ไป๋หลันเดินขึ้นไปบนเวทีเพื่อส่งมอบโอสถให้เหล่าอาจารย์ นางยื่นขวดยาส่งให้อาจารย์ลำดับที่ห้าที่นั่งอยู่ริมสุด ท่านเปิดขวดยาออกมาตรวจดู
"โอสถทะลวงฟ้าระดับ...เทพ..ความบริสุทธิ์ระดับ...สะ...สิบ ..." เสียงอาจารย์ดังตะกุกตะกัก พร้อมเบิกตากว้างอย่างไม่น่าเชื่อในสิ่งที่ตนเองเอ่ย
อาจารย์ท่านอื่นรีบหยิบขวดยาไปตรวจสอบทันทีเมื่อพบว่าเป็นดังที่กล่าวมาถึงกับทรุดตัวลงกับเก้าอี้ ยกเว้นอาจารย์หม่าที่รู้อยู่แล้วและระดับเทพที่นางพัฒนาขึ้นมาด้วย ผิดจากเมื่อสามเดือนก่อนที่นางยังอยู่ในระดับสูงอยู่เลย ลูกศิษย์รักของตนไม่ทำให้ผิดหวังจริง ๆ หม่าชิงหลุนยิ้มมุมปากพลางยืดอกขึ้นอย่างภาคภูมิใจ
มีมี่ปรุงโอสถเสร็จเป็นคนที่สอง และเมื่อเก็บใส่ขวดก็นำไปมอบให้อาจารย์ตรวจสอบเช่นกัน "โอสถชำระไขกระดูกระดับเทพ ความบริสุทธิ์ระดับแปด..." เสียงฮือฮาดังขึ้นอีกรอบเมื่ออาจารย์เอ่ยจบ
นี่ก็เกือบจะเทียบเท่ากับท่านอาจารย์หม่าหมอเทวดาเลยเชียวนะขนาดพวกนางเพิ่งเข้ามาเรียนที่สำนักได้เพียงสามเดือนเท่านั้น พวกตนได้ประจักษ์แล้วว่าศิษย์ของท่านอาจารย์หม่าไม่ธรรมดาจริง ๆ
จริง ๆ มีมี่ไม่เคยปรุงโอสถที่มีความบริสุทธิ์ถึงแปดส่วนหรอก แต่นางแอบใส่น้ำทิพย์วารีลงไปด้วยจึงทำให้มีความบริสุทธิ์เพิ่มขึ้น ที่ทำแบบนี้ก็เพื่อหน้าตาของท่านอาจารย์โดยเฉพาะ
ลี่อิน อินฉินและคนอื่น ๆ ทยอยส่งขวดยาเพราะเวลาที่เริ่มจะหมดลงบางคนก็ถอดใจเพราะเกินระยะเวลาที่กำหนดเอาไว้ แต่ไม่ต้องประกาศทุกคนก็พอจะเดาได้ว่าผู้ชนะคือผู้ใดคงไม่พ้นศิษย์เอกของท่านอาจารย์หม่าชิงหลุนเป็นแน่
"ศิษย์น้อง!! ข้ายินดีด้วยพวกเจ้าเก่งมากแถมยังมีธาตุพิเศษอีกต่างหาก" อินฉินเอ่ยยินดีกับศิษย์น้องทั้งสองคนพวกนางช่างมีพรสวรรค์สมแล้วที่เป็นศิษย์เอกของท่านอาจารย์หม่า
"ขอบคุณเจ้าค่ะศิษย์พี่อินฉิน" ไป๋หลันและมีมี่เอ่ยขอบคุณ
"พรุ่งนี้เป็นการแข่งขันประลองยุทธแล้วเจอกันที่สนามแข่งนะ" อินฉินเอ่ยพร้อมกับส่งยิ้มให้แล้วเดินจากไป...
หลังจบการแข่งขันและประกาศผู้ชนะทั้งสามก็เดินทางกลับที่พักกันและปรึกษากันว่าวันนี้จะปาร์ตี้ฉลองชัยชนะเสียหน่อย คืนนี้ทั้งสามคนและอีกหนึ่งตัวจึงปาร์ตี้ขนมหวานกันหลังจากใช้พลังงานไปเยอะในวันนี้ ขนมหวานมากมายในโลกเก่าของไป๋หลันและมีมี่วางเรียงรายอยู่บนโต๊ะ บัวลอยไข่หวาน ลอดช่องน้ำกะทิแตงไท ขนมชั้น วุ้นสลิ่ม วุ้นมะพร้าวและอีกมากมายหลายอย่าง
เย่วซินที่คุ้นเคยกับอาหารตรงหน้าและชอบอกชอบใจเป็นอย่างมาก เพราะตอนที่ฝึกกันอยู่ในมิติหลายปีไป๋หลันมักจะนำอาหารพวกนี้ออกมาให้นางได้ลิ้มลองอยู่เสมอจนนางเองติดใจไปเสียแล้ว
"ถ้าข้าอ้วนเป็นหมูจนไม่มีบุรุษมาเหลียวมอง แล้วใครจะรับผิดชอบ'' เย่วซินเอ่ย
"พวกเราก็พอกัน ใช่เจ้าคนเดียวเสียที่ไหนกันเล่า'' ไป๋หลันเอ่ยเองก็ชอบขนมหวานเหมือนกันถ้าเย่วซินอ้วนนางก็คงหนีไม่พ้นเช่นกัน
"เจ้ามีคู่หมั้นแล้วใยต้องกังวล" เย่วซินเอ่ย
"ถ้าข้าอ้วนเป็นหมูแล้วคู่หมั้นยังรักข้าเหมือนเดิมก็ถือว่าข้าโชคดีแล้ว..." ไป๋หลันเอ่ย
เมื่อผู้เข้าร่วมประลองทั้งหมดเข้าประจำที่บนเวทีประลองก็เริ่มจับเวลาการแข่งขันทันที การแข่งขันครั้งนี้ไม่อนุญาตให้ใช้พลังธาตุแต่ใช้พลังปราณได้ ผู้เช้าร่วมประลองทั้งหมดจำนวนสี่สิบสามคนเมื่อการต่อสู้เริ่มขึ้นต่างฝ่ายต่างหันดาบเข้าหากันราวกับโกรธแค้นกันมาเนิ่นนาน หลายคนพุ่งเป้ามายังศิษย์น้องใหม่อย่างดรุณีน้อยหน้ารักในชุดสีเขียวกันอย่างกับเห็นขุมสมบัติอยู่ตรงหน้า..
"ห่วย..." ไป๋หลันสบถออกมา พร้อมกับใช้ดาบอ่อนคู่กายที่ฝึกซ้อมจนเข้ามือป้องกันการโจมตีพร้อมกับปล่อยพลังปราณระดับเซียนขั้นสูงออกมาทำให้คนที่เข้าโจมตีกระเด็นหงายหลังล้มไม่เป็นท่าออกจากเวทีประลองไปทันทีโดยที่ยังไม่ได้ลงมืออันใดเลยด้วยซ้ำ
"ปราณระดับเซียนขั้นสูง!!" หลายเสียงร้องออกมาด้วยความตกใจเมื่อเห็นแสงสีขาวเข้มถูกปล่อยออกมาพร้อมรับการโจมตี เพียงแค่รับการโจมตีเท่านั้นนางยังไม่ได้โจมตีกลับเลยด้วยซ้ำแต่คู่ต่อต่างสู้กระเด็นไปไกลจนออกนอกเวทีประลองแพ้ไปเสียแล้ว
'ผู้ใดที่บอกว่าศิษย์อาจารย์หม่าชิงหลุนไร้ค่ากัน!!' หลายคนคิดในใจ
ทางด้านมีมี่และเย่วซินก็รับมือคู่ต่อสู้ได้เป็นอย่างดีเพลงกระบี่บุบผาไร้เงารวดเร็วจนบางคนมองตามแทบไม่ทัน ปราณระดับเซียนขั้นต้นของพวกนางถูกปล่อยออกมาพร้อมกับกระบี่ที่ในมือ พวกนางต้องออมแรงเอาไว้เพราะเกรงว่าจะทำให้คู่ต่อสู่เสียเลือดเนื้อมากจนเกินไป
หลายคนที่นั่งชมต่างตกตะลึงในความสามารถของศิษย์เอกอาจารย์หม่าชิงหลุน เพลงกระบี่บุบผาไร้เงาของดรุณีทั้งสามช่างร้ายกาจสมกับเป็นศิษย์เอกของท่านเจ้าสำนักเสียจริง อย่าว่าแต่เหล่าศิษย์ที่ยังไม่เคยเห็นเคล็ดลับวิชาของอาจารย์เจ้าสำนักแม้แต่อาจารย์ร่วมสำนักทั้งสี่ก็ยังไม่เคยเห็นเช่นเดียว วันนี้พวกเขาได้เปิดหูเปิดตาแล้ว...
เพลงกระบี่บุบผาไร้เงาไม่ใช่ว่าผู้ใดก็สามารถฝึกฝนได้เพราะต้องใช้พลังปราณสูงในการเคลื่อนไหวให้รวดเร็วดังนั้นผู้ที่สามารถฝึกฝนได้ต้องมีพลังปราณระดับเทพขึ้นไปเท่านั้นอย่าว่าแต่เหล่าศิษย์ทั้งหลายที่ยังอาน้อยเลยแม้แต่ผู้ที่ฝึกฝนพลังปราณมานานจนผมกลายเป็นสีดอกเลาบางคนยังไม่สามารถเลื่อนระดับมาได้ถึงขั้นเทพเลยด้วยซ้ำนอกจากผู้ที่มีพรสวรรค์ติดตัวมาเท่านั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลินไป๋หลัน
1...