกัน เย้..." มีมี่เอ่ยพร้อมกับชูมือขึ้นร้องตะโกนอย่างตื่นเต้นดีใจ

"ฮ่า ๆ ๆ ทำเป็นเด็กไปได้อายุปาไปเท่าไรแล้วนังกระเทย" ไป๋หลันเอ่ยปรามสหายที่เห็นท่าทางสะดีดสะดิ้งนั่นแล้วเอ่ยต่อ "แล้วแกฝึกพลังปราณบ้างหรือเปล่า หมั่นฝึกฝนบ่อย ๆ โอสถทะลวงฟ้าที่ให้ไปมันสามารถยกระดับขั้นได้ดีนักแล" ไป๋หลันเอ่ยถามสหาย

"เมื่อคืนก็ใช้โอสถแล้วนั่งดูดซับพลังปราณอยู่ชั่วครู่แต่ก็ยังไม่ได้เลื่อนระดับเลยเดี๋ยวคืนนี้ค่อยว่ากันใหม่"

"เออ...ดีแล้วขยันทำบ่อย ๆ อย่ามัวแต่อ่อยผู้ชาย..." ไป๋หลันเอ่ยแซวสหายอย่างรู้ทัน

"ย่ะ..." มีมี่เอ่ยตอบ

ทั้งสองเดินคุยกันไปเรื่อยเปื่อยจนถึงร้านคาเฟที่นายช่างไม้และคนงานกำลังปรับปรุงร้านกันอยู่ ที่ต้องมาดูนั้นเพราะว่าเผื่อนายช่างสงสัยหรือมีปัญหาจะได้อธิบายให้เข้าใจเพราะร้านของนางค่อยข้างแปลกตาต่างจากร้านอื่น ส่วนชั้นสองที่ทำเป็นห้องส่วนตัวนั้นนางยกหน้าที่ให้มีมี่เป็นคนคิดและออกแบบเองทั้งหมด เพราะนางมีหัวด้านออกแบบตกแต่งและเก่งด้านศิลปะจึงไว้ใจนางได้หายห่วง

ยามอู่ (11.00-12.59)ไป๋หลันและมีมี่เดินออกไปหาร้านอาหารนั่งกินข้าวกัน วันนี้พวกนางเปลี่ยนร้านไม่ได้ไปที่โรงเตี๊ยมเดิม เพราะในเมืองหลวงมีเหลาอาหารมากมายที่ขึ้นชื่อเรื่องความอร่อย นางและสหายจึงตัดสินใจที่จะตระเวนชิมกันไปเรื่อย ๆ จนกว่าร้านคาเฟ่ของพวกนางจะเสร็จเรียบร้อย

ทั้งสองเดินมาหยุดที่หน้าโรงเตี๊ยมขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ด้านล่างเปิดเป็นเหลาอาหารที่มีผู้คนมากินกันอย่างเนืองแน่นแสดงว่ารสชาติอาหารนั้นคงจะอร่อยถูกปากชาวบ้านอย่างแน่นอน หลงจู้ของร้านที่เห็นพวกนางก็รีบเดินมาต้อนรับทันที

"คุณหนูทั้งสองเชิญด้านในเลยขอรับมีโต๊ะว่างอยู่พอดี" หลงจู๊ของร้านเอ่ยพร้อมกับเดินนำหน้าไปยังโต๊ะที่ว่างแต่ระหว่างเดินมานั้นนางเห็นทหารกลุ่มหนึ่งที่กำลังนั่งกันอยู่เต็มโต๊ะและเหมือนว่าพวกเขากำลังมองมาทางพวกนางเสียด้วย

ไป๋หลันและสหายเดินมานั่งยังโต๊ะที่หลงจู๊จัดเตรียมให้และมีเสี่ยวเอ้อร์มารอรับรายการอาหารพวกนางสั่งอาหารขึ้นชื่อของร้านมาสี่อย่างขนมสองอย่างและน้ำชาอย่างดีอีกหนึ่งกา

"ไป๋หลันนั่นเจ้าจริง ๆ ด้วยข้าดีใจยิ่งนักที่ได้เจอเจ้าที่นี่" ซิ่นเฉิงเอ่ยขึ้น เขาลอบมองนางอยู่ก่อนแล้วเมื่อแน่ใจว่าไม่ผิดตัวแน่จึงรีบลุกขึ้นจากโต๊ะแล้วเดินมาทักทายด้วยความดีใจ

"พี่เฉิง!!...ข้าเกือบจำท่านไม่ได้ ท่านเล่นแต่งตัวเสียเต็มยศเช่นนี้ เชิญนั่งก่อนสิเจ้าคะ" ไป๋หลันเอ่ยชวนสหายต่างวัยของตนด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

"อ้อ...ข้าเกือบลืมแนะนำนี่คือพี่สาวบุญธรรมข้าชื่อมี่ฮวาเจ้าค่ะ มีมี่ นี่พี่ซิ่นเฉิงบุตรชายท่านเจ้าเมืองหนานเหอ" ไป๋หลันเอ่ย พร้อมกับแนะนำทั้งสองคนให้รู้จักกันเมื่อเห็นว่าซิ่นเฉิงนั่งลงเรียบร้อยแล้ว

"ยินดีที่ได้รู้จักเจ้าค่ะท่านซิ่นเฉิงเรียกข้าว่ามีมี่ก็ได้เจ้าค่ะ" มีมี่เอ่ยพร้อมกับค้อมศีรษะเล็กน้อย

"ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันเรียกข้าว่าพี่เฉิงเหมือนกับไป๋หลันเถิด" ซิ่นเฉิงเอ่ย เพราะนางน่าจะมีอายุไล่เลี่ยกันกับไป๋หลันสหายตัวน้อยของตน

"เจ้าค่ะพี่เฉิง" มีมี่เอ่ยพร้อมรอยยิ้มสดใส พลางนึกในใจว่าสหายตัวแสบรู้จักผู้ชายหล่อเหลาและน่าเกรงขามเช่นนี้ด้วยหรือและน่าจะสนิทกันน่าดู

"พี่เฉิงนั่งกินอาหารกับพวกข้าเถิด ข้าจะเลี้ยงท่านเองเนื่องในโอกาสที่ได้พบหน้ากันอีกครั้ง แล้วพี่เทียนล่ะเจ้าคะไม่ได้ทำงานที่เดียวกับท่านหรือ" ไป๋หลันเอ่ยชักชวนและเอ่ยถามถึงสหายอีกคนที่นางรู้จักและคุ้นเคย

ซิ่นเฉิงที่ได้ยินชื่อสหายต่างชนชั้นของตนก็สำลักอากาศเล็กน้อย เขาลืมไปเลยว่าไป๋หลันยังไม่ได้รับรู้ถึงสถานะที่แท้จริงขององค์ไท่จื่อหนานเฟยเทียน

มีมี่ยังไม่ทันได้ตอบรับก็ปรากฏร่างเงาของบุรุษรูปร่างกำยำปิดบังใบหน้าประมาณสิบคนล้อมนางและมีมี่เอาไว้ ไม่พูดพร่ำทำเพลงพวกมันรุมกันเข้าใส่เป้าหมายทันที

พวกมันใช้มีดดาบยาวพุ่งเข้าใส่ไป๋หลันจับมือสหายไว้แน่น ด้วยนาทีที่เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเช่นนี้ตงชุนจึงปรากฏกายขวางหน้าผู้เป็นนายรับมือกับพวกคนร้ายที่พุ่งเข้ามาทันที

แต่ถึงกระนั้นด้วยจำนวนของคนร้ายที่มากกว่าย่อมเกินมือของตงชุน ไป๋หลันซัดลูกไฟใส่พวกมันก่อนที่พวกมันจะเข้าประชิดตัวของนาง แต่มันกลับหลบได้ทันและซัดลูกไฟกลับมาทางนางและสหายทันที นางผลักมีมี่ไปอีกทางเพื่อให้พ้นรัศมีของลูกไฟส่วนตนเองก็หลบได้อย่างหวุดหวิด

ด้านตงชุนหลังจากที่ชายชุดดำปรากฏตัวขึ้นตนก็ได้เข้ารับมือต่อสู้กับพวกคนร้ายหลายจำนวนเพื่อปกป้องนายหญิงพวกมันมีฝีมือร้ายกาจยิ่งนักจึงต้องใช้เวลาในการกำจัดมากขึ้น

เสียงต่อสู้ดังสนั่นหวั่นไหว มีมี่ที่มีพลังปราณยังไม่แข็งแกร่งจึงทำได้แค่หลบหลีกและซัดลูกไฟใส่คนร้ายเพื่อสกัดกั้นไม่ให้พวกมันเข้าประชิดตัวของนางได้

แต่ด้วยพวกมันมีจำนวนมากเข้ามารุมนางถึงสามคนทำให้ไม่สามารถรับมือพวกมันได้ หนึ่งในนั้นชักมีดสั้นออกมาหวังปาเข้าใส่ มีมี่ที่เห็นดังนั้นจึงพลิกกายหลบแต่ไม่พ้นมีดสั้นเฉียดเข้าที่ต้นแขนเลือดไหลซึมออกมาเปรอะเปื้อนอาภรณ์ที่สวมใส่

คนร้ายอีกคนเมื่อสบโอกาสจึงชักมีดสั้นซัดเข้าใส่หญิงสาวอีกครั้งหวังปลิดชีพ มีมี่เห็นเช่นนั้นก็เตรียมใจรับความเจ็บปวดจึงหลับตาแน่นเพราะหลีกอย่างไรก็คงไม่พ้นเป็นแน่ พวกมันเป็นนักฆ่ามืออาชีพโดยแท้จริงตัวนางเคยดูแต่ในละครแอคชั่นเพียงเท่านั้นมีหรือจะเทียบชั้นกันได้

เคร้ง!! เสียงโลหะกระทบกันดังขึ้นมีมี่ลืมตาขึ้นมาก็พบว่าเป็นพี่เฉิงที่เข้ามาช่วยเอาไว้ได้ทันพลันหายใจด้วยความโล่งอกที่ตนยังไม่ตายอีกรอบ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลินไป๋หลัน