หลินไป๋หลัน นิยาย บท 81

"หยุดได้แล้วลี่อิน พวกศิษย์น้องบาดเจ็บแล้วเจ้าไม่เห็นหรือ?" อินฉินเอ่ยตำหนิสหายร่วมรุ่นที่กระทำรุนแรงเกินไปจนศิษย์น้องได้รับบาดเจ็บ

ลี่อินที่ถูกขัดจังหวะก็รู้สึกขัดใจเล็กน้อยแต่เอาเถอะวันนี้ถือว่านางพอใจในผลงานแล้วซะใจเสียจริง ๆ

"พวกเจ้าเป็นอย่างไรกันบ้าง ข้าเผลอตัวทำรุนแรงไปบ้างเจ้าอย่าโกรธข้าเลยนะ" ลี่อินแสร้งทำสีหน้าสำนึกผิดเอ่ยขอโทษศิษย์น้องของตน

"พวกข้าเจ็บเล็กน้อย ไม่เป็นอะไรมากเจ้าค่ะ" ไป๋หลันเอ่ย แผลที่มีตามตัวนั้นมันไม่ลึกแค่เฉียด ๆ ผิวเท่านั้น ศิษย์พี่ลี่อินนางออมมือเอาไว้ไม่เช่นนั้นคงได้แผลลึกกว่านี้แน่นอน

"ไม่เจ็บที่ไหนกันเล่า โอ๊ย...ข้าเจ็บจะแย่อยู่แล้ว" มีมี่สวนขึ้นทันควันที่ได้ยินสหายเอ่ยออกไป ทั้งแขนทั้งขามีเลือดไหลซึมออกมา เสื้อผ้าขาดวิ่นไปหมดสภาพดูไม่ได้ขนาดนี้มันน่าเจ็บใจยิ่งนัก

อินฉินหยิบยาห้ามเลือดออกจากอกเสื้อของตน แล้วโรยลงบนบาดแผลที่ถูกกระบี่เฉือนจนอาภรณ์ขาดวิ่นและมีเลือดไหลซึมของทั้งสองคน หลังจากใส่ยาห้ามเลือดเสร็จแล้วอินฉินก็สั่งให้ศิษย์น้องทั้งสองกลับไปรออยู่ที่บ้านพักส่วนเขาจะไปเบิกยาทาแผลจากท่านอาจารย์เพราะยาของท่านอาจารย์จะได้ผลดีกว่าของตนที่เป็นเพียงศิษย์ผิวกายของสตรีนั้นสำคัญจะให้ทิ้งร่องรอยเอาไว้ไม่ได้ ไป๋หลันรีบเอ่ยห้ามนางอ้างว่าท่านอาจารย์หม่าได้มอบยามาให้แล้วตั้งแต่รู้ว่าจะมาฝึกซ้อมกระบี่

ไป๋หลันและมีมี่เดินกลับที่พักระหว่างเดินทางกลับก็พบกับอาจารย์หม่าชิงหลุนเข้าโดยบังเอิญหรือว่าท่านอาจจงใจมาดักรอพวกนางก็เป็นได้

"พวกเจ้าไปฟัดกับผู้ใดมาหรือถึงได้มีสภาพเป็นเช่นนี้" หม่าชิงหลุนเอ่ยถามศิษย์รักทั้งสองคนที่สภาพย่ำแย่ดูไม่จืดเช่นนี้

"ก็ศิษย์ของสำนักอย่างไรเล่าเจ้าคะ ว่าแต่ศิษย์อยากพบอาจารย์อยู่พอดีเลยเจ้าค่ะ" ไป๋หลันเอ่ย

"ข้าก็เช่นกัน ได้ข่าวลือไม่สู้ดีเกี่ยวกับพวกเจ้า คงมีคนริษยาจึงปล่อยข่าวเช่นนี้ เพื่อเป็นการกอบกู้ชื่อเสียงของพวกเจ้า อีกสามเดือนจะมีการแข่งประลองของสำนักเซียนแล้วต้องชนะเท่านั้นเข้าใจหรือไม่" หม่าชิงหลุนเอ่ยอย่างรวดเร็วและรวบรัด

ข่าวลือที่ว่านั้นเป็นการดูถูกศิษย์ของตนอย่างมากกล่าวหาว่าพวกนางไร้ฝีมือบ้าง เกียจคร้านบ้าง ลามมาถึงตัวเขาเองหาว่าถูกพวกนางล่อลวงด้วยความงาม เขาจึงต้องบังคับให้พวกนางลงแข่ง ทั้งที่จริงแล้วจะเป็นศิษย์รุ่นพี่ที่จะลงแข่งได้

"แข่งประลองอะไรหรือเจ้าคะ หลอมโอสถหรือว่าด้านวรยุทธ" มีมี่เอ่ยถามอย่างสงสัย

"ทั้งสองอย่างและต้องชนะเท่านั้นเพื่อลบคำดูหมิ่นพวกนั้น" เจ้าสำนักหม่าเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง

"ห๊า..." ทั้งสองเอ่ยพร้อมกัน ถ้าเป็นหลอมโอสถพวกนางไม่กังวลเลยสักนิด แต่การประลองยุทธต้องคิดหนักหน่อย ถึงพวกนางจะมีพลังปราณที่แข็งแกร่งแต่เรื่องการต่อสู้ยังอ่อนด้อยยิ่งนัก ไม่อย่างนั้นคงไม่มีสภาพเป็นเช่นนี้หรอกจริงหรือไม่...

"อาจารย์เชื่อมั่นในตัวของศิษย์พยายามเข้าล่ะฮ่า ๆ ๆ…"

"อ้อ...ท่านอาจารย์แล้วเรื่องเย่วซินที่ศิษย์ขอให้ท่านรับนางเป็นศิษย์อีกคนล่ะเจ้าคะ ตอนนี้นางหายดีแล้วและมีพลังปราณสามารถฝึกยุทธได้แล้ว ท่านอาจารย์ห้ามกลับคำกลืนน้ำลายตัวเองเด็ดขาดเลยนะเจ้าคะ" ไป๋หลันเอ่ยยืดยาวทวงสัญญาที่อาจารย์หม่าให้ไว้

เสียงซุบซิบนินทาก็แว่วมาให้ได้ยินบ้างแต่ทั้งสามหาได้สนใจเพราะไม่ได้ขอข้าวใครกิน ยิ่งอาจารย์หม่ารับศิษย์สายตรงเพิ่มอีกหนึ่งคนโดยอ้างเหตุผลหลอกลวงเล็กน้อยเพื่อไม่ให้เสื่อมเสียเกียรติของท่านไปมากกว่านี้ ก็ยิ่งสร้างความริษยามุ่งมายังทั้งสามอย่างไม่ปิดบัง

ศิษย์ของสำนักเซียนต่างจดจำเย่วซินไม่ได้ว่าเป็นสตรีที่เคยอยู่ที่โรงครัว และไม่ต้องเอ่ยถึงนามของนางเพราะศิษย์ของสำนักไม่เคยได้พูดคุยกับเย่วซินเลยสักคนเดียวจึงไม่มีผู้ใดสงสัย พวกเขาเข้าใจว่าเย่วซินคือบุตรขุนนางในตระกูลชั้นสูงเพียงเท่านั้น

หลังจากประชุมเสร็จทั้งสามคนก็มาฝึกซ้อมเพลงกระบี่กันโดยมีศิษย์พี่อินฉินคอยดูแล เย่วซินที่มาแอบดูอยู่ทุกวันจนจดจำขึ้นใจจึงเรียนรู้ได้รวดเร็วจนศิษย์พี่เอ่ยคำชมไม่หยุดปาก ไป๋หลันและมีมี่ก็คล่องแคล่วเสียจนศิษย์พี่อินฉินแปลกใจและเอ่ยชมไม่หยุดปากเช่นเดียวกัน

  หลังฝึกซ้อมเสร็จช่วงเย็นทั้งสามก็เข้าบ้านพักและกินอาหารเย็นกัน ไป๋หลันเสกอาหารออกมาวางบนโต๊ะหลายอย่างขณะที่เย่วซินกำลังอาบน้ำ เมื่อเย่วซินออกมาเห็นอาหารวางอยู่เต็มโต๊ะน่าตาน่ากินก็แปลกใจจึงอดถามไม่ได้ ไป๋หลันเพียงบอกกับเย่วซินว่า'ความลับ' แล้วทำหน้าเจ้าเล่ห์ใส่เพียงเท่านั้น

เย่วซินเองก็คร้านจะใส่ใจต่อนางมั่นใจว่าสหายคนนี้เก่งไปเสียทุกอย่างและนางน่าจะมีความลับเยอะอีกด้วย เย่วซินจึงไม่คิดจะไถ่ถามต่อรอให้สหายพร้อมเล่าเองจะดีกว่านางจะรอฟังอย่างสงบ

หลังกินอาหารเสร็จเรียบร้อยไป๋หลันนำตำราสมุนไพรต่าง ๆ มอบให้เย่วซินศึกษา โดยบอกว่าถึงแม้จะไม่สามารถหลอมโอสถได้แต่ก็สามารถเป็นหมอที่คัดกรองตรวจโรคได้ เย่วซินนางมีสามธาตุ คือไฟ น้ำ ลม

สองเดือนผ่านมาทั้งสามคนฝึกซ้อมกระบี่กันอย่างต่อเนื่อง ความสนิทสนมกลมเกลียวแน่นแฟ้นมากขึ้นกว่าเดิม เรียกได้ว่าเย่วซินตอนนี้กลายเป็นสหายเต็มตัวที่มีการพัฒนาด้านภาษาบ้านเกิดของพวกนางได้อย่างดีเยี่ยมเลยทีเดียว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลินไป๋หลัน